ตอนที่แล้ว611 - ทายาทมรดกชั่วร้าย   
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป613 - เทพในตำหนักเต๋า 

612 - เป็นใครกันแน่ 


กำลังโหลดไฟล์

612 - เป็นใครกันแน่

“ไม่รู้ว่าตอนที่ข้ากลายเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่คนคนนี้จะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่…”

  

เย่ฟ่านพูดกับตัวเอง เขาปรารถนาอย่างยิ่งที่จะได้ต่อสู้กับคนคนนั้นในตอนที่เขากลายเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่

  

แต่น่าเสียดายที่ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาในโลกนี้ไม่เคยปรากฏจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่สองคนขึ้นพร้อมกัน

ว่ากันว่าสวรรค์และปฐพีของโลกอำพรางสวรรค์นี้ไม่สามารรองรับการดำรงอยู่ของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ถึงสองคนได้

“มันเกี่ยวข้องกับโลกนี้ไหม?”

เย่ฟ่านพูดกับตัวเอง แม้ว่าเขาจะใช้ความคิดอย่างหนักแต่ก็ไม่สามารถทำความเข้าใจได้

  

หลังจากที่เย่ฟ่านจัดการทุกอย่างแล้วเขาก็ออกเดินทางตามหาเด็กหญิงตัวเล็กๆ

  

"เซียวหนานหนาน”

  

เย่ฟ่านต้องการพบเด็กหญิงตัวเล็กๆจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะหินก้อนหลากสีของนาง มันคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะอยู่รอดในดินแดนรกร้างโบราณแห่งนั้น

อย่างไรก็ตามเขารู้ดีว่าเขาไม่สามารถตามหานางเจอในอนาคตอันใกล้นี้ เขาเคยได้ยินจางเหวินชางว่าเด็กหญิงตัวเล็กๆถูกผู้หญิงคนหนึ่งพาตัวไป

  

จางเหวินชางไม่เห็นผู้หญิงคนนั้น เย่ฟ่านเดาว่านั่นคือเย่ฮุ่ยหลิง เขามาที่นี่เพื่อตรวจสอบ เข้าไปในโรงเตี๊ยมและทำการค้นวิญญาณเสมียนในทันที

  

เย่ฟ่านกังวลอยู่ครู่หนึ่ง ในช่วงก่อนหน้านี้ เซียวหนานหนานมักจะป่วยและเอาแต่พูดถึงหินก้อนเล็กๆ ซึ่งทำให้คนในโรงเตี๊ยมตกใจกลัว

ก่อนหน้านี้เจ้าของโรงเตียมต้องการโยนนางออกไปด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายพวกเขาหวาดกลัวต่อเย่ฟ่านและไม่สามารถดำเนินการได้ จนกระทั่งนางหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย  

“นี่คือ”

เย่ฟ่านค้นพบข้อเท็จจริงที่น่าอัศจรรย์โดยการสำรวจความทรงจำของเจ้าของโรงเตี๊ยม ทุกครั้งที่เซียวหนานหนานป่วยหนัก มันก็เหมือนกับช่วงเวลาที่เขาใช้หินก้อนเล็กๆ

  

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาถือมันไว้เป็นครั้งแรก เมื่อเขานำหินก้อนเล็กๆขึ้นไปบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ มันทำให้เซียวหนานหนานป่วยหนักและเกือบตาย

  

“หินก้อนเล็กนี้ไม่สามารถสูญหายได้ เซียวหนานหนานไม่อาจดำรงชีวิตอยู่ได้หากไม่มีมัน!”

เย่ฟ่านตกใจ แม้ว่าหินก้อนเล็กๆหลากสีจะสว่างมากในเวลานี้ แต่เขาก็ยังใส่มันลงในขวดหยกที่มีน้ำพุศักดิ์สิทธิ์เพื่อทำให้พลังชีวิตอันไม่สิ้นสุดของมันดำรงอยู่ตลอดเวลา

  

เย่ฟ่านยังคงมีข้อสงสัยในเรื่องนี้ เขาทำการค้นวิญญาณของทุกคนในโรงเตี๊ยมแต่สุดท้ายก็ไม่ทราบว่าเป็นเย่ฮุ่ยหลิงพานางจากไปหรือไม่

  

“จากมุมมองของเวลาควรจะเป็นเย่ฮุ่ยหลิง แต่ในไม่ช้านางและ หวังชงเซียวถูกโจมตีสังหาร ยังไม่มีใครเห็นนางตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดขึ้น”

  

ในวันนี้เหยากวงปรากฏตัวขึ้นในเมืองเอี๋ยนด้วยความสง่างามเหมือนเช่นทุกครั้ง เหยาซีก็ปรากฏตัวขึ้นเช่นกัน ทั้งสองเปรียบเสมือนคู่รักเทพเซียนที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้

  

“บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงเหยากวงมีจิตใจที่เปิดกว้างแม้ว่าในอดีตเขาจะมีความแค้นกับร่างเซียน แต่เขาก็ยังมาดูใจร่างเซียนเป็นครั้งสุดท้าย”

“เขาอาจจะมีความเสียใจที่คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดต้องจากไปก่อนเวลาอันควร”

  

การประเมินของผู้คนเกี่ยวกับบุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงนั้นสูงมาก พวกเขาเชื่อว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะเดินไปจนสุดเส้นทางที่ยอดเยี่ยมที่สุดอย่างช่วยไม่ได้

ในวันเดียวกันนั้นจี้ฮ่าวเยว่ร่างราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ก็มาถึง นี่คือหนึ่งในร่างศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในตงหวง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะกลายเป็นจุดสนใจของผู้คนมากแค่ไหน

  

ในอดีตร่างราชันย์ศักดิ์สิทธิ์เจียงไท่ซูเคยติดอยู่ในภูเขาสีม่วงมากกว่า 4000 ปี

แม้ว่าเขาจะหมดแรงจนใกล้ตายแล้ว แต่ทันทีที่เขาหลุดออกมาจากดินแดนมรณะเขาก็กลายเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก

นั่นเพียงพอจะพิสูจน์ความยอดเยี่ยมของร่างราชันย์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว หากจี้ฮ่าวเยว่เติบโตขึ้นและไม่ประสบกับภัยพิบัติ อนาคตเขาจะต้องมีความยิ่งใหญ่มากกว่าเจียงไท่ซูแน่นอน

ต้องเข้าใจว่าก่อนหน้านี้เจียงไท่ซูติดอยู่ในภูเขาสีม่วงนานกว่าสี่พันปี มันทำให้พัฒนาการด้านความแข็งแกร่งของเขาหยุดชนะจนเป็นเหตุให้เขาไม่สามารถกลายเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะได้

  

ดวงจันทร์น้อยของตระกูลจี้ก็ตามมาด้วย หญิงสาวคนนี้เป็นนางงามน้อยคนหนึ่ง แม้ว่าตอนนี้นางจะยังอายุเพียงสิบเจ็ดปี แต่เสน่ห์ของนางก็ไม่เป็นรองสตรีศักดิ์สิทธิ์คนใด

  

“ข้าเคยได้ยินมาว่าจี้จื่อเยว่ก็เป็นร่างศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งเช่นกัน ก่อนหน้านี้แม้แต่ผู้อาวุโสหนานกงก็ต้องการรับนางเป็นศิษย์คนสุดท้าย”

“น่าเสียดายที่อายุไขของผู้อาวุโสหนานกงกำลังจะสิ้นสุดลง บางคนบอกว่าเขาติดตามยอดฝีมือรุ่นอาวุโสหลายสิบตัวจาก ดินแดนรกร้างตะวันออกเข้าไปในวังทองแดง จนกระทั่งตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่ออกมา”

จี้ฮ่าวเยว่มองเย่ฟ่านจากระยะไกล แม้ว่าเย่ฟ่านจะเป็นศัตรูกับตระกูลจี้อย่างเปิดเผย แต่ในความเป็นจริงความแค้นระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้มีอะไรเลย

ลูกหลานของตระกูลจี้ที่ตายส่วนมากล้วนแล้วแต่เป็นคู่แข่งของสองพี่น้องทั้งสิ้น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้มองว่าเย่ฟ่านเป็นศัตรูตั้งแต่แรก

  

แม้ว่าน้ำตาของจี้จื่อเยว่จะไหลออกมาไม่หยุด แต่จี้ฮ่าวเยว่ก็คว้าแขนของนางไว้แน่นและไม่ปล่อยให้น้องสาวเดินไปหาเย่ฟ่านได้

  

“พี่ใหญ่เขากำลังจะตายแล้ว เจ้าปล่อยให้ข้าไปดูเขาไม่ได้หรือ...”

เมื่อมองเห็นเย่ฟ่านกระอักเลือด มันยิ่งทำให้หัวใจของจี้จื่อเยว่แหลกสลาย

  

“เจ้าทำได้เพียงมองเขาอยู่ตรงนี้เท่านั้น นี่เป็นสิ่งที่ข้ามอบให้ได้มากที่สุด ต่อให้นางเฒ่าจี้ฮุยจะเป็นศัตรูของเรา แต่นางก็เป็นลูกหลานของตระกูลจี้ พวกเราไม่อาจปล่อยให้คนอื่นตำหนิได้”

จี้ฮาวเยว่ไม่ยอมปล่อยให้ความรู้สึกทำลายแผนการใหญ่ของเขา

“น้องข้าเจ้าใจดีเกินไปแล้ว หากเป็นจี้ปี้เยว่เรื่องนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้น”

  

เย่ฟ่านมองดูสองพี่น้องจากระยะไกลก่อนจะพยักหน้าเบาๆและหันหลังกลับ

แม้ว่าจี้ฮ่าวเยว่จะไม่สะดวกใจที่จะคุยกับเย่ฟ่านเป็นการส่วนตัว แต่สำหรับเหยากวงและเหยาซีพวกเขาไม่ได้ประสบปัญหาในเรื่องนี้ พวกเขาเดินเข้าหาเย่ฟ่านและกล่าวด้วยรอยยิ้ม

  

“พี่เย่ พวกเรามารำลึกความหลังกันหน่อยดีหรือไม่”

บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงเหยากวงมีแสงสีทองส่องประกายแม้ในเส้นผม ร่างกายของเขาสว่างสดใสราวกับบุตรแห่งสุริยเทพ เป็นความสง่างามอย่างถึงที่สุด

  

เย่ฟ่านตกตะลึง เขาไม่ได้คาดหวังว่าเหยากวงจะเป็นคนแรกที่ออกมาทักทายเขา เหยาซีที่อยู่ด้านข้างก็ยิ้มแย้มสดใสดูไม่เหมือนกับคนที่เคยเป็นศัตรูกันมาก่อน

  

"บุตรศักดิ์สิทธิ์และสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงร่วมดื่มสุรากับร่างเซียนโบราณ ข้าเชื่อว่าต่อให้เวลาผ่านไปหลายปีผู้คนก็ยังจะรำลึกถึงเหตุการณ์ครั้งนี้"

ด้านนอกโรงเตี๊ยมใครบางคนกล่าวด้วยความชื่นชม

  

ในโรงเตี๊ยมที่เงียบสงบ เย่ฟ่าน เหยากวง เหยาซี นั่งอยู่คนละมุมของโต๊ะ พวกเขาดื่มสุราด้วยรอยยิ้มคล้ายกับว่าเรื่องราวความขัดแย้งในอดีตถูกลบเลือนไปแล้ว

  

“พี่เย่ อย่ามองโลกในแง่ร้าย บางทีเจ้าอาจจะสามารถเอาชีวิตรอดจากภัยพิบัติครั้งนี้ก่อนจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและกลายเป็นมังกรที่แท้จริง”

เหยากวงรินสุราให้เย่ฟ่านและกล่าวด้วยท่าทางสบายๆ

เย่ฟ่านกล่าวว่า “ตอนที่ข้าอยู่ในดินแดนทางเหนือแพทย์อัจฉริยะเคยกล่าวไว้ว่า ถ้าข้าลดระดับการฝึกฝนของตัวเองลงมาที่ตำหนักเต๋า บาดแผลของข้าก็จะสมานไปเอง”

  

เหยากวงยิ้มส่ายศีรษะและกล่าวว่า "ตามความเข้าใจของข้าเกี่ยวกับพี่เย่ เจ้าคงไม่เลือกทางนี้แม้ว่าเจ้าจะตายก็ตาม"

  

ทันทีที่คำเหล่านี้ออกมา หัวใจของเย่ฟ่านก็ตื่นตระหนก จนกระทั่งเหยากวงและเหยาซีจากไปเขาก็ยังไม่เข้าใจว่าเหตุไฉนทั้งสองคนนี้จึงเป็นบุคคลแรกที่เข้ามาพบเขา  

เย่ฟ่านนั่งเงียบๆในโรงเตี๊ยมของเมืองเอี๋ยนเป็นเวลาสามวันจนกระทั่งในช่วงดึกของวันนั้นกลิ่นอายสังหารก็ถูกยิงขึ้นสู่ท้องฟ้า

  

โครม!!

ภายใต้ความผันผวนของพลัง โรงเตี๊ยมที่เย่ฟ่านอาศัยอยู่ถูกทำลายเป็นซากปรักหักพังในทันที

  

หลังจากที่ทำลายลงเตรียมไปแล้วชายหนุ่มที่สวมหมวกสูงรูปร่างแข็งแกร่งเหมือนพยัคฆ์ก็ปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า มือที่ถือง้าวรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสฟาดฟันเข้าใส่ซากปรักหักพังโดยหมายมั่นจะสังหารเย่ฟ่านให้ได้

  

พลังโลหิตของเขาอุดมสมบูรณ์อย่างยิ่ง ความเคลื่อนไหวของเขาราวกับมังกรหนุ่มผู้ยิ่งใหญ่ ทันทีที่ง้าวขนาดใหญ่ของเขาฟาดลงมามันก็ฉีกถนนครึ่งเมืองออกเป็นสองส่วน

  

ปัง!!

เย่ฟ่านกระแทกกำปั้นสีทองของเขาเข้าหาง้าวสี่เหลี่ยมตรงๆโดยไม่หลบเลี่ยง แรงสั่นสะเทือนนั้นทำให้อาคารในเมืองเอี๋ยนกลายเป็นซากปรักหักพังในทันที!

(ประมาณเที่ยงคืนลงให้อีก 2 ตอนครับ)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด