553 - ปรับปรุงหมู่บ้านหินผา
1863 - ปรับปรุงหมู่บ้านหินผา
“ท่านลุง ท่านป้า!”
หนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งรุมเข้ามาแสดงความเคารพต่อสือจื่อหลิง ฉินอี้หนิง
ต้าจวง เอ้อเมิ่งและคนอื่นๆเคยพบพวกเขามาก่อน
สามีภรรยาคู่นี้เคยมาที่หมู่บ้านหินผามาก่อน ย้อนกลับไปเมื่อชีวิตของสือฮ่าวตกอยู่ในอันตรายพวกเขาจึงอยู่ดูแลสือฮ่าวที่นี่เป็นเวลานาน
“ฮ่าฮ่าน้องชาย น้องสาวเจ้าสองคนมาแล้ว”
ผู้คนของหมู่บ้านหินผาให้การต้อนรับเป็นอย่างดี สือหลินหู่ สือเฟ่ยเจียวและคนอื่นๆทักทายพวกเขาอย่างเป็นกันเอง สำหรับพวกเด็กๆทุกคนล้วนแสดงออกด้วยความเคารพต่างเรียกพวกเขาว่าท่านปู่ท่านย่า
ทั้งคู่มีความสุขทักทายทุกคนอย่างกระตือรือร้น ในเวลาเดียวกันการแสดงออกของฉินอี้หนิงก็ซับซ้อน นางกลายเป็นท่านย่าไปแล้ว? กี่ปีผ่านไป?นางรู้สึกเหมือนตัวเองยังเป็นเด็กอยู่!
บางทีผู้หญิงทุกคนก็เป็นแบบนี้ไม่ว่าพวกนางจะงดงามหรือธรรมดา สิ่งที่เป็นศัตรูอันยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกนางก็คือการไหลเวียนของเวลา
“อืมเจ้าก็มาด้วยหรือ…” เอ้อเมิ่งมองไปที่อวิ๋นซี
พวกเขาเห็นหญิงสาวที่มีเส้นผมสีม่วงจึงได้แต่ตกตะลึงกับความงามของนาง อวิ๋นซีคือหญิงงามอันดับหนึ่งของตระกูลเทพสวรรค์
ผิวพรรณของนางนวลเนียนราวกับหยกชั้นดีดวงตาที่ใสเหมือนน้ำค้างฤดูใบไม้ผลิรูปร่างที่นุ่มนวลและสูงสง่าอย่างแท้จริง
“จอมอ้วนในตอนนั้น!” ไป๋โจวร้องออกมา แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ปิดปากของตัวเองลง
ในอดีตสือฮ่าวได้พาอวิ๋นซีและฮั่วหลิงเอ๋อมาที่นี่ ผู้คนในหมู่บ้านหินผาต่างมีความประทับใจอันลึกซึ้งต่อพวกนาง หญิงสาวทั้งสองคนนั้นมีความพิเศษแตกต่างจากเด็กที่เติบโตมาในถิ่นทุรกันดาร
ดอกไม้ประจำหมู่บ้านหูหนิวก็มายืนอยู่ใกล้ๆ อารมณ์ของนางตรงข้ามกับอวิ๋นซี นางกล้าหาญและดุร้ายเหมือนเสือดาวตัวเมียในขณะที่อวิ๋นซีเป็นเหมือนบุปผาที่บอบบาง
แม้ว่าการรับรู้เกี่ยวกับความงามของชาวบ้านจะผิดเพี้ยนไปอย่างมาก พวกเขามักจะชื่นชอบความแข็งแกร่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุด แต่พวกเขาก็ยังสัมผัสได้ว่าอวิ๋นซีเป็นหญิงงามที่เหนือกว่าหูหนิว
"น้องสะใภ้!"
ต้าจวง เอ้อเมิ่ง ปี้ฮั้วและคนอื่นๆต่างรีบทักทายอวิ๋นซี วิธีการทักทายของพวกเขาทำให้ใบหน้าของอวิ๋นซีแดงขึ้นทันที
แม้ว่ารูปลักษณ์ของนางจะดูเงียบสงบ แต่คำทักทายแบบนี้ก็ยังทำให้นางตกใจ นี่…ตรงไปตรงมาและทื่อเกินไปจริงๆ
“ข้าไม่…” นางอธิบายเบาๆ ใบหน้าสีขาวเป็นประกายของนางไม่เพียงแต่เปลี่ยนเป็นสีแดง แม้แต่หูที่สดใสของนางก็ยังแดงด้วย
เมื่อเห็นฉากนี้สือฮ่าวก็ตกตะลึงภายในใจ เขานึกถึงเหตุการณ์เก่าๆบางอย่าง ย้อนกลับไปตอนที่เขาพบอวิ๋นซีครั้งแรกพวกเขาต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ในท้ายที่สุดเขาก็ไร้ยางอายอย่างสมบูรณ์ทั้งสองต่อสู้กันและกลิ้งไปทั่วพื้น เขากัดหูที่เป็นประกายของอีกฝ่ายจนทำให้นางยอมแพ้ เหตุการณ์ที่ผ่านไปทำให้เขาหัวเราะเบาๆกับตัวเอง
"อะไร? ยังไม่ใช่น้องสะใภ้?” ต้าจวงกระแทกแขนของเขาเข้าใส่สือฮ่าวและถามเบาๆ
“ข้าต้องบอกว่าหนูน้อยหูหนิวรอเจ้ามาหลายปีแล้วในที่สุดนางก็ทนไม่ได้จนต้องแต่งงานไป ถ้าเจ้ายังไม่แต่งงานหูหนิวจะต้องจะเสียใจที่แต่งงานเร็ว” เอ้อเมิงกล่าว.
แน่นอนว่าหูหนิวจ้องเขาด้วยสายตาดุดัน!
“อา…ฮ่าฮ่า…นี่คือภรรยาของข้าในอนาคต พวกเจ้าเรียกนางว่าน้องสะใภ้ก็ไม่เห็นว่าจะผิดอะไร” สือฮ่าวรีบดึงอวิ๋นซีเข้ามาใกล้
ใบหน้าของอวิ๋นซีเป็นสีแดงและดุด่าเขาเบาๆ
“เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระ!”
อย่างไรก็ตามนางไม่ได้ต่อต้านมากเกินไปเช่นกัน ไม่ว่าจะอย่างไรนางก็ติดตามเขามาจนถึงอาณาจักรที่ต่ำกว่าทุกสิ่งทุกอย่างต่างรู้แก่ใจของตัวเองดี
“เจ้าเป็นภรรยาของเขาจริงๆเหรอ” หูหนิวกล่าวด้วยน้ำเสียงคุกคาม
เด็กผู้หญิงคนนี้โตขึ้นรูปร่างของนางแข็งแรงปราดเปรียวราวกับเสือตัวเมีย
ผู้ชายปกติไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางเลย นางถือได้ว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุดคนหนึ่งของหมู่บ้านหินผา
“แน่นอนทำไมนางถึงไม่เป็นล่ะ” สือฮ่าวดึงอวิ๋นซีเข้ามาในอ้อมแขน
“นางดูไม่แข็งแรง ความสวยก็ยังไม่พอ ขาของนางยาวพอสมควร แต่ผอมเกินไปแขนก็นุ่มเกินไปดูไม่แข็งแรงเท่าไหร่ ใบหน้าของนางก็ขาวเกินไปไม่ใช่สีที่ดีต่อสุขภาพ” หูหนิวกล่าว
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินสิ่งนี้เส้นสีดำก็ปรากฏบนหน้าผากของนาง นี่เป็นมาตรฐานแบบไหน?
“แน่นอนว่านางไม่ได้มีสุขภาพดีและงดงามเหมือนเจ้า ข้าแค่ต้องการใครบางคนเพื่อสืบทอดทายาทให้กับตัวเองเท่านั้น” สือฮ่าวกล่าวจบแล้วต้องการจะวิ่งทันที
ในขณะเดียวกันอวิ๋นซีก็พูดไม่ออก!
“ฮ่าฮ่ากลับไปที่หมู่บ้านกันเถอะ! มันเป็นเรื่องยากมากกว่าที่จะมีใครมาเยี่ยมหมู่บ้านของเรา พวกเราควรจัดงานเลี้ยงฉลองให้ยิ่งใหญ่!” สือหลินหู่ร้องออกมา
หัวหน้าเผ่าอาวุโสและคนอื่นๆรออยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้าน สือจื่อหลิงและคนอื่นๆรีบเข้ามาแสดงความเคารพต่อหัวหน้าเผ่าพวกเขารู้สึกขอบคุณชายชราอย่างแท้จริง
ถ้าไม่ใช่เพราะสือหยุนเฟิงเลี้ยงดูก็จะไม่มีสือฮ่าวในวันนี้
“ท่านอาสัตว์เลี้ยงของท่านดูแข็งแรงมากขนของมันเป็นสีทองเหมือนผ้าไหม นี่เป็นสัตว์ร้ายที่จะนำมาเป็นอาหารหรือว่ามันเป็นเหมือนกับเต่าดำที่เป็นสัตว์ขี่ของท่าน?” เด็กในหมู่บ้านถาม
“มันน่าอร่อยทีเดียว” ลูกชายของเอ้อเมิ่งพูดอย่างไร้เดียงสา
ที่ด้านข้างเส้นเลือดของสิงโตสีทองโผล่ขึ้นมาบนหน้าผากทันที ถ้าไม่ใช่เพราะสือฮ่าวกำชับมันไว้แล้วมันคงจะอ้าปากออกมาให้เด็กน้อยดูว่าใครกันแน่ที่จะกินใคร!
เห็นได้ชัดว่าสายเลือดของตระกูลหินล้วนแต่เป็นนักชิม มิฉะนั้น สือฮ่าวจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่เขายังเด็กได้อย่างไร? นี่เป็นประเพณีของเผ่าพันธุ์นี้!
สือฮ่าวคำรามด้วยเสียงหัวเราะ “ฮ่าฮ่าตอนนี้เราจะเลี้ยงสิงโตตัวนี้ไว้ก่อน เมื่อมันไม่เชื่อฟังข้าจะย่างเจ้าสิงโตตัวนี้ให้พวกเจ้ากินเอง”
“โอ้! ตกลง!” เด็กกลุ่มนั้นส่งเสียงโห่ร้องหมายความว่าพวกเขากำลังจะได้กินเนื้อสิงโต
สิงโตสีทองโกรธมากมันคือราชสีห์ผู้กล้ามีความแข็งแกร่งในฐานะราชาอีกฟากหนึ่ง
แต่ในหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้มันถูกวางแผนที่จะถูกทำให้เป็นอาหารในอนาคต!
“ท่านอาเราขอนั่งมันหน่อยได้ไหมข้าอยากรู้ว่ามันจะเร็วเหมือนเจ้าขาวน้อยหรือเปล่า?” มีเด็กๆถามด้วยสีหน้ามีความหวัง
"แน่นอน!" สือฮ่าวพยักหน้า จากนั้นเขาเตือนสิงโตทองให้ประพฤติตัวดีๆ
เด็กกลุ่มใหญ่ล้อมรอบมัน นับตั้งแต่ที่พวกเขาพบว่ามันเป็นสัตว์ขี่ของสือฮ่าว พวกเขาทุกคนต่างก็อยากรู้อยากเห็นอย่างมากอยากเห็นว่าสัตว์ร้ายที่น่ากลัวของเขานั้นจะแข็งแกร่งเพียงใด
เห็นได้ชัดว่าสิงโตทองอารมณ์ไม่ดี ด้วยความโกรธร่างทั้งร่างของมันเปล่งประกายด้วยแสงหลากสีกวาดเด็กทั้งหมดพาเด็กกลุ่มใหญ่มาด้วยขณะที่มันวิ่งออกไป
มีเด็กมากมายที่นั่งอยู่บนหลังของมันคนอื่นๆทั้งหมดถูกแสงกวาดตามไปพร้อมกับเคลื่อนไหวราวกับสายฟ้าแลบ
“นี่มันรวดเร็วเกินไปจะไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?” กลุ่มผู้ใหญ่มึนงง
"ทุกอย่างปกติดี!" สือฮ่าวส่ายหัว
แสงหลากสีกระจัดกระจาย อาหารทุกประเภทถูกจัดเตรียมไว้ในหมู่บ้าน ทุกคนนั่งคุยกันพร้อมกับรับประทานอาหารอร่อยๆ
สือฮ่าวนำสิ่งดีๆกลับมามากเกินไป น่าเสียดายที่มีหลายสิ่งที่ชาวบ้านใช้ไม่ได้
ตัวอย่างเช่นเนื้อสัตว์ที่ดุร้ายเป็นร่างที่แท้จริงของผู้เชี่ยวชาญอาณาจักรปลดปล่อยตนเองซึ่งมีแก่นแท้พลังศักดิ์สิทธิ์ที่น่าสะพรึงกลัว
ผู้คนที่อยู่ในหมู่บ้านไม่สามารถรับประทานมันได้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้ทิ้งมันไป หัวหน้าเผ่าอาวุโสได้เตรียมหม้อขนาดใหญ่หลายๆหม้อให้สือฮ่าวปรับเปลี่ยนมันเป็นน้ำแกง หลังจากเจือจางแล้ว
พวกเขาจะเก็บของสิ่งนี้ไว้เป็นยาศักดิ์สิทธิ์เพื่อที่จะใช้บำรุงร่างกายของเด็กๆในอนาคต
“ท่านปู่ท่านใช้มันตามความต้องการเลย เนื้อสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ข้าได้เตรียมมันมาอย่างมากมาย! ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้ให้เด็กๆแม้แต่ผู้ใหญ่ก็ยังมีเพียงพอเหลือเฟือ” สือฮ่าวกล่าว
เขาจัดการกับเนื้อพวกนั้นเป็นการส่วนตัวเพื่อป้องกันไม่ให้พลังศักดิ์สิทธิ์ในเนื้อสัตว์ทำร้ายร่างกายของพวกเขา
ผู้คนจำนวนมากสามารถดื่มน้ำแกงที่เจือจางได้เท่านั้น
เหยื่อที่ชาวบ้านนำกลับมาจากถิ่นทุรกันดารไม่จำเป็นต้องประหยัดอีกต่อไป พวกเขาสามารถกินและดื่มได้ตามต้องการสถานที่แห่งนี้มีชีวิตชีวามาก