เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 119
ตอนที่ 119
อย่างไรเสีย สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการหยุดยั้งปัญหาใดๆ ก็ตามที่จะส่งผลต่อพิธีชำระล้างหม้อสามขาทมิฬ หากมีสิ่งใดก็ตามเกิดขึ้นกับแท่นบูชา ผู้อาวุโสในราชวงศ์ย่อมไม่ปล่อยพวกมันให้รอดไปได้อย่างแน่นอน! ต่อให้พวกมันตกตายลงนับหมื่นครั้งก็มิอาจจะหลบพ้นโทษทัณฑ์ได้!
ในขณะเดียวกัน หลินซวนและผู้พิทักษ์ต้นหลิวกลับมิได้ใส่ใจยู่ตู่เฟยแต่อย่างใด กิ่งหลิวเพียงจัดการกับเหล่าผู้บ่มเพาะแก่นทองคำที่เหลืออีกสามคนที่ขวางทางอยู่และมุ่งหน้าตรงไปยังหม้อไปนั้นก่อนที่กิ่งหลิวจะตวัดปลายของมัน!
ทว่า กิ่งหลิวหยกนั้นมิได้ทำลายหม้อสามขาโบราณ แต่เลือกที่จะใช้กิ่งก้านโอบล้อมหม้อเอาไว้ลงดึงมันออกมาจากแท่นบูชา!
“ไม่!”
“วางลงเดี๋ยวนี้!”
ยู่ตู่เฟยคำรามลั่น มันมิได้สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับยอดฝีมือก่อนหน้านี้ทั้งหกคนอีกต่อไป ถึงวิญญาณสามในสิบส่วนของมันจะสูญสลายแต่มันก็ยังแค้นเอาพละกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อพุ่งไปและพยายามจะแย่งชิงหม้อสามขากลับคืนมา!
“เจ้ากล้าดีอย่างไร!”
“ราชวงศ์อมตะของข้าคือกองกำลังที่แข็งแกร่งเป็นอันดับหนึ่งของอาณาเขตเหนือครามแห่งนี้ พวกเรามีศิษย์และยอดฝีมือนับไม่ถ้วน! หลินซวน หากเจ้าขโมยหม้อสามขาไป เจ้ามิกลัวว่าราชวงศ์จะตามไปล้างแค้นหรืออย่างไร?”
“วางหม้อใบนั้นลงเดี๋ยวนี้ ไม่แน่ว่ามันยังพอเหลือทางให้เจ้าได้เจรจากับราชวงศ์ได้!”
ทว่า เพียงประโยคนั้นของยู่ตู่เฟยจบลง กิ่งหลิวอีกกิ่งที่ลอยอยู่ท่ามกลางทะเลสายฟ้าก็เสร็จสิ้นการดูดซับอัสนีสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ก่อนที่มันม้วนฟาดลงมาทันที!
เสียงฉีกขาดบังเกิดขึ้น ร่างของยู่ตู่เฟยถูกแยกออกเป็นสองส่วนราวกับถูกกระบี่วิเศษตัดผ่ากาย โลหิตหลั่งไหลราวกับน้ำตก แก่นทองคำเองก็ถูกทำลายย่อยยับ!
“ไม่!!”
ไกลออกไปสามพันฉื่อ แสงสว่างสองสายพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง เป็นชายชราสองคน บรรยากาศรอบการปั่นป่วนรุนแรง เมื่อมองเห็นซากศพของยู่ตู่เฟยรวมถึงหม้อสามขาทมิฬที่ถูกช่วงชิงไป โทสะปะทุขึ้นในแววตาและจิตสังหารกระจายไปทั่วท้องฟ้า!
“บังอาจ!”
ตาแก่สองคนนั้นคือยอดฝีมือที่ถูกสั่งให้เดินทางมาที่นี่จากราชวังจักรพรรดิของราชวงศ์อมตะ!
ความรวดเร็วของพวกมันมากเสียงยิ่งกว่าประกายสายฟ้า กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมาดุร้ายและทรงพลังราวกับอสูรโบราณ เพียงโจมตี โลกทั้งใบยังต้องเปลี่ยนสี!
หากแต่ ไม่ว่าพวกมันจะรวดเร็วเพียงใด ก็มิได้รวดเร็วไปกว่าผู้พิทักษ์วิญญาณ!
ทะเลอัสนีที่ปกคลุมท้องฟ้าจางหายไปราวกับกลุ่มควัน กิ่งหลิวทั้งสองกวาดผ่านพลางม้วนเอาตัวหลินซวนและหม้อสามขาทมิฬเข้ามา ก่อนจะสร้างรอยแยกมิติขึ้นและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย!
ก่อนที่จะจากไป หลินซวนจ้องมองไปที่ยอดฝีมือทั้งสองของราชวงศ์อมตะด้วยสายตาเย็นชาและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนาวยะเยือกยิ่งกว่า
“ราชวงศ์อมตะ อย่าได้คิดว่าข้าจะยอมจบเรื่องนี้ง่ายๆ!”
“เมื่อข้ากลับมา ข้าจะสังหารพวกเจ้าทั้งหมด!”
แสงสีเขียวเจิดจ้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่การโจมตีของฝ่ายตรงข้ามจะมาถึง กิ่งหลิวก็นำพาหลินซวนจากไปเป็นที่เรียบร้อย!
พลังปราณที่เกิดจากคนของราชวงศ์ทั้งสองกระทบกับพื้นดิน ภูเขาทั้งลูกที่อยู่ในบริเวณนั้นสลายกลายเป็นเศษซาก ก้อนหินหลอมเหลวจนกลายเป็นของเหลว และหลุมลึกปรากฏขึ้นแทบจะในทันที!
ทว่า แม้พวกมันจะแข็งแกร่งเพียงใด พวกมันก็มาสายไปเสียแล้ว!
รอยแยกของมิติปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ตามมาด้วยร่างหนึ่งที่ก้าวออกมา เป็นหญิงสาววัยเพียงยี่สิบหนาวคนหนึ่ง นางสวมใส่ชุดคลุมสีแดงสดและประดับขนนกดำไว้บนไหล่ ใบหน้างดงามไร้ที่ติทว่าดูเย็นชา ดวงตาปลดปล่อยกลิ่นอายที่เก่าแก่ยิ่งออกมา
นางก้าวออกมาเบื้องหน้าและไปปรากฏตัวอีกครั้งข้างศพหนึ่งบนผืนดิน เพียงพลิกข้อมือคราหนึ่ง ร่างนั้นก็ลอยขึ้นมา ใช่เวลาตรวจสอบชั่วครู่ นางส่ายหน้าพลางเอ่ยเสียงเบา
“ไม่มีทางช่วยเหลือเขาได้แล้ว”
“การโจมตีนั้นรุนแรงเกินไป เขาสิ้นชีพลงภายในกระบวนท่าเดียว ดวงวิญญาณและแก่นทองคำทั้งหมดถูกทำลาย ไม่หลงเหลือโอกาสได้เวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป”
หญิงสาวนางนั้นหันหลังกลับไปอย่างเงียบงัน ร่างเงาพร่าเลือนปรากฏขึ้นข้างกาย ราวกับว่าร่างพร่ามัวนั้นปกคลุมด้วยธาตุทั้งห้า
“ไม่เพียงแค่ยู่ตู่เฟยเท่านั้น ตัวตนชนชั้นแก่นทองคำทั้งหมดที่คอยอารักขาแท่นบูชาในตำแหน่งลี่หัวแห่งนี้ล้วนตกตายจนหมดสิ้น” หญิงชุดแดงคนนั้นเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นเยียบ ประกายแสงวาววับในดวงตาคล้ายเป็นชิ้นส่วนแห่งกาลเวลาหมุนอยู่ ราวกับว่านางสามารถมองทะลุผ่านสายธารแห่งกาลเวลาและสาเหตุการตายของคนทั้งหมดได้!
ชัดเจนว่านางเป็นยอดคนผู้หนึ่งซึ่งสามารถหยุดความแก่ชราของตนไว้ได้ เป็นตัวตนระดับครึ่งก้าวสู่แดนปราณก่อตั้งจิต
“หกคนสิ้นชีพจนหมด กระทั่งเจ้าชายของราชวงศ์เราก็เป็นอีกหนึ่งคนที่กลายเป็นศพเช่นกัน”
ปรากฏร่างขึ้นมาอีกหนึ่ง เป็นชายชราผมเผ้าขาวโพลนในชุดรุ่มร่าม ดูคล้ายเทพเซียนซึ่งอยู่เหนือความจริงทั้งมวล ทว่าในตอนนี้ ใบหน้าของมันกลับมืดครึ้มราวกับปกคลุมไปด้วยเมฆดำทะมึน โทสะพุ่งทะยานในแววตาคล้ายต้องการจะเผาไหม้ทุกสรรพสิ่งให้กลายเป็นเศษธุลี
“ปัญหาใหญ่ที่สุดคือพวกเราปล่อยให้คนที่ขโมยส่วนหนึ่งของหม้อสามขาทมิฬดันสวรรค์เก้าชั้นฟ้าหนีรอดไปได้!”
หม้อสามขาทมิฬนั้นคือกุญแจไปสู่ความเป็นอมตะของราชวงศ์เรา หากว่าไม่มีหม้อที่อยู่ในตำแหน่งลี่หัวใบนั้น แล้วพิธีกรรมทั้งหมดจนสำเร็จได้อย่างไร?”
ตาแก่หัวขาวเกรี้ยวกราดถึงขีดสุด แขนเสื้อสะบัดตามพลังปราณที่ปล่อยออกมาด้วยแรงอารมณ์ ผู้บ่มเพาะบางส่วนที่อยู่ห่างออกไปถูกแรงกระแทกที่เกิดขึ้นบดขยี้เป็นชิ้นๆ!
นี่นับได้ว่าน่าหวาดผวายิ่งนัก และหากกล่าวถึงความน่าหวั่นเกรงทั้งหลาย ผู้คนสามารถยั่วยุตระกูลใดในอาณาเขตเหนือครามก็ได้ ยกเว้นเพียงราชวงศ์อมตะเท่านั้นที่มิควรไปตอแย ทุกคราวที่คนของราชวงศ์เคลื่อนไหว พวกมันล้วนกวาดล้างทั้งตระกูลของศัตรูจนหมดสิ้นไปจากใต้หล้า!
ทางด้านหญิงสาวในชุดแดง ใบหน้าของนางอัปลักษณ์เหลือทน นางบังคับตนเองให้หายใจเข้าลึกยาว แสงบางเบาปรากฏเหนือฝ่ามือ ก่อนที่ภาพหนึ่งจะถูกฉายออกมาจากอักขระเต๋ากลายเป็นช่วงเวลาที่หลินซวนหายตัวไป
“ดูเหมือนว่ามันยังเป็นเพียงทารกเท่านั้น แต่ข้าสามารถบอกได้ว่ามันเป็นใคร” นางกล่าวขึ้นพลางหรี่ตาลง
“ยู่ตู่เฟยเคยกล่าวถึงมันอยู่คราวหนึ่งเมื่อราวครึ่งปีก่อน เขาบอกแก่ข้าว่าได้ค้นพบอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมในอาณาจักรฉีซานที่สามารถจะใช้เป็นเครื่องสังเวยชั้นเยี่ยมของหม้อสามขาทมิฬได้ เป็นทารกแรกเกิดของตระกูลหลิน หลินซวน”
“หลินซวน?” ตาเฒ่าผมขาวสะบัดแขนคราหนึ่ง ดวงตาของมันดำมืดมิต่างจากสีหน้าแต่อย่างใด
“แล้วกิ่งต้นหลิวพวกนั้นเล่า?”
ทั้งที่มองอย่างไรก็เป็นเพียงกิ่งของต้นหลิวสามัญที่ทั้งอ่อนแอและนุ่มนิ่มเท่านั้น เหตุใดจึงทรงพลังถึงเพียงนี้
ทว่า กิ่งหลิวที่ดูธรรมดานั้นกลับกลายเป็นอาวุธที่คมกล้ายิ่งกว่ากระบี่ศักดิ์สิทธิ์จากสรวงสวรรค์ กระทั่งตัวตนในระดับขั้นสูงสุดของแดนปราณแก่นทองคำเช่นยู่ตู่เฟยยังมิอาจจะต้านทานได้แม้แต่น้อย ขึ้นขั้นสามารถหม้อสามขาออกมาจากการปกป้องของค่ายกลนับไม่ถ้วนและหลบหนีไปได้ภายใต้การจับกุมของยอดฝีมือถึงสองคน!
ต้องรู้ก่อนว่าชายแก่และหญิงสาวคู่นี้ที่จริงแล้วเป็นผู้บ่มเพาะระดับครึ่งก้าวสู่แดนก่อตั้งจิต!
ตกลงแล้วกิ่งหลิวนั้นคือสิ่งใดกันแน่? เหตุใดจึงน่าขวัญผวาเพียงนี้? เพียงมองเห็นมันผ่านภาพที่ปรากฏออกมาจากอักขระเท่านั้นกลับทำให้รู้สึกถึงกลิ่นอายที่สะกดข่มรุนแรง กระทั่งปราณวิญญาณรอบกายยังมิอาจควบคุมให้สงบนิ่งได้ ราวกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับตัวตนที่มิอาจต่อกร
“ข้าเองก็มิแน่ใจเช่นกัน ไม่แน่ว่าอาจเป็นทักษะช่วยชีวิตบางประการของหลินซวน!” ยายเฒ่าในคราบหญิงสาวเอ่ย
“หลินซวนผู้นี้อาจเป็นยอดอัจฉริยะสมัยบรรพกาลสักคนกลับมาเกิดใหม่ก็เป็นได้!”
ยอดอัจฉริยะบรรพกาลที่กลับมาเกิดอีกครั้ง? ได้ยินประโยคนั้นของร่างในชุดคลุมสีแดง ตาแก่หัวขาวมีสีหน้ามิสู้ดีนัก หากว่าสิ่งนี้กลายเป็นเรื่องจริงแล้ว แสดงว่าอีกย่อมต้องมีไพ่ตายและทักษะชั้นยอดเก็บงำเอาไว้มิใช่น้อย...