ตอนที่ 703+704 อ้อนแอ้นเหมือนผู้หญิง
ตอนที่ 703 อ้อนแอ้นเหมือนผู้หญิง
เธอจะทำอะไรได้บ้างเล่า? ก็เธอไม่เข้าใจภาษาของเมืองนี้นี่? ไม่ว่าลู่ชิงสีจะพูดอะไร ก็คงต้องเชื่อตามนั้น
“ตอนนี้ที่ฉันเข้ามาในเขตของ YN ฉันรู้สึกราวกับเป็นคนไม่รู้หนังสือ รู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย” ในฐานะนักเรียนดีเด่น จู่ ๆ เธอก็กลายเป็นคนไม่รู้หนังสือ ความแตกต่างนี้ทำให้เจียงเหยารู้สึกว่าเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะปรับตัวเข้ากับมัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปที่ลู่ชิงสี ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รู้สึกไม่สบายใจอะไรเลย
“คุณพูดภาษา YN ได้ยังไงคะ” เจียงเหยาถาม “เรียนมาจากวิทยาลัยเตรียมทหารเหรอ?”
“อืม” ลู่ชิงสีตอบ “ตอนที่วิทยาลัยเปิดวิชาเลือก ผมไม่มีอะไรทำ เลยลงเรียนไปทุกวิชา”
มุมปากของเจียงเหยากระตุก “ทุกคลาส มีทั้งหมดกี่คลาสคะ?”
“ตั้งแต่ปีหนึ่งจนถึงปีที่ที่สอง สองปี ผมเรียนตั้งแต่ ทุ่มถึงสี่ทุ่มทุกวัน และทุกสุดสัปดาห์อีกสองวัน ที่ได้เรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ผมน่ะความจำดีนะ เลยเรียนรู้ได้เร็ว” ลู่ชิงสีพูดอธิบาย ไม่ได้เป็นการโอ้อวดแต่อย่างใด
เขาและลู่อี้ชิงเรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เด็ก ครอบครัวของพวกเขาร่ำรวย และก่อนที่เขาจะเข้าเรียนโรงเรียนมัธยม ครอบครัวลู่ได้จ้างครูที่เกษียณมาจากต่างประเทศเพื่อสอนภาษาอังกฤษให้กับเขาทั้งสามคน แม้ลู่เสี่ยวเซียวจะไม่เก่งภาษาอังกฤษที่สุดในกลุ่ม ก็ยังสามารถพูดภาษาอังกฤษได้คล่องมาก
อาจเป็นเพราะเขาเรียนรู้ภาษาอื่น ๆ ตั้งแต่เด็ก ทำให้ลู่ชิงสีสามารถเรียนรู้ภาษาได้อย่างรวดเร็ว
วิชาเลือกไม่ได้สอนลึกอะไรมากมาย ดังนั้นหลังจากสองปี ลู่ชิงสีก็ได้เรียนวิชาเลือกทั้งหมดที่เขาสามารถเรียนได้
มีเพียงบางประเทศที่ภาษาซับซ้อนยากเสียจนพูดไม่ได้ ทว่าบทสนทนาและคำพูดพื้นฐานก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับลู่ชิงสี
เจียงเหยาเงียบลงอย่างเงียบ ๆ แล้วโน้มตัวไปอีกข้าง ต้องการอยู่ให้ห่างจากนักวิชาการชั้นยอดที่น่าสะพรึงกลัวอย่างลู่ชิงสี
“ทำอะไรน่ะ? นั่งให้ดี ๆ!” ลู่ชิงสีไม่พอใจเมื่อเห็นเจียงเหยาโน้มตัวไปที่มุมฝั่งตรงข้ามกับเขา เขาดุเธอด้วยเสียงต่ำและดึงเธอกลับเข้ามาในอ้อมแขนของเขา “ทำไมถึงไปนั่งไกล”
เจียงเหยาขมวดคิ้ว เธอไม่สามารถพูดออกมาได้ว่าความมั่นใจของเธอถูกสามีของเธอทำลาย ทำให้เธอไม่ต้องการนั่งข้างเขาอีกต่อไป
“เปียโนที่บ้าน ของคุณหรือของพี่สาวคะ?” เจียงเหยาถามขึ้น
หลังจากที่เธอแต่งงานเข้าไปในครอบครัวลู่ เปียโนตัวนั้นมีฝุ่นจับหนา เห็นได้ชัดว่าแม่ลู่และพ่อลู่เล่นไม่เป็น ดังนั้นน่าจะเป็นของลู่ชิงสี ไม่ก็ลู่อี้ชิง
“พี่กับผมเคยใช้มันตอนที่เรายังเด็ก” ลู่ชิงสีกล่าว “ตอนนั้น ครอบครัวไม่ได้สุขสบายเหมือนอย่างในตอนนี้ พ่อแม่กัดฟันซื้อเปียโนให้ผมกับพี่สาวได้เรียนเปียโน ผมเรียนอยู่สองปี ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ ผมใจร้อนจนโดดเรียนทุกครั้งที่มาเรียนเปียโน ต่อมามีเพียงพี่สาวคนเดียวที่ใช้”
“ตอนนี้คุณยังเล่นเป็นไหมคะ?” ดวงตาของเจียงเหยาเป็นประกาย “ถ้าอย่างนั้น คราวหน้า คงได้ฟังสินะ!”
“ผมฝึกเล่นตั้งแต่เมื่อเก้าขวบ ตอนนี้ผมลืมไปหมดแล้ว” ลู่ชิงสีเหลือบมองไปที่เจียงเหยา หยุดครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นอีกว่า ในตอนนั้นคิดว่าการเรียนเปียโนเป็นกิจกรรมของเด็กผู้หญิง เด็กผู้ชายที่เล่นเปียโนก็มีแต่พวกหน่อมแน้มนิสัยคล้าย ๆ ผู้หญิง”
ทันทีที่ลู่ชิงสีพูดจบ หวงเฉิงจิ้งที่นั่งอยู่ข้างหน้าก็สำลักน้ำลายและเริ่มไอ
ลู่ชิงสีหัวเราะอย่างเย็นชา นี่เป็นผลจากการแอบฟังการสนทนาของคู่รักคู่อื่น
__
ตอนที่ 704 สมบัติของเขา
เจียงเหยาแอบมองไปที่หวงเฉิงจิ้ง เธอคิดกับตัวเองว่าเขาสำลัก หลังจากได้ยินคำพูดของลู่ชิงสี นั่นหมายความว่า หวงเฉิงจิ้งสามารถเล่นเปียโนได้ เขาคงจะเล่นได้ค่อนข้างดีทีเดียว มันอาจจะหนึ่งในความสนใจของเขาเสียด้วยซ้ำ
ไม่น่าแปลกใจที่ครอบครัวเช่นครอบครัวหวง ให้ความสำคัญกับการเลี้ยงดูความสามารถตั้งแต่เด็ก ๆ ดูอย่างหวงเฉินเฉินได้เริ่มเรียนรู้โน้ตเพลง โด-เร-มี
หลังจากนั้นเจียงเหยาไม่ได้ถามอะไรลู่ชิงสี ราวกับเด็กขี้สงสัยอีก เธออดไม่ได้ที่จะบ่นในใจ
เธอรู้สึกว่ามันแปลกมากที่ลู่ชิงสีชอบเธอ
ตระกูลลู่มีชื่อเสียงมากในเมืองและทั่วทั้งมณฑล ชีวิตของลู่ชิงสีแตกต่างไปจากเด็ก ๆ ในเมือง เขาสามารถเล่นเปียโนและรู้ภาษาอังกฤษตั้งแต่ชั้นประถม เจียงเหยายังรู้ด้วยว่าลู่ชิงสีได้เรียนรู้การเขียนอักษร ทำให้ลายมือของเขา..ดีกว่าคนทั่วไป
ส่วนเธอ?
เธอเป็นเพียงลูกสาวของครอบครัวที่ยากจนในหมู่บ้าน มันยากมากสำหรับเธอที่จะจินตนาการว่าทำไม ลู่ชิงสีถึงตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น?
เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนจากสวรรค์และเธอเป็นคนที่อาศัยอยู่ในโคลนและน้ำ เธอไม่ควรมีความสัมพันธ์กับเขา แต่ในที่สุดเขาก็แต่งงานกับเธอ
เจียงเหยาคิดเกี่ยวกับมันและได้ข้อสรุปว่า ลู่ชิงสีเป็นคนโง่และตาบอดในตอนนั้น ซึ่งเป็นสาเหตุให้เขาตกหลุมรักเธอ
ตอนที่เธออยู่ที่โรงเรียน เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่เชื่อฟังและเรียนเก่งจริง ๆ ในสายตาของอาจารย์ ตราบใดที่ไม่เกิดเรื่องขึ้น เธอจะสามารถเข้ามหาวิทยาลัยดี ๆ ได้อย่างแน่นอน ในสายตาของลู่ชิงสี เธอเก่งแต่เรื่องการเรียนเท่านั้น ด้วยเหตุผลบางอย่าง..เธอจึงต้องกลายเป็นข้อยกเว้นสำหรับพลังชีวิตของเขา
แม้แต่เจียงเหยาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ โชคชะตาเป็นสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน
เป็นธรรมดาที่เธอถูกเขาทำให้เสียนิสัย ด้วยการดูแลดุจอัญมณี
รถขับจากสนามบินนานกว่าสองชั่วโมงก่อนที่จะถึงที่หมาย ที่นี่เป็นเมืองเล็ก ๆ ค่อนข้างเงียบสงบ
เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ไม่มีอาคารสูงเหมือนเมืองหนานเจียง และไม่มีบ้านไม้อย่างบ้านเกิดของเจียงเหยา บ้านที่นี่สร้างด้วยหินเกือบทั้งหมด ไม่มีใครรู้ว่าวัสดุชนิดใดถูกผสมเข้าด้วยกัน แต่พวกมันถูกกองรวมกันทีละชิ้น
เมื่อหร่วนหยงจุนขับรถไปข้างหน้า ก็เป็นฉากที่แตกต่างออกไป ทันใดนั้น ข้างบ้านโทรม ๆ มีบ้านคอนกรีตสองถึงสามชั้นผุดขึ้นจากพื้นดิน นั่งเป็นบ้านของหร่วนหยงจุน... เป็นหนึ่งในบ้านเหล่านั้น
เจียงเหยาตกใจกับช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนของเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้
เธอลงจากรถและตามลู่ชิงสีและหร่วนหยงจุนเข้าไปในบ้านของหร่วนหยงจุน
บ้านของหร่วนหยงจุนเป็นบ้านสองชั้น มันไม่ใช่ห้องชุดเหมือนเมืองหนานเจียง แทนที่จะเป็นโรงแรม มีห้องแยกต่างหากหลายห้องบนชั้นหนึ่ง ลู่ชิงสีบอกเธอว่าครอบครัวของหร่วนหยงจุนมีคนไม่มาก ห้องพักสองสามห้องในบ้าน..ถูกให้เช่าแก่นักธุรกิจที่มาพักที่นี่เป็นครั้งคราว
ตั้งอย่างเช่น คนอย่างหวงเฉิงจิ้ง
“กว่า 20 กิโลจากเมืองนี้เป็นพื้นที่ทำเหมืองที่อุดมด้วยแร่ธาตุมากที่สุด คนมากมายในเมืองนี้ร่ำรวยจากการพึ่งพาเหมืองเหล่านั้น” ลู่ชิงสีชี้ไปที่ดินแดนใต้เท้าของเขา “ยกตัวอย่างบ้านของหร่วนหยงจุน”
แม้ว่าบ้านของหร่วนหยงจุนจะไม่ค่อยดีเท่าโรงแรมในเมืองหนานเจียง แต่ทุกห้องก็สะอาดมาก มีคนรับใช้สองคนที่มารับผิดชอบทำความสะอาดห้องพัก
“นั่งลง พักผ่อนก่อน ผมจะลงไปที่ห้องครัวเพื่อเตรียมอาหาร หลังจากนี้ผมจะไปหาเพื่อนของหร่วนหยงจุน เขารู้เกี่ยวกับเรื่องเหมืองมากกว่าหร่วนหยงจุน” ลู่ชิงสีกลัวว่าเจียงเหยาจะไม่คุ้นเคยกับการอยู่ที่นั่น ดังนั้นเขาจึงมองดูการแสดงออกของเธอโดยเฉพาะ เมื่อเห็นว่าเธอไม่มีความไม่พอใจใด ๆ ปรากฏบนใบหน้า เขาจึงค่อย ๆ ล็อกประตูและลงไปข้างล่าง