ตอนที่แล้วMDB ตอนที่ 88 ขอบคุณที่ไม่แต่งงานกับเขา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMDB ตอนที่ 90 น้องสาวของซูคาน

MDB ตอนที่ 89 สถานะของหลู่หยุนเหอ


กำลังโหลดไฟล์

เฉินหยวนหยวนโกรธจัด ไม่เพียงแต่ผู้หญิงคนนี้ตบเธอเท่านั้นแต่เธอยังพูดเรื่องไร้สาระที่ทำให้เธอรู้สึกโกรธโดยไม่จบ

ทันใดนั้น ชายหนุ่มคนหนึ่งก็เดินออกมาจากประตู เขามีออร่าที่ไม่ธรรมดาและมีเสือดาวหิมะจุดสีม่วงตามหลังเขามาพร้อมกับอร่าที่คุกคาม บนเสื้อคลุมของชายหนุ่มคนนี้มีลวดลายของเมฆสีแดงสามแถบบนแขนเสื้อ

เช่นเดียวกับสมาคมประเมินสัตว์วิเศษ สมาพันธ์นักบวชยังมีระบบลำดับชั้นโดยใช้ความแข็งแกร่งที่ตัวเองมี

ในสมาพันธ์นักบวช คนที่ไปถึงอาณาจักรที่หนึ่งของพันธสัญญาโลหิต พวกเขาจะได้รับอนุญาตให้ปักลายเมฆสีแดงหนึ่งแถบ หากพวกเขาไปถึงอาณาจักรที่สอง พวกเขาได้รับอนุญาตให้ปักสองแถบ

ด้วยลวดลายสามแถบบนเสื้อคลุมของชายหนุ่ม ใคร ๆ ก็สามารถบอกระดับการบ่มเพาะของเขาและสถานะของเขาในสมาพันธ์นักบวชก็ไม่ควรถูกมองข้าม

เมื่อเห็นการปรากฏตัวของเขา ดวงตาของเฉินหยวนหยวนก็พลันสว่างขึ้นทันที “ญาติผู้พี่!”

“หยวนหยวน เกิดอะไรขึ้น”

เมื่อเห็นน้ำตาในดวงตาของเฉินหยวนหยวน ชายหนุ่มก็รีบเข้ามาด้วยท่าทางไม่พอใจ

“ญาติผู้พี่ พวกเขารวมหัวกันรังแกข้าแถมผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ข้าง ๆ เขายังตบหน้าข้าอีกด้วย” เฉินหยวนหยวนเริ่มฟ้องพร้อมใส่ความ แบบเดียวกับเด็กที่เพิ่งพบพ่อแม่ของเธอ

“บังอาจ!”

ชายหนุ่มรู้สึกโกรธอย่างเห็นได้ชัด กล้าดียังไงมารังแกญาติผู้น้องของเขาที่สมาพันธ์นักบวช พวกเขาจงใจท้าทายอำนาจของเขาด้วยการทำเช่นนั้นงั้นหรือ

ท้ายที่สุด เขาเป็นหนึ่งในห้าผู้ฝึกตนอันดับต้น ๆ ในกลุ่มนักบวชรุ่นเยาว์

“หลินจิน? ผู้ประเมินที่เคยหมั้นกับเจ้างั้นหรือ?” เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มตระหนักถึงเรื่องนี้ เขายิ้มออกมาทันที “เขาเป็นเพียงผู้ประเมินระดับหนึ่งที่ได้รับการรับรองจากโชคช่วย แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ประเมินทางการแต่เขาไม่สามารถเลื่อนตำแหน่งได้ ดังนั้นเขาจึงไม่มีค่าควรแก่การกล่าวถึง ข้าต่อต้านการหมั้นหมายของเจ้าอย่างหัวชนฝาตั้งแต่วันแรก แม้ว่าตระกูลเฉินของเราจะไม่ใช่ตระกูลที่มีชื่อเสียงมากนักแต่เราไม่สามารถปล่อยให้ใครเข้ามาในตระกูลของเราได้อย่างสุ่มสี่สุ่มห้าได้”

เฉินหยวนหยวนได้พบที่พึ่งและมีคนอยู่ข้างเธออย่างชัดเจน

“ญาติผู้พี่ ท่านต้องคืนความยุติธรรมให้ข้า ใช่ หลินจินไม่มีคำเชิญดังนั้นท่านจึงไม่สามารถปล่อยให้เขาเข้ามาได้ไม่ว่าใครจะร้องขอก็ตาม”

ประกายแห่งความเจ้าเล่ห์และความเย่อหยิ่งกลับมาที่ดวงตาของเฉินหยวนหยวนอีกครั้ง

“ไม่ต้องห่วง ข้าจะทวงความยุติธรรมคืนให้เจ้าแน่นอน” ชายหนุ่มลูบไล้หลังมือของเฉินหยวนหยวน เขาใช้โอกาสเอาเศษหาเลยตามที่ใจตองการ

เขามีความต้องการอยู่ลึก ๆ ในเรือนร่างของญาติผู้น้องที่สวยงามของเขา

จากนั้นเขาก็จ้องไปที่หลินจิน

แต่ในไม่ช้า เขาสังเกตเห็นหลู่เสี่ยวหยุน

หัวใจของเขาตกลงไปในตาตุ่มทันที

หลู่เสี่ยวหยุนเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของหลู่หยุนเหอ เขาไม่สามารถยั่วยุพวกเขาได้ หลู่หยุนเหอได้มาถึงอาณาจักรที่สี่ของพันธสัญญาโลหิตของเขาและอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าเขา

ในบรรดารุ่นเยาว์ หลู่หยุนเหออยู่ในสามอันดับแรกและบางคนถึงกับบอกว่าถ้าสิงโตพายุของหลู่หยุนเหอสามารถก้าวไปสู่ระดับสามได้ เขาจะกลายเป็นคู่แข่งกับอัจฉริยะอันดับหนึ่งของสมาคมสมาพันธ์นักบวชของเมืองเมเปิ้ล หยางเจี๋ย

ในขณะเดียวกัน เมื่อเปรียบเทียบเขากับหลู่หยุนเหอ ชายหนุ่มยังด้อยกว่าเล็กน้อย

เมื่อเห็นหลู่เสี่ยวหยุน 'ใกล้ชิด' กับหลินจิน ทำให้เขากลัวที่จะเคลื่อนไหว

“เฉินเฉิง ข้าก็อยากรู้ว่าเจ้าจะช่วยให้เธอทวงความยุติธรรมได้อย่างไร?” ทันใดนั้น หลู่หยุนเหอก็เข้ามาจากอีกด้านหนึ่ง

อันที่จริงเขามาพร้อมกับหลู่เซี่ยวหยุนแต่เมื่อเฉินหยวนหยวนปะทะคารมกับพวกหลินจินก่อนหน้านี้ มันไม่เหมาะที่ผู้ชายอย่างเขาจะเข้าไปแทรกแซง ดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดที่จะปล่อยให้หลู่เสี่ยวหยุนคลี่คลายสถานการณ์ด้วยตัวเอง

เขาเฝ้ามองอยู่จากระยะไกล เมื่อเขาเห็นเฉินเฉิงเข้าร่วมในข้อพิพาท หลู่หยุนเหอก็รู้ดีว่า มันถึงเวลาที่เขาจะต้องก้าวเข้ามา

เฉินเฉิงยังเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในสมาพันธ์นักบวช เขามีที่ปรึกษาที่น่าทึ่ง คน ๆ นั้นเป็นที่ปรึกษาคนเดียวกับที่สอนอัจฉริยะอันดับหนึ่ง หยางเจี๋ยแต่ระดับของเฉินเฉิงนั้นพอดูได้เท่านั้น พันธสัญญาโลหิตของชายผู้นี้ได้รับการฝึกฝนจนถึงอาณาจักรที่สามและสัตว์วิเศษของเขาอยู่ในระดับสอง ทั้งความสามารถและศักยภาพของเขานั้นสูงกว่าคนทั่วไป จึงทำให้เขาอยู่ระดับต่ำกว่าหลู่หยุนเหอ

หลู่หยุนเหอไม่รังเกียจที่จะให้เกียรติคนอื่นในเรื่องอื่น แต่สำหรับเรื่องนี้ เขาปฏิเสธที่จะปล่อยมันไป

เขาไม่อาจมองข้ามความสัมพันธ์ระหว่างน้องสาวของเขากับหลินจินได้ เขายังคงหวังว่าเขาจะได้รับความช่วยเหลือจากหลินจินในการพัฒนาสัตว์วิเศษของเขา ดังนั้น หลู่หยุนเหอจึงต้องยืนเคียงข้างหลินจินไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

เมื่อเห็นหลู่หยุนเหอปรากฎตัว ความรู้สึกหวาดกลัวภายในเฉินเฉิงก็เพิ่มขึ้น หากเขารู้ว่าเหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับหลู่หยุนเหอ เขาจะไม่มีวันเลือกที่จะออกมาแต่ตอนนี้เขาอยู่ที่นี่แล้ว เขาไม่สามารถนิ่งเงียบหรือถอยหนีด้วยความอัปยศอดสูไม่ได้

“ศิษย์พี่หลู่ คือ…” เฉินเฉิงเริ่มแสดงท่าทางสับสน

หลู่หยุนเหอเดินไปที่ด้านข้างของหลินจินและกล่าวว่า “คนที่ตบญาติของเจ้าคือน้องสาวของข้า สำหรับผู้ประเมินหลิน ข้า หลู่หยุนเหอเป็นคนเชิญเขามาแต่ข้าลืมส่งบัตรเชิญไปและตอนนี้ข้าอยากจะถามว่ามีใครยังกล้าปฏิเสธแขกของข้าอีกหรือไม่!?”

ประโยคสุดท้ายนั้นมุ่งเป้าไปที่ผู้คุมที่ขวางหลินจินไว้ พวกเขาเฝ้าดูสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดและตอนนี้ที่หลู่หยุนเหออยู่ที่นี่เพื่อควบคุมสถานการณ์ พวกเขาพูดอย่างรวดเร็วว่า

“พวกเราไม่รู้ว่าเขาเป็นแขกของท่านหลู่ พวกเราต้องขออภัยท่านด้วย ตอนนี้เขาสามารถเข้าไปข้างในได้”

หลู่หยุนเหอพยักหน้าและให้คนของสมาพันธ์นักบวชปฏิบัติหน้าที่ต่อไป

เฉินเฉิงยิ้มกับตัวเองขณะที่เขาคิดว่า 'นี่มันแย่แล้ว เห็นได้ชัดว่าหลู่หยุนเหออยู่ข้างหลินจิน ลืมเรื่องหลู่เสี่ยวหยุนที่ตบหยวนหยวนไปได้เลย ข้าไม่ควรตอแยหลินจินด้วยซ้ำ'

เพราะเขาอาจลงเอยด้วยการถูกหลู่หยุนเหอเล่นงาน

ด้วยความคิดอย่างรวดเร็ว เฉินเฉิงกล่าวทันทีว่า “ข้าคิดว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงความเข้าใจผิด แล้วข้ายังมีบางอย่างที่ต้องดูแล ดังนั้นข้าขอตัวก่อน ศิษย์พี่หลู่”

เมื่อพูดจบ เขาก็ลากเฉินหยวนหยวนที่ยังโกรธอยู่ออกไป

และฉากที่วุ่นวายก็จบลง

หลู่หยุนเหอเข้ามาและเหลือบมองที่หลู่เสี่ยหยุน ในที่สุด เมื่อรู้ว่าเธอยังคงเกาะแขนของหลินจินอยู่ หลู่เสี่ยวหยุนที่เพิ่งรู้ตัว เธอก็รีบปล่อยมือพร้อมกับหน้าแดงทันที

“ท่านพี่ ทำไมท่านไม่มาก่อนหน้านี้?”

เมื่อเป็นหญิงสาว หลู่เสี่ยวหยุนรู้สึกเขินอายได้ง่ายดังนั้นเธอจึงโทษพี่ชายของเธอเพื่อปกปิดอาการเขิน

หลู่หยุนเหอรู้สึกหมดหนทาง เขารู้ว่าสิ่งที่หลู่เสี่ยวหยุนทำเพื่อช่วยหลินจินให้พ้นจากปัญหา ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะถูกเนื้อต้องตัว อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริง หลู่หยุนเหอก็จะไม่คัดค้านเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขา

เขาเคยได้ยินเรื่องการเลื่อนระดับของหลินจินจากน้องสาวของเขา เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าผู้ประเมินระดับสองนั้นน่าทึ่งเพียงใด แม้ว่ามันจะต่างจากระดับหนึ่งเพียงแค่ระดับเดียวเท่านั้น แต่มันก็ไม่ต่างฟ้ากับเหว

ตัวอย่างที่ดีที่สุดคือหวังจี ในฐานะผู้ประเมินระดับสอง เขาสามารถดำรงตำแหน่งหัวหน้าสมาคมประเมินสัตว์วิเศษแห่งเมืองเมเปิ้ลได้ คนที่เขาติดต่อด้วยเป็นประจำส่วนใหญ่เป็นบุคคลสำคัญที่มีหน้ามีตาทางสังคม

ตอนนี้หลินจินเป็นผู้ประเมินระดับสอง ไม่ว่าสถานการณ์ปัจจุบันของเขาจะแย่แค่ไหน ถ้าเขามุ่งเน้นไปที่การขยายเครือข่ายของเขาในปีต่อ ๆ ไป อย่างน้อยเขาก็ควรจะสามารถเป็นผู้อาวุโสได้ในที่สุด

หลู่หยุนเหอยิ้มให้หลินจินและกล่าวว่า “ผู้ประเมินหลิน เซียวหยุนไม่ได้บอกข้าว่าท่านต้องการมา ถ้าข้ารู้ว่าท่านสนใจ ข้าสามารถเชิญท่านได้ด้วยตัวเอง แค่ข้าพูดคำเดียว ท่านก็สามารถเข้าร่วมงานได้!”

“ข้าแค่ถูกลากมาในนาทีสุดท้ายน่ะ” หลินจินยิ้มตอบ ในขณะที่ซูคานยิ้มอย่างเขินอาย

ซูคานไร้เดียงสาเกินไป เขาคิดว่าคนที่นี่จะแสดงความเคารพต่อเขาเพียงเพราะเขาเป็นนายน้อยของตระกูลซู แถมพวกเขายังต้องมาเจอกับผู้หญิงบ้าอีก โชคดีที่หลู่เสี่ยวหยุนและหลู่หยุนเหอปรากฏตัวในเวลาที่เหมาะสมเพื่อแก้ไขปัญหา

เขายังแปลกใจอยู่เล็กน้อย ก่อนหน้านี้ ซูคานไม่รู้ว่าพี่ชายของหลู่เสี่ยวหยุนเป็นหลู่หยุนเหอที่มีชื่อเสียงของสมาพันธ์นักบวช

ในที่สุดเขาก็ได้รู้จักกับชายผู้นี้ผ่านหลินจิน

กลุ่มของหลินจินเข้าไปข้างในด้วยกัน ภายในมีสวนขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับคนได้หลายร้อยคน สวนถูกตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม ส่วนต่าง ๆ ของสวนแต่งแต้มด้วยสีสันสดใส

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด