CD บทที่ 4 เครื่องมือล่องหน
‘เป็นไปได้ไหมว่า มันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ?’
จ้าวหยู่พยายามโน้มน้าวตัวเองไม่ให้คิดมากจนเกินไป มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก เขาพึ่งจะเสร็จสิ้นจากการประชุมคดีข่มขืนปืนช๊อตไฟฟ้าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน แล้วเขาจะสามารถเจอตัวคนร้ายเข้าได้เลยทันที มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก
ต่อให้เขาไปซื้อลอตเตอรี่ยังจะมีโอกาสถูกรางวัลมากกว่านี้เสียอีก
จ้าวหยู่ยังคงถือแก้วไวน์ในมืแต่เขาไม่สามารถดื่มอย่างสบายใจเลย ชายสวมเสื้อคลุมคนนั้นช่างน่าสงสัยเหลือเกิน
เขานึกย้อนนึกถึงสิ่งที่หัวหน้าทีมคูปิงพูดไปก่อนหน้า เหยื่อทุกรายมีลักษณะตรงตามหญิงขายบริการคนนั้นทุกประการ ไม่เพียงเท่านั้น ใบหน้าของคนร้ายยังมีร่องรอยจากการถูกข่วนจากเหยื่อรายที่สามอีกด้วย เป็นไปได้ไหมว่านั่นคือสาเหตุที่ทำให้ชายคนนั้นต้องปิดบังใบหน้าของตนเองไว้
หรือผู้ชายคนนั้นจะเป็นคนร้ายคดีข่มขืนปืนช็อตไฟฟ้าจริง ๆ?
เมื่อคิดได้อย่างนั้น จ้าวหยู่ก็ไม่สามารถอยู่เฉยได้อีกต่อไป แม้ว่าจะเป็นแค่เพียงการคาดเดาแต่ก็คงต้องออกไปตรวจสอบให้แน่ใจ
เขาจึงวางแก้วไวน์แล้วรีบตามไปทางที่ชายคนนั้นเดินออกไปทันที
ประตูทางออกของบาร์มีลักษณะที่ใกล้เคียงกับประตูทางเข้า จ้าวหยู่รีบวิ่งออกไปทันที
เมื่อออกไปภายนอก เขาตรงไปที่ตรอกที่ค่อนข้างจะมืดและแคบ
ขณะนี้ เป็นเวลาสี่ทุ่ม ภายในซอยดูเงียบสงบ จ้าวหยู่มองเส้นทางโดยใช้แสงจันทร์นำทาง ทันใดนั้น เขาก็เหลือบไปเห็นเงาใครบางคนที่ด้านขวาของเขาเข้าพอดี
“เอ๋...” จ้าวหยู่ชะงักไปพักหนึ่ง จากนั้นเขาก็รีบตามไปทางนั้นอย่างไม่รีรอ
การตามล่าและการถูกไล่ล่าเป็นอะไรที่จ้าวหยู่เชี่ยวชาญ ไม่เพียงแต่เร็วเท่านั้น มันยังเงียบมากด้วย
เงานั้นหายไปอีกครั้งตรงตรอกซอยที่มืดและแคบซึ่งเป็นทางตรงไปที่สู่ลานจอดรถ
ขณะที่จ้าวหยู่เดินผ่านถังขยะสีเขียวใบหนึ่ง เขาพบใครบางคนนอนสลบอยู่ตรงพื้น
คน ๆ นั้นคือชายอวดรวยที่มาซื้อบริการจากหญิงสาวไปเมื่อกี้นี่เอง
ชายคนนั้นอยู่ในท่านอนหงาย ดูไร้ความรู้สึกใด ๆ
“ให้ตายเถอะ” จ้าวหยู่ค่อนข้างมั่นใจกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์เลยว่าชายคนนี้ถูกทำให้สลบด้วยปืนช็อตไฟฟ้า!
‘ผู้ชายถูกทำให้สลบอยู่ตรงนี้ แล้วผู้หญิงล่ะ เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?’
ในความมืดมิดนั้น จ้าวหยู่ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลยแต่หูของเขาได้ยินเสียง ๆ หนึ่งที่ดังมาจากที่ไหนสักแห่งแถวหัวมุม
‘ไม่อยากจะเชื่อนี่ฉันกำลังจะจับคนร้ายได้จริง ๆ อย่างงั้นหรือ ให้ตายเหอะ!’
จ้าวหยู่รู้สึกประหม่าอย่างเห็นได้ชัด เขามองไปรอบ ๆ เพื่อหาอะไรมาใช้เป็นอาวุธ เขาเลือกหยิบแท่งเหล็กขึ้นมาจากพื้น
เขาย่องไปตรงหัวมุมอย่างรวดเร็วและยื่นหน้าออกไปเพื่อสังเกต
เหตุการณ์
เขาเห็นชายสวมเสื้อคลุมในบาร์เมื่อกี๊กำลังทำอะไรบางอย่างบนพื้น
เมื่อมองดูใกล้ ๆ จ้าวหยู่เห็นหญิงขายบริการคนนั้นกำลังนอนสลบอยู่ที่พื้นและชายคนนั้นกำลังถอดเสื้อผ้าของเธออยู่อย่างเร่งรีบ!
ดวงตาจ้าวหยู่เบิกกว้างด้วยความตกใจ สิ่งที่เป็นอยู่ตรงหน้าเขาสามารถอธิบายสถานการณ์ออกได้เป็นอย่างดี คนร้ายที่ทางตำรวจพยายามหาทางจับกุม ตอนนี้ได้ปรากฏตรงเบื้องหน้าเขาแล้ว!
“เอาล่ะ! เจ้าหนู” จ้าวหยู่พูดขึ้นมาอย่างแผ่วเบา “ดวงของแกคงมาถึงได้แค่วันนี้แหละ โชคร้ายหน่อยที่ดันมาเจอกับคนอย่างฉัน ถึงเวลาต้องเป็นคนดีในการกำจัดภัยสังคมอย่างแกซะแล้ว!”
หัวใจของจ้าวหยู่เต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ เขาก้าวออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ยังไม่ทันที่ชายคนนั้นจะทันได้ตั้งตัวใด ๆ จ้าวหยู่ก็ฟาดเข้าไปที่ท้ายทอยของคนร้ายอย่างเต็มแรง
แม้จ้าวหยู่จะเป็นคนที่แข็งแรงมากก็ตามแต่แท่งเหล็กที่เขาเลือกหยิบมา มันไม่ค่อยจะทนไม้ทนมือสักเท่าไหร่ มันหักออกเป็นสองท่อนในทันที!
คนร้ายรีบกระโดดหนีออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะมาประจันหน้ากับจ้าวหยู่พร้อมปืนช็อตไฟฟ้าในมือ คนร้ายจ้องมองไปที่จ้าวหยู่อย่างตกใจ เขารู้ตัวว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย ปืนช็อตไฟฟ้าในมือของเขาสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว!
‘เป็นไปไม่ได้!!’ จ้าวหยู่คิดพลางจ้องมองไปที่คนร้าย ‘ฉันมั่นใจว่าฉันฟาดมันไปเต็ม ๆ ข้อ ทำไมมันไม่เป็นอะไรเลยหรือผิวหนังของมันจะทำจากเหล็ก’
แต่เพียงเสี้ยววินาทีที่คนร้ายหันมาสบตากับจ้าวหยู่ ดวงตาของคนร้ายได้กลอกไปด้านหลัง แข้งขาอ่อนแรงและล้มไปกองบนพื้น
จ้าวหยู่พ่นลมหายใจจากปากเบา ๆ แล้วรีบหยิบโทรศัพท์มากดโทรออกอย่างรวดเร็ว
...
ชั่วโมงถัดมา จ้าวหยู่กลับมาที่สถานีตำรวจ ตอนนี้ที่สถานียุ่งวายยิ่งกว่าเดิม ตอนนี้แผนกสืบสวนกำลังรอผลจากการตรวจสอบอย่างใจจดใจจ่อ
ดวงตากลมโตอันน่ารักของหลี่เบ่ยหนีขยายใหญ่ขึ้นพร้อมกับชูนิ้วโป้งขึ้นมาให้กับจ้าวหยู่
“รุ่นพี่ คุณเก่งมากเลยค่ะ! คุณสามารถจับคนร้ายด้วยตัวคนเดียว ที่บอกว่าจะขอลาเป็นเพียงข้ออ้างนั้นสินะคะ ความจริงแล้วคุณรู้ข้อมูลของคนร้ายมาก่อนหน้านี้อยู่แล้วใช่ไหมล่ะคะ?”
จ้าวหยู่ก็ไม่รู้ว่าทำไมแต่เขาไม่ได้รู้สึกสนใจสาวน้อยน่ารักตรงหน้าอย่างหลี่เบ่ยหนีเลย อาจเป็นเพราะเธอดูน่าเบื่อ, ดูเด็กจนเกินไป หรือมีรูปร่างของเธอไม่น่าดึงดูดใจขนาดนั้น
เมื่อเห็นว่าเธอพูดไม่หยุด จ้าวหยู่รู้สึกรำคาญและพูดขึ้นว่า “ไปชงกาแฟมาให้ฉันหน่อยได้ไหม?”
“ได้…ได้ค่ะ” ใบหน้าหลี่เบ่ยหนีเต็มไปด้วยความสุข เธอรีบตรงไปยังห้องพักเพื่อชงกาแฟมาให้จ้าวหยู่ทันที
ขณะนั้นเอง หลิวชางฮูก็พูดตะโกนออกมาแบบไม่ได้เจาะจงว่าจะพูดถึงใคร
“อย่าพึ่งได้ใจไปซะล่ะ ยังไม่มีหลักฐานว่าจับตัวคนร้ายได้ถูกคน แล้วถ้าเกิดมันไม่ใช่ขึ้นมาล่ะก็ ใครบางคนได้มีปัญหาแน่!!”
คำพูดนั้นบ่งบอกชัดเจนว่าต้องการสื่อไปยังจ้าวหยู่แต่เขาเหนื่อยล้าเกินกว่าจะไปต่อปากต่อคำกับหลิวชางฮู
เมื่อหลิวชางฮูพูดจบ หัวหน้าทีมคูปิงรีบวิ่งเข้ามายังห้องโถงตรงกลางโรงพักอย่างตื่นเต้นและพูดออกมาว่า
“ผลจากการตรวจสอบเลือดและปัสสาวะที่ได้จากเหยื่อกับชายคนนี้ มีผลที่ออกมาตรงกัน แน่นอนว่าชายคนที่ถูกจับกุมคนนี้คือคนร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย คดีข่มขืนปืนช็อตไฟฟ้าได้ปิดลงแล้วเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว!”
เมื่อได้ยินประกาศดังนั้นออกมา บางคนก็ปรบมือแสดงความดีใจที่สามารถปิดคดีนี้ลงได้ บางคนก็แสดงความตื่นเต้น บางคนไม่พอใจ บางคนแสดงความอิจฉาออกมา ทุกคนล้วนจ้องมองไปที่จ้าวหยู่
พวกเขา
ทุก ๆ คน ต่างเต็มไปด้วยความสงสัย พวกเขาทุกคนตกใจมากที่รู้ว่าจ้าวหยู่สามารถจับกุมคนร้ายนี้ได้ ทั้ง ๆ ที่หนึ่งชั่วโมงที่แล้ว เขาเพิ่งจะมาขอลาหยุด
“ยินดีด้วยนะคะเจ้าหน้าที่จ้าว” หลี่เบ่ยหนีเอ่ยคำชมออกมาระหว่างยื่นกาแฟไปให้ “ถ้าคุณได้เงินรางวัลมา อย่าลืมเลี้ยงอาหารพวกเราด้วยนะคะ!”
“เงินรางวัล?”
จ้าวหยู่เริ่มคิดถึงกฎของแผนกสืบสวน โดยปกติแล้ว เมื่อมีเจ้าหน้าที่สามารถจับตัวอาชญากรได้ จะได้รับเงินรางวัลตามสถานการณ์และไม่เพียงเท่านั้น ยังได้รับการจดบันทึกถึงคุณงามความดีที่จะเป็นประโยชน์ที่ช่วยส่งเสริมอนาคตในภายภาคหน้าของเจ้าหน้าที่คนนั้นอีกด้วย
‘ไม่จริงน่า ฉันสามารถได้เงินจากการจับตัวอาชญากรได้ด้วย? เยี่ยม…มันเยี่ยมยอดมาก!’
จ้าวหยู่ยกมุมปากขึ้นอย่างถูกใจ จากนั้นเขาก็ชำเลืองไปมองรองหัวหน้าหลิวชางฮูที่กำลังไม่สบอารมณ์อยู่ เขาส่งยิ้มไปให้อย่างสะใจ
ทางด้านหลิวชางฮู เขาเห็นว่าจ้าวหยู่เยาะเย้ยเขา เขาได้แต่กอดอกและไม่พูดอะไรออกมา
“ปืนช็อตไฟฟ้าของคนร้ายถูกดัดแปลงขึ้นมาใหม่โดยตัวคนร้ายเอง จึงทำให้มันมีกำลังไฟฟ้าถึงสามหมื่นโวลต์ซึ่งสามารถทำให้คนสลบได้โดยในทันที” หัวหน้าทีมคูปิงเริ่มทำการสรุปสำนวนคดี
“ตอนนี้เรายังไม่สามารถระบุชื่อของคนร้ายได้ เรารู้เพียงแค่ว่าคนร้ายเป็นเด็กมัธยมปลายที่ลาออกจากโรงเรียน คนร้ายได้รับบาดเจ็บจากการจับกุมจึงยังอยู่ในห้องฉุกเฉินของทางโรงพยาบาล ทางเราจัดส่งเจ้าหน้าที่คอยคุ้มกันการลักลอบหนีแต่เนื่องจากการบาดเจ็บที่หนักเกินไปจึงไม่สามารถสอบปากคำใด ๆ ได้เลย เจ้าหน้าที่จ้าวดูเหมือนว่าคุณจะทำรุนแรงเกินไปนะ”
“อะไรนะ? รุนแรงไป? เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดไม่ใช่เหรอว่าในมือหมอนั่นมีเครื่องช็อตไฟฟ้าถึงสามหมื่นโวลต์นะ ถ้าฉันไม่ตีให้มันสลบ คนที่จะซวยมันก็คงเป็นฉันนี่แหละ!”
“คุณหมอที่รักษาบอกว่าเพราะการโจมตีของคุณทำให้กว่าคนร้ายจะฟื้นตัวคงต้องรออีกสักสองสามวันข้างหน้าเชียวนะ” คูปิงยิ้ม เธอไม่ได้มีเจตนาจะกล่าวโทษไปยังจ้าวหยู่แต่อย่างใด เธอเพียงแค่หยอกล้อนิดหน่อยก็เท่านั้น เธอหันหน้าไปทางรองหัวหน้าหลิวและถามว่า
“รองหัวหน้าคะ คืนนี้เราต้องการคนมาคุ้มกัน คุณพอจะช่วยจัดการเรื่องนี้ได้มั้ยคะ?”
หลิวชางฮูพยักหน้า เขามองไปรอบ ๆ และสายตาของเขาก็ไปหยุดที่จ้าวหยู่ “เอาล่ะ ในเมื่อเธอเป็นคนจับกุมคนร้ายได้ ทำไมไม่ทำงานเฝ้าคนร้ายต่ออีกสักหน่อยล่ะเจ้าหน้าที่จ้าว”
“ห๊ะ!” จ้าวหยู่ทำท่าไม่สนใจต่อคำพูดที่เขาได้ยินเมื่อกี๊ เขาเหยียดตัวเองขึ้นอย่างเฉื่อยชา “โทษที ตอนนี้ฉันเหนื่อยมากแล้ว พวกคุณจะทำอะไรกันก็ทำไป ฉันจับตัวคนร้ายมาให้พวกคุณได้แล้วนี่ไง ขอให้ฉันได้ไปพักจริง ๆ สักทีเถอะ”
“นี่แก!!” ใบหน้าของฟลิวฉ่างฮูขึ้นสีทันที “จ้าวหยู่!! ที่นี่คือสถานีตำรวจ เรามีกฎของเรา นี่มันทัศนคติบ้าบออะไรกัน? แค่
เพียงเพราะแกสามารถจับคนร้ายได้ แกคิดว่าตัวเองใหญ่คับฟ้าเลยรึไง! บางทีการที่แกสามารถจับกุมคนร้ายของแกได้ก็เป็นแค่เพราะโชคช่วยเท่านั้นแหละ มันน่าภูมิใจตรงไหนกัน แล้วใครหน้าไหนที่บอกว่าไม่อยากอดทนกับการเป็นตำรวจแล้ว ใครกันห๊...! ”
อยู่ ๆ คำด่าทอของหลิวชางฮูได้ชะงักไป เมื่อเห็นว่าจ้าวหยู่กำลังคว้าแก้วกาแฟตรงหน้านั้นขึ้นมา ตัวของหลิวชางฮูเผลอถอยหลังไปหลบในห้องเล็ก ๆ
จ้าวหยู่ยกแก้วกาแฟขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วก็ยกขึ้นดื่มกาแฟลงไป เขาไม่ได้มีเจตนาที่จะขว้างปามันออกไป
จ้าวหยู่ทำให้หลิวฉ่างฮูรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก จนต้องไปซ่อนตัวที่หลังโต๊ะ
จ้าวหยู่อยากจะเล่นงานหลิวชางฮูมากกว่านี้ แต่เมื่อกาแฟได้ไหลลงไปมนท้องของเขา อยู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังชัดขึ้นมาในหัว
การผจญภัยวันนี้เสร็จสิ้น อัตราความสำเร็จอยู่ที่ 75%
ขอแสดงความยินดี คุณได้รับเครื่องมือหนึ่งรายการ โปรดทำการยอมรับ!