CD บทที่ 3 รักแท้เป็นสิ่งล้ำค่าแค่สามพันต่อคืนก็เพียงพอ
หลังจบสิ้นเสียงของระบบปาฏิหาริย์ จ้าวหยู่พยายามนึกสิ่งที่เสียงนั่นบอกกับเขาแต่นึกเท่าไหร่เขาก็นึกไม่ออก เขาตีหัวตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะเนี่ย!!”
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก มากเสียจนเขาจำอะไรไม่ได้ เขาจำได้เพียงว่ามันเป็นระบบปาฏิหาริย์อะไรสักอย่าง
เขาอดคิดไม่ได้ว่าระบบปาฏิหาริย์จะเป็นแค่เพียงระบบที่สุ่มแบบเดียวกับลอตเตอรรี่หรือไม่
ถ้าเป็นแบบนั้น เขาคือผู้โชคดีจากการเลือกหรือว่าจะเป็นความโชคร้ายกันแน่?
‘อืม…’
จ้าวหยู่คิดไปมา เขาก็ไม่ได้ดีใจเท่าไหร่นักที่ได้ระบบนี้มา ถึงเขาจะโชคดีได้รับระบบนี้มาจริงแต่มันน่าจะช่วยอะไรเขาได้ สู้ได้รับระบบนี้ตอนที่อยู่ในร่างเก่ามันจะยังมีประโยชน์มากกว่าตอนอยู่ในร่างของตำรวจเสียอีก
เขาพยายามดูดบุหรี่อีกสองสามครั้งแต่ก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่สามารถหยุดสำลักควันได้และบุหรี่ก็ดับไปแล้ว
จ้าวหยู่ถอนหายใจอย่างหนัก เขานึกย้อนไปถึงความทรงจำต่าง ๆ ของจ้าวหยู่บนโลกนี้แล้วพบความจริงที่ว่าจ้าวหยู่ในโลกนี้มีฐานะทางการเงินที่ไม่ค่อยดี เขาอาศัยอยู่ที่หอพักสำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจและกินข้าวจากโรงอาหารของสถานีตำรวจและเงินออมของเขาก็ไม่มีถึง 1,000 หยวนด้วยซ้ำ แหล่งรายได้เพียงหนึ่งเดียวของเขาคือเงินเดือนของตำรวจเท่านั้น
ช่างเป็นชีวิตที่แสนเศร้า!
ย้อนกลับไปโลกที่เขายังเป็นอันธพาล ทุก ๆ วัน ไม่ต่างการเป็นงานเทศกาล แม้ว่าเขาจะไม่ได้อาศัยอยู่ในคฤหาสน์สุดหรูแต่ก็มีสาวสวยล้อมหน้าล้อมหลัง ชีวิตของเขาแทบไม่ต่างอะไรกับพระราชาเลย
เมื่อเปรียบเทียบกับสภาพความเป็นอยู่ตอนนี้ ชีวิตเก่าของเขาช่างสุขสบายมากกว่าแต่ถ้าลองคิดดี ๆ ชีวิตเขาก็เสี่ยงตายมากกว่าการเป็นตำรวจนี่อยู่ไม่น้อยเลย
จ้าวหยู่ใช้เวลาไปกับการค้นหาความทรงจำของเขาไปมาอย่างรวดเร็วแล้วพบว่า ถึงโลกนี้กับโลกเก่าของเขาจะไม่ได้มีความแตกต่างอะไรกันมากนัก มีรายละเอียดเพียงบางเรื่องเท่านั้นที่ต่างออกไป แม้จะอาศัยอยู่ที่เมืองเดียวกันแต่สถานที่ที่มีอยู่ก็ดูแตกต่างออกไป ไม่มีแม้กระทั่งพวกศัตรูแก๊งต่าง ๆ พวกลูกน้องหรือแม้แต่เพื่อนเก่าให้เห็นหน้าสักคนแต่ถึงแม้จะได้เจอก็คงจำกันไม่ได้ เพราะตอนนี้จ้าวหยู่ไม่ใช่อันธพาลอีกต่อไปแต่เขากลายมาเป็นตำรวจไปแล้ว!
เขาถอนหายใจออกมาอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจเลิกคิดเรื่องนี้ไปก่อน
จ้าวหยู่หันมาสนใจกับถนนข้างหน้า รถไม่ได้อยู่ไกลจากทางสี่แยกที่มีชื่อเสียงของเมืองสักเท่าไหร่ เขาตัดสินใจที่จะเที่ยวเล่นสักพักก่อนที่จะกลับไปกังวลกับสิ่งอื่น ๆ
หลังจากที่แท็กซี่หยุดลง จ้าวหยู่เก็บซองบุหรี่กับไฟแช็กของคนขับลงไปที่กระเป๋าของเขา
เมื่อเขาหันไปมองเห็นตัวเลข 29 บนหน้าจอมิเตอร์ เขารีบยื่นป้ายชื่อตำรวจออกมาแสดงอย่างไว
“นี่คือส่วนหนึ่งในการสืบสวนคดี ขอบคุณสำหรับความร่วมมือของคุณ” จ้าวหยู่พูดออกไปด้วยใบหน้าที่จริงจัง “ผมจำหมายเลขทะเบียนรถคุณไว้เรียบร้อยแล้วเตรียมตัวรอรับใบประกาศพลเมืองตัวอย่างได้เลย!” จ้าวหยู่ออกไปโดยไม่จะสนใจในท่าทีมึนงงของคนขับเลยแม้แต่น้อย
จากความทรงจำของจ้าวหยู่ ตัวเขาในโลกนี้คงไม่เคยตัวเองมาเหยียบสถานที่อโคจรแบบนี้แน่นอนแต่ไม่ใช่กับจ้าวหยู่ในตอนนี้ เขามีประสบการณ์มาอย่างโชกโชน เขารู้ว่าสถานที่ที่น่าสนุกไม่ได้อยู่ตรงทางเข้า
เขาเดินไปตามซอยตรอกเล็ก ๆ แล้วก็พบเข้ากับกับประตูเหล็กขนาดเล็กบานหนึ่ง แม้ประตูเหล็กนี้จะดูจะค่อนข้างสกปรกแต่สิ่งที่ซ่อนอยู่ข้างในนั้นกลับดูหรูหราไม่เบาทีเดียว
มีคนยืนต่อแถวเตรียมเข้าข้างในเป็นจำนวนมากแต่จ้าวหยู่ไม่ได้มีความอดทนมากขนาดนั้น เขาตรงดิ่งที่จะผ่านเข้าประตูนั้นไปทันที
ที่หน้าประตูมีบอดี้การ์ดกล้ามใหญ่ เจาะห่วงที่จมูก ท่าทางดุดัน คุมเฝ้าประตูทางเข้าอยู่
“บาร์ของเราต้อนรับเฉพาะสมาชิกเท่านั้น ไม่ทราบว่าคุณผู้ชายเป็นสมาชิกของเราหรือเปล่าครับ”
“ถอยไป” จ้าวหยู่ก่นด่าก่อนจะถุยน้ำลายใส่หน้าของบอดี้การ์ดคนนั้น เขาผลักชายคนนั้นออกไปด้านข้าง จากนั้นเปิดประตูเหล็กบานนั้นเดินเข้าไปไปโดยไม่สนสายตาของใคร
ในความคิดของจ้าวหยู่โลกนี้มีเพียงกฎไม่กี่อย่างที่สามารถใช้กับเขาได้ ทางด้านบอดี้การ์ดกล้ามใหญ่คนนั้น ไม่มั่นใจว่าควรจัดการกับจ้าวหยู่อย่างไรดี เขาทำได้เพียงมองดูอย่างหวาดกลัวแล้วปล่อยเขาเดินผ่านประตูไป
ภายในบาร์ตกแต่งค่อนข้างเป็นส่วนตัวและดูหรูหรา ไฟหลากหลายสีสันกำลังสาดส่องไปทั่ว บรรยากาศภายในบาร์เริ่มทำให้อารมณ์ของเขาร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ชายหนุ่มหญิงสาวมากมายต่างพากันอวดลีลาและตะโกนโห่ร้องกันอย่างเต็มที่บนฟลอร์เต้นรำ
จ้าวหยู่รู้ดีว่าบาร์แห่งนี้ไม่ได้สร้างขึ้นมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ถูกสร้างโดยผู้มีอำนาจจากแก๊งมาเฟียบางกลุ่ม
ย้อนกลับไปสมัยก่อน เขาเองก็ควบคุมธุรกิจนี้อยู่เหมือนกันแถมเขายังสามารถจัดการด้วยตัวคนเดียวอีกด้วยและแน่นอนที่สถานที่แบบนี้มักจะมีอะไรหลบซ่อนอยู่ อย่างเช่นห้องพักส่วนตัวของคนร้ายที่กำลังหลบหนีคดี ถ้าคุณต้องการที่จะจับอาชญากรสักคนแล้วล่ะก็ ให้มาที่นี่รับรองว่าไม่มีผิดหวัง
แต่ในตอนนี้จ้าวหยู่มาเพื่อมาหาความสนุกทางกายเท่านั้น
หลังจากมองไปรอบบาร์อยู่ชั่วครู่ เขาก็พบเป้าหมายอย่างรวดเร็ว
จ้าวหยู่เลือกที่นั่งตรงบาร์ข้าง ๆ สาวงามที่มีรูปร่างสะโอดสะองอรชรคนหนึ่ง หญิงสาวคนนั้นสวมใส่ชุดลายทางสีขาวสลับสีดำ ชุดของเธอเผยสัดส่วนทรวดทรงของหญิงสาวได้เป็นอย่างดี บนใบหน้าสวย ๆ ริมฝีปากที่ถูกแต่งแต้มสีแดง ช่างดูเย้ายวนเสียเหลือเกิน แก้มเธอออกสีแดงระเรื่อหน่อย ๆ สาเหตุน่าจะมาจากแก้วไวน์ในมือเธอ
ผู้หญิงแบบนี้ง่ายมากที่จะได้มาครอบครอง จ้าวหยู่เริ่มฉลองความสำเร็จภายในใจ เขาควรที่จะเริ่มแผนการสนุก ๆ ของวันนี้และจบมันอย่างรวดเร็วจะดีกว่า
“มาคนเดียวเหรอครับคนสวย?” เขาเริ่มต้นบทสนทนาแบบคลาสสิก ๆ ก่อนที่จะหยิบแก้วของตัวเองขึ้นมาบ้าง
“ผมพอรู้จักเครื่องดื่มดี ๆ อยู่นะครับ ให้ผมลองแนะนาให้คุณลองสักอย่างสองอย่างไหม?”
หญิงสาวคนนั้นเลื่อนสายตามามองจ้าวหยู่พลางครุ่นคิดอะไรสักอย่าง พร้อมกับสะอึกออกมาเบา ๆ
“ขอโทษนะคะพ่อรูปหล่อ คุณมาจีบผิดคนซะแล้วล่ะ ฉันไม่ได้มานั่งสวย ๆ ที่นี่เพื่อรอออกเดตอะไรแบบนั้นหรอกนะ”
‘โอ้…’
ทันทีที่หญิงสาวคนนั้นเอ่ยปากออกมา จ้าวหยู่รู้ได้ทันทีว่าเธอไม่ได้มาแค่เพียงดื่มแต่เธอมาทำงาน
เดิมทีจ้าวหยู่เพียงต้องการเล่นสนุกกับสาวสวยน่ารักเท่านั้น ไม่ได้คิดว่าจะซื้อบริการอะไรจากใคร
เขาหันมาเปลี่ยนเป้าหมายโดยทันทีแต่ก็ต้องรู้สึกขื่นขมเนื่องจากประการแรก ผู้หญิงที่นี่มีมากเกินไปไปแต่ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่โดดเด่นเท่าเธอสักคน
ประการที่สอง ทุกคนดูมีคู่เป็นของตัวเองกับหมดแล้ว ดังนั้นจึง
เป็นเรื่องยากที่จะเข้าไปสนทนาด้วยได้
‘ให้ตายเถอะ...!’
จ้าวหยู่จะกลับไปหาสาวงามคนนั้นอีกครั้งดีหรือไม่ เขาจะยอมจ่ายเงินไม่เท่าไหร่เพื่อแลกเปลี่ยนกับความสนุกให้กับตัวเองที่สามารถยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้คง มันคงไม่หนักหนาสาหัสจนเกินไปหนักหรอก
เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาตัดสินใจกลับไปที่นั่งข้างสาวคนนั้นอีกครั้ง แล้วเริ่มต่อบทสนทนากับเธอทันที
“คนสวย ราคาที่จะขอใช้เวลาร่วมกับคุณมันเท่าไหร่กัน?”
หญิงสาวตรงหน้าหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะวางนิ้วมือสามนิ้วลงบนโต๊ะ
“ราคารักแท้ต่อหนึ่งคืนแค่สามพันเท่านั้น อ้อแล้วก็นะ ฉันก็จะไม่ยอมไปค้างที่บ้านของคุณหรือนอนโรงแรมราคาถูก ๆ ฉันพักแต่โรงแรมสี่ดาวขึ้นไปเท่านั้น”
“บ้าเอ๊ย!” จ้าวหยู่กระแทกโต๊ะอย่างแรง “นี่มันปล้นกันชัด ๆ ไม่ใช่หรือไงสามพัน? โรงแรมสี่ดาว? พระเจ้า คุณช่วยลดราคาให้หน่อยได้ไหม?”
“พ่อรูปหล่อ ฉันจะบอกอะไรให้นะ” เธอขยิบตาอยู่แว๊บหนึ่ง “คุณควรจะรู้เอาไว้ว่าแค่ราคาเท่านี้สมเหตุสมผลที่สุดแล้ว ไม่มีการต่อรอง! ถ้าคุณมีความกล้าและเงินในกระเป๋ามากพอ เราจะออกไปจากที่นี่กันทันที แล้วฉันก็รับประกันได้เลยว่าจะถูกใจคุณอย่างแน่นอน แต่ถ้าไม่ก็หลีกทางไป มันทำให้ฉันเสียเวลาทำงาน!”
จ้าวหยู่กำลังค้นความทรงจำของเขาและก็ตระหนักได้ว่า เงินที่เขามีอยู่ทั้งหมด มันไม่พอเปิดโรงแรมได้เลยด้วยซ้ำ เขาแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวใส่หญิงสาวไป
“ก็ได้ ๆ ฉันยอมแพ้”
จ้าวหยู่รู้ตัวว่ามีใครบางคนแอบฟังบทสนทนาของเขาทั้งคู่อยู่ เขาเลยเขยิบออกห่างจากที่ตรงนั้นไป แล้วก็มีชายหนุ่มสวมใส่ชุดสูดแบรนด์เนมพร้อมเงินจำนวนมากมานั่งแทนที่เก่าของเขาทันที
“ไปกับฉันเถอะคนสวย” ชายคนนั้นเคี้ยวหมากฝรั่งไปพลางตบธนบัตรลงบนมือเบา ๆ
“เรื่องเงินฉันไม่มีปัญหา เราออกไปหาอะไรทานที่ภัตตาคารหรูและขับรถเล่นกันสักหน่อยไหม?”
เมื่อหญิงสาวคนนั้นเห็นเงินก้อนโต ท่าทีของเธอก็เปลี่ยนไปทันที เธอพยักหน้าตอบรับและออกไปชายหนุ่มคนรวยนั้นโดยไม่ลังเลยสักนิด
ขณะที่เธอเดินออกไป เธอไม่แม้แต่จะเหลียวชายตากลับมามองจ้าวหยู่เลยสักนิด นั้นยิ่งเป็นการเพิ่มความหงุดหงิดให้กับเขาเป็นอย่างมาก
เขาทุบกำปั้นลงเพื่อหวังระบายความโกรธของตัวเองและเริ่มพูดระบายกับตุ๊กตาจิ้งจอกที่ตั้งอยู่ข้างเคาเตอร์
“ก็แค่อีตัว ฉันหาได้ดีกว่านี้เยอะ!”
ขณะที่เขากำลังระบายอารมณ์ตัวเองใส่ตุ๊กตาอยู่นั้น สายตาก็พลันไปเห็นชายคนนึ่งที่นั่งถัดไปไม่ไกลเข้า
ชายคนนั้นสวมใส่เสื้อคลุมสีดำและสวมหมวกเบสบอล เขาก้มหน้าลงต่ำแถมยังเอาหมวกของเสื้อคลุมทับไว้อีกชั้น ทำให้ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าได้อย่างชัด ๆ เห็นก็แต่เพียงสายตาที่ดูมืดหม่น
ของชายคนนั้นจับจ้องไปที่หญิงขายบริการคนเมื่อกี้และตอนที่เธอเดินจากไปชายคนนั้นก็ยังจ้องมองไปตามทางไม่หยุด
เนื่องจากสาวงามคนนั้นเคยนั่งอยู่ข้างจ้าวหยู่แล้วสายตาที่ชายแปลกหน้าคนนี้มองตามไปยังสาวงามคนนั้น เขาและจ้าวหยู่บังเอิญหันมาสบตากันพอดี จ้าวหยู่คิดว่าชายตรงหน้ากำลังดูถูกตนเองที่พลาดจากการออกเดทกับสาวงามคนนั้น
“มองหาพระแสงอะไรวะ!?”
ชายคนนั้นแสดงอาการตกใจอยู่เล็กน้อย แล้วจู่ ๆ เขาก็ลุกขึ้นยืนและออกจากบาร์ไปอย่างรวดเร็ว
จ้าวหยู่สั่งเครื่องดื่มค็อกเทลในราคาที่ถูกที่สุดมาดื่ม ทันใดนั้นในหัวของเขาก็นึกถึงอะไรบางอย่างที่สำคัญได้ขึ้นมาอย่างกะทันกัน
‘เดี๋ยวก่อนนะหรือว่า!!! ผู้ชายที่ใส่เสื้อคลุมคนนั้นจะเป็น…”