CD บทที่ 2 ระบบปาฏิหาริย์
เมื่อจ้าวหยู่พูดจบ บรรยากาศภายในห้องถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบโดยทันที ทีมสืบสวนที่พร้อมจะเริ่มต้นทำงานกลับยืนนิ่ง พร้อมจ้องมองไปยังจ้าวหยู่อย่างไม่เชื่อสายตา
ในสายตาของพวกเขาคิดว่า จ้าวหยู่ต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ!
หัวหน้าจินผู้มียศสูงสุดในแผนกสืบสวน เขาได้เริ่มดำเนินการสั่งการแผนการของคดีไปแล้วแต่จ้าวหยู่กลับมาขอลาหยุด ไม่เพียงเท่านั้น ยังพูดออกมาได้หน้าตาเฉยโดยไม่รู้ร้อนรู้หนาวใด ๆ อีกด้วย
ถึงแม้ว่าจะมีเหตุฉุกเฉินใด ๆ ก็ตามแต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องบอกให้หัวหน้าจินรับรู้ เพียงแค่บอกกับหัวหน้าทีมก็พอแล้ว
การขอลาหยุดต่อหัวหน้าจินโดยตรงแบบนี้ ถือเป็นการไม่ให้เกียรติแก่หัวหน้าทีมของตนเลยแม้แต่น้อยและด้วยน้ำเสียงที่ไร้ความสุภาพของจ้าวหยู่อีก ทำให้สีหน้าของหัวหน้าจินเปลี่ยนไปทันที
“เฮ้ย…” รองหัวหน้าหลิวชางฮูใช้โอกาสนี้หันไปและตะโกนด่าว่า “นี่แกเป็นบ้าไปแล้วหรือไง ดูเหมือนว่าการเลื่อนตำแหน่งของแกคงจะทำให้แกลืมไปว่าตอนนี้แกไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ต็อกต๋อยอีกแล้ว แกไม่เห็นหรือไงว่าทุกคนกำลังจะทำอะไรกันอยู่ แกกล้ามาขอลาหยุดแบบนี้ ไม่เห็นแก่ตัวกันไปหน่อยหรือไงห๊ะ!!”
หลังจากรองหัวหน้าหลิวพูดจบ สมาชิกในแผนกสืบสวนเริ่มพากันแสดงความไม่พอใจออกมา
หัวหน้าจินทำได้เพียงส่ายหัวเบา ๆ ด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะหันหลังกลับออกจากห้องไปตามเดิม
เมื่อหัวหน้าจินเดินออกไป รองหัวหน้าหลิวก็เบ่งในอำนาจมากขึ้นท่มันที เขาชี้นิ้วไปที่จ้าวหยู่ก่อนจะหัวเราะแบบไร้อารมณ์
“จ้าวหยู่ แกนี่มันโง่เง่าซะจริง ถามหาวันหยุดเพียงเพราะตัวเองรู้สึกไม่ค่อยสบายเนี่ยนะ ไหนไม่สบายตรงไหนล่ะ? แกต้องการให้ใครสักคนมาหามแกให้ไปหาหมอด้วยเลยรึไง?”
รองหัวหน้าหลิวกล่าวอย่างถากถาง ภายในห้องต่างพากันหัวเราะ
ให้กับคำพูดของเขา
ท่ามกลางเสียงหัวเราะพวกนั้น จ้าวหยู่หยิบแก้วที่เต็มไปด้วยกาแฟขึ้นมาอย่างกระทันกันและขว้างไปยังศีรษะของหลิวชางฮู
หลิวชางฮูยกมือขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อรับมือกับแก้วกาแฟตรงหน้า และถึงแม้เขาจะสามารถรับแก้วกาแฟได้ทันแต่กาแฟก็หกโดนตัวเขา
“จ้าวหยู่ นี่แกทำบ้าอะไรของแก!?”
ความโกรธของหลิวชางฮูอยู่ในจุดเดือดที่พร้อมจะปะทุออกมา ในขณะที่หลิวชางฮูจะกำลังจะด่า จ้าวหยู่ได้พุ่งเข้ามา เขาเดินไปกระแทกเข้าที่ตัวของหลิวชางฮูจนทำให้ตัวของรองหัวหน้าถูกกระแทกไปโดนกระดานสีขาวด้านหลังเข้าอย่างรุนแรง
“แล้วจะทำไม ไอ้ตำรวจหน้าโง่!!” จ้าวหยู่ชี้ไปที่หลิวชางฮู เขาพร้อมที่จะอาลาวาด “ไอ้หลิว ฉันยอมคนอย่างแกมามากพอแล้ว! คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? เมื่อกี้แกสั่งกาแฟไปใช่มั้ย เป็นไงกาแฟรสชาติดีมั้ย!?”
การระเบิดอารมณ์แบบฉับพลันของจ้าวหยู่สร้างความงุนงงให้กับคนในหน่วยสืบสวนเป็นอย่างมาก ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าคนสุภาพอ่อนโยนอย่างเขาจะกล้าทำอะไรรุนแรงอย่างนี้
“จ้าวหยู่แกเป็นบ้าไปแล้วเหรอ!!”
ในฐานะที่เป็นรองหัวหน้า หลิวชางฮูรับไม่ได้กับการกระทำของตำรวจชั้นผู้น้อยคนนี้ ใบหน้าของเขาแดงก่ำไม่ต่างอะไรจากลูกตำลึง
หลิวชางฮูลุกขึ้นยืนเตรียมพร้อมจะสู้กับจ้าวหยู่สักตั้งแต่จ้าวหยู่ในตอนนี้คือบุคคลที่แข็งแกร่งสุด ๆ เขาไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับการต่อสู้ใด ๆ ไม่ว่ามันจะพาตัวเขาไปตายก็ตาม
ขณะนั้นเอง คนอื่น ๆ ที่ไม่สามารถทนดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อีกต่อไป ต่างพากันหยุดจ้าวหยู่เอาไว้และปล่อยให้รองหัวหน้าหลิวปล่อยหมัดใส่จ้าวหยู่แต่พวกเขาไม่คิดว่า จ้าวหยู่มีความแข็งแรงอย่างไม่น่าเชื่อ เพียงแค่เขาออกแรงที่แขนเบา ๆ คนที่มา
ห้ามต่างพากันถูกกระแทกไปด้านข้างจนหมด บางคนถูกกระแทกลงพื้น บางคนก็ถูกกระแทนจนไปชนกับคอมพิวเตอร์ เขาสร้างความเสียหายภายในห้องทำงานนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ตอนนี้สถานการณ์เกิดความวุ่นวายเต็มไปหมด จนกระทั่งหัวหน้าทีมคูปิงเข้ามายับยั้งสถานการณ์เอาไว้ หลี่เบ่ยนีรีบตรงเข้ามาหาจ้าวหยู่โดยทันที
“ไอ้พวกสวะเอ๊ย!!!” จ้าวหยู่ตะโกน เขาคำรามพลางชี้หน้าด่าไปทั่ว
“ตลอดเวลาที่พวกแกกลั่นแกล้งฉัน ฉันจำมันได้ทั้งหมด ฉันขอเตือนพวกแกเลยนะ ถ้าใครยังกล้าที่จะยุ่งวุ่นวายกับฉันอีกล่ะก็ ระวังจะไม่ได้ตายดี!!”
คำพูดที่รุนแรงของจ้าวหยู่ทำให้หลี่เบ่ยหนีถอยห่างด้วยความกลัว ทุกคนในหน่วยสืบสวนต่างพากันยืนงง ไม่มีใครรู้ได้ว่าทำไมจ้าวหยู่ที่สุภาพอ่อนโยนนั้นถึงกลายมาเป็นคนป่าเถื่อนแบบนี้ไปได้
“จ้าวหยู่!!” ริมผีปากของหลิวชางฮูสั่นด้วยความโกรธ “นี่แกอยากโดนไล่ออกรึไง!!”
“ก็แล้วไงล่ะ!!” ดวงตาของจ้าวหยู่แสดงความก้าวร้าวออกมาและ
ตะโกนตอบกลับไปอย่างรังเกียจ “อย่างฉันนี่น่ะเหรออยู่ในสถานีตำรวจแถมยังเป็นตำรวจเฮงซวยด้วย ไม่ตายเถอะแค่คิดก็รู้สึกขยะแขยงแล้ว!!”
หลังเสร็จสิ้นการระเบิดอารมณ์ของจ้าวหยู่ เขาพับแขนเสื้อขึ้นและเดินออกจากห้องทำงานนี้ไป
เขากระแทกไปที่ประตูอย่างแรง ทิ้งให้คนที่อยู่ข้างในต่างมองด้วยความสับสน
หลักจากที่เขาเดินจากไปได้สักพัก ก็มีใครบางคนพูดขึ้นมา
“เกิดอะไรผิดปกติที่หัวของจ้าวหยู่หรือเปล่า ทำไมเรียกพวกเราว่าตำรวจหน้าโง่ด้วย?”
“ใช่ เขาเป็นคนที่สุภาพมาก ๆ อะไรทำให้เขากลายเป็นแบบนี้กัน นี่มันเป็นนิสัยของพวกอันธพาลชัด ๆ!”
“แก...จ้าวหยู่ ฝากไว้ก่อนเถอะ!” รองหัวหน้าหลิวชางฮูพูดออกมาด้วยความโกรธแค้น
การทำให้สถานีตำรวจเต็มไปด้วยความวุ่นวาย มันสร้างความพอใจให้จ้าวหยู่อย่างมากแต่มันก็ยังไม่พอที่จะทำให้เขานิ่งนอนใจได้
เขาไม่รู้ว่าเขาถูกข้ามมายังอีกโลกหนึ่งนี้ได้อย่างไร ไม่เพียงเท่านั้น จะเกิดอะไรขึ้นกับจ้าวหยู่ในโลกนี้ เขาได้เข้ามาสิงร่างเฉย ๆ หรือเป็นการเกิดใหม่?
ในความทรงจำที่หลั่งไหลเข้ามา มันได้บอกเขาว่าจ้าวหยู่ในโลกนี้เกิดวันเดียวกันกับเขาแถมยังเกิดมาในชนบทเหมือนกันและมีสถานะความเป็นอยู่ของครอบครัวที่ยากจนไม่ต่างกันอีกด้วย
ทั้งสองมีจุดเริ่มต้นที่เหมือนกันแต่เส้นทางชีวิตของพวกเขาทั้งคู่กลับต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง
คนหนึ่งเลือกที่จะต่อสู้และตายดังเช่นอันธพาลตามท้องถนน จนกลายมาเป็นอันธพาลผู้ทรงอิทธิพล
ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นเด็กเรียนเก่ง เลือกสอบเข้าวิทยาลัยตำรวจและจบออกมาเป็นสมาชิกในกองตำรวจได้อย่างน่าภาคภูมิใจ
การข้ามมาโลกคู่ขนานนี้ราวกับเขาถูกพระเจ้ากลั่นแกล้ง ก่อนหน้านี้ เขามักถูกตำรวจคอยเล่นงานอยู่เสมอแต่ตอนนี้เขากลับต้องกลายมาเป็นตำรวจเสียเอง
“อย่าบอกนะว่า ฉันต้องมาวิ่งจับปืนเพื่อไล่ล่าตัวคนร้ายน่ะ”
จ้าวหยู่อดคิดไม่ได้ว่าอนาคตของเขาต่อจากนี้ควรจะทำอะไรต่อไปดี
ถ้าตอนนี้เขาได้ข้ามมายังโลกคู่ขนานตามที่คิดไว้จริง ๆ เขาควรที่จะทิ้งชีวิตตำรวจนี้แล้วไปเริ่มต้นชีวิตใหม่เป็นอันธพาลอีกครั้งดีหรือจะเป็นตำรวจธรรมดา ๆ หาเลี้ยงชีพด้วยการกินกินเดือนไปวัน ๆ ดี
หลังจากจ้าวหยู่คิดไปคิดมา ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้ว่า
“เรื่องพวกนั้นช่างมันดีกว่า ตอนนี้มาฉลองให้กับตัวเองที่ยังมีชีวิตอยู่กันเถอะ!”
ก่อนหน้าที่เขาจะถูกประหาร เขาถูกจำคุกเป็นเวลานานสองปี เขาโหยหาถึงอิสรภาพ เขารู้ดีแก่ใจว่าเขาไม่ได้รู้สึกหิวท้องแต่อย่างใด แต่เป็นอาการ ‘หิว’ ในแบบอื่นมากกว่า
จ้าวหยู่โบกมือเรียกแท็กซี่และคิดแผนการสนุก ๆ อะไรบางอย่างขึ้นมา อย่างแรกเลยเขาต้องทำตามที่ร่างกายต้องการเสียก่อน ส่วนปัญหาอื่น ๆ ค่อยไปตามแก้ทีหลัง
เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น รถแท็กซี่เริ่มออกตัว จ้าวหยู่หันไปเห็นซองบุหรี่ข้าง ๆ ตัวคนขับ เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาโดยที่ไม่ได้ขอ เขาเอามาคาบที่ปากของเขา คนขับรถไม่ได้ว่าอะไรแถมยังยื่นไฟแช็กมาเขา
จ้าวหยู่เริ่มจุดบุหรี่และสูดดมกลิ่นควันเข้าปอดแต่เพียงแค่ครั้งเดียวที่เขาดูดบุหรี่เข้าไป เขาเกิดอาการสำลักควันเข้าอย่างรุนแรง
จ้าวหยู่รู้สึกราวกับว่าปอดของเขาไม่เปิดรับกลิ่นควันบุหรี่พวกนี้เข้าไป
“โธ่เว้ย!” จ้าวหยู่สบถออกมาเบา ๆ เป็นไปได้ไหมว่าจ้าวหยู่บนโลกนี้ไม่เคยสูบบุหรี่มาก่อน
ขณะที่เขากำลังหงุดหงิดนั้นอยู่ จู่ ๆ ก็มีเสียงใสที่ฟังดูไม่รู้ว่าเป็นเสียงผู้หญิงหรือผู้ชาย มันดังก้องในหัวของเขา
ระบบปาฏิหาริย์ได้ทำการเชื่อมต่อสำเร็จ กำลังเริ่มต้นการใช้งาน
“หมายความว่ายังไง”
จ้าวหยู่หันไปถามกับคนขับแท็กซี่แต่คนขับแท็กซี่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเลยไม่รู้ว่าจ้าวหยู่กำลังพูดถึงอะไรอยู่
ทำให้จ้าวหยู่คิดได้ว่ามีเพียงเขาคนเดียวที่ได้ยินเสียงนี้
Gen(ภูเขา) Dui(ทะเลสาบ) จากภูผาสู่ห้วงนที
จากนั้น เสียงได้ดังขึ้นอีกครั้ง
ทะเลสาบกลางหุบเขา ไม่ยากนักจักประสบพบเจอ บุคคลที่ได้รับเลือกดั่งโชคชะตา พรแห่งโชคลาภก้าวเข้ามา โปรดทำใจให้เย็น ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม
คำพูดนั้นพูดอย่างรวดเร็วและหยุดลงภายในไม่กี่วินาทีต่อมา จากนั้นความเงียบก็กลับมาอีกครั้ง
จ้าวหยู่อ้าปากค้าง เขาไม่สามารถจดจำได้เลยว่ามีเสียงนั้นพูดอะไรออกมาบ้าง
‘เกิดอะไรขึ้นกันแน่วะเนี่ย! ทำไมถึงมีเสียงแล่นเข้ามาในหัวของฉันได้
นี่ฉันกำลังจะบ้าไปแล้วจริง ๆ แต่เดี๋ยวนะ’ จู่ ๆ จ้าวหยู่นึกถึงคำแรกที่เสียงนั้นพูดออกมาได้
‘ระบบปาฏิหาริย์?!’
‘ระบบปาฏิหาริย์หรือว่า…?’
อยู่ ๆ จ้าวหยู่ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ในละครทั้งหมดที่เขาเคยดู มักจะมีเรื่องราวที่ตัวเอกได้รับระบบบางอย่างขึ้นมาซึ่งตัวเอกได้ใช้ระบบนี้สร้างประโยชน์ให้กับตัวเอง ทำให้ตัวเองเลื่อนตำแหน่งหรือใช้คลี่คลายคดีต่าง ๆ ได้
‘นี่มันสุดยอดไปเลย ฉันได้รับระบบปาฏิหาริย์มาอย่างนั้นมางั้นหรือ?’
“ว่าแต่…ไอ้ระบบปาฏิหาริย์นี่…มันใช้งานยังไง?”