609 - ภัยซ่อนเร้น
609 - ภัยซ่อนเร้น
ไม่นานหลังจากนั้นฮั่วอวิ๋นเฟยก็นำพวกเขาไปยังศาลาเล็กๆแห่งหนึ่ง ที่ด้านหน้าศาลามีหญิงสาวผู้งดงามรอคอยการปรากฏตัวของเย่ฟ่านด้วยรอยยิ้มสดใส
“ข้ารู้ว่ามีความเข้าใจผิดระหว่างเจ้าสองคน แต่อดีตก็เหมือนเมฆ ทุกอย่างผ่านไปแล้ว วันนี้เจ้าคือแขกของข้า ข้าหวังอย่างยิ่งว่าพวกเจ้าจะรักษาความกลมเกลียวให้ได้นานที่สุด” ฮั่วอวิ๋นเฟยดูเหมือนจะกลัวว่าทั้งสองจะลงมือเข้าหากัน
“เป็นไปได้อย่างไรพี่ฮั่ว เจ้ากังวลเกินไปแล้ว” เย่ฟ่านยิ้มเขามองดูหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าด้วยรอยยิ้มเสน่หาก่อนจะกล่าวว่า
“พี่สาวเหยาซี ข้าไม่ได้พบเจ้าสองสามเดือนแล้ว ดูเหมือนว่าเจ้าจะงดงามมากขึ้นกว่าเดิมอีกแล้ว”
เหยาซีตอบกลับด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน แต่จริงๆแล้วนางปรารถนาให้เย่ฟ่านตายอยู่ตลอดเวลา ตราบใดที่เขายังมีชีวิตอยู่ เรื่องที่ชุดชั้นในของนางถูกแย่งชิงไปก็อาจเปิดเผยได้ทุกเมื่อ มันทำให้นางยากที่จะสงบใจได้
อย่างไรก็ตามในเวลานี้ นางไม่ได้แสดงสิ่งผิดปกติ ตรงกันข้ามรอยยิ้มของนางกลับเต็มไปด้วยมิตรไมตรีอันยิ่งใหญ่
ฮั่วอวิ๋นเฟยเชิญยอดฝีมือรุ่นเยาว์มามากมาย ไม่ว่าจะเป็นหวังชงเซียวจากจงโจว เขาเป็นราชาหนุ่มผู้แข็งแกร่ง การแสดงออกของเขาไม่แยแสและสงบนิ่ง แต่เมื่อเขาเห็นเย่ฟ่าน เดินเข้ามาในศาลาเขาก็ลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธ
“เจ้าต้องการที่จะตาย?” เย่ฟ่านเดินตรงไปหาเขาด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยที่มุมปาก
ผู้คนที่อยู่ในศาลาประหม่ามากพวกเขาลุกขึ้นยืนอย่างระมัดระวัง คนหนึ่งคือราชาแห่งจงโจว และอีกคนคือร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณแห่งตงหวง เมื่อทั้งสองลงมือ มันจะเป็นการต่อสู้ที่สั่นสะเทือนทั้งฟ้าดินอย่างแน่นอน
“เจ้าทั้งคู่” ฮั่วอวิ๋นเฟยรีบไปข้างหน้าและหยุดการต่อสู้ระหว่างพวกเขา
“การพบกันครั้งสุดท้ายของเรานั้นหากไม่ใช่ว่าเจ้าร่วมมือกับเย่ฮุ่ยหลิง ตอนนี้ร่างของเจ้าคงเป็นซากศพลอยไปในกระแสน้ำแล้ว” หวังชงเซียวนั่งลงอย่างฉุนเฉียว
เย่ฟ่านยังคงไอไม่หยุด เขาเช็ดเลือดสีทองด้วยผ้าขนหนูสีขาวซึ่งเขาเตรียมมาด้วยตัวเอง การกระทำของเขาทำให้ดวงตาของผู้คนมากมายสว่างไสวขึ้น
ทุกคนนั่งลงฮั่วอวิ๋นเฟยจึงเริ่มแนะนำทุกคนให้รู้จักกันด้วยรอยยิ้ม
นอกเหนือจากหวังชงเซียวแล้ว ยังมีบุคคลผู้หยิ่งผยองสองคนจากจงโจว คนหนึ่งเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ของนิกายหยินหยาง และอีกคนเป็นองค์หญิงแห่งราชวงศ์ฮั่วโบราณ
นอกจากนี้ยังมีราชันย์ศักดิ์สิทธิ์น้อยจากภาคใต้มากกว่าสิบคน แต่นอกเหนือจากเหยาซีและหลี่โหยวโหย่วแห่งนิกายประตูสุขสันต์ ที่เหลือก็ไม่ใช่คนที่มีชื่อเสียงโด่งดังอะไร
พวกเขาสนทนาพร้อมกับดื่มสุราและบรรยากาศก็กลมกลืนกันมาก ตอนนี้ไม่มีความตึงเครียดระหว่างผู้ใดเกิดขึ้นอีกแล้ว
ในช่วงเวลานั้นฮั่วอวิ๋นเฟยก็บรรเลงเพลงพิณที่ไพเราะเสนาะโสต บทเพลงของเขาแม้แต่วิหคและจตุบาทมากมายที่อยู่ในป่าก็ยังมาร่วมชุมนุมรับฟัง
ทักษะพิณของเขาได้เข้าสู่อาณาจักรเต๋าแล้ว เรื่องนี้ทำให้ผู้คนประหลาดใจมาก พวกเขามีความรู้สึกว่าเพลงพิณนี้สามารถฆ่าคนได้อย่างแน่นอน
ไม่นานหลังจากนั้นหลี่เสี่ยวม่านก็ก้าวออกมา ในมือของนางมีหม้อขนาดเล็กที่บรรจุยาศักดิ์สิทธิ์ไว้ภายใน
“พี่เย่ โปรดกินยานี้ด้วย มันจะทำให้อาการบาดเจ็บของเจ้ากำเริบช้าลงอย่างแน่นอน” ฮั่วอวิ๋นเฟยนำยาไปให้เย่ฟ่านด้วยตัวเอง
“ข้ารู้ว่าอาการบาดเจ็บของข้าเป็นเช่นไร ไม่จำเป็นต้องเสียยาครอบจักรวาลหม้อนี้” เย่ฟ่านส่ายหัวปฏิเสธ
“นี่คือยาเม็ดหลิงหลงเก้ามังกรที่บรรพบุรุษนิกายไท่ซวนของเรากลั่นขึ้นด้วยตัวเอง เมื่อเจ้าได้ทดลองเจ้าจะรู้ว่ามันยอดเยี่ยมมากแค่ไหน” ฮั่วอวิ๋นเฟยกล่าว
หลายคนประหลาดใจ พวกเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับเม็ดยานี้ และแม้แต่เหยาซีก็รู้สึกประทับใจนางจึงกล่าวขึ้นว่า
“ในอดีตบรรพบุรุษของนิกายแห่งนี้เคยสร้างยาเม็ดชนิดนี้ขึ้นมา 108 เม็ดเท่านั้น ไม่คิดว่าพี่ฮั่วจะมีหนึ่งในพวกมัน?”
หลี่โหยวโหย่วของนิกายประตูสุขสันต์ก็ตกใจเช่นกัน
"ยาเม็ดนี้เกือบจะอยู่ในระดับยาศักดิ์สิทธิ์อมตะ แม้จะไม่มีอำนาจในการฟื้นชีวิตให้คนตายแต่ก็สามารถยืดอายุได้อย่างแน่นอน"
"ข้าได้ได้รับหนึ่งในนั้นด้วยความบังเอิญ" ฮั่วอวิ๋นเฟยส่งหม้อถึงมือเย่ฟ่านอีกครั้ง
ในหม้อสีม่วง มีเม็ดยาขนาดเท่ากำปั้นของทารก รูปร่างของมันคล้ายกับโสมมนุษย์แต่มีสีม่วงทองที่สว่างสดใส
เย่ฟ่านปฏิเสธแต่สุดท้ายเขาก็ได้แต่ยอมรับด้วยรอยยิ้ม
" ขอบคุณสำหรับของขวัญอันยิ่งใหญ่ "
นี่เป็นการรวมตัวกันเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับคัมภีร์อมตะรวมถึงการสนทนาเรื่องเต๋าอย่างแท้จริง ทุกคนที่มาร่วมงานแบ่งปันความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในการบ่มเพาะของตัวเองและแม้แต่หวังชงเซียวผู้หยิ่งผยองก็ยังแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเช่นกัน
เย่ฟ่านประหลาดใจมาก บุคคลนี้ดูถูกผู้ฝึกตนตงหวงแต่จากท่าทีของเขาเห็นได้ชัดว่ามีความเกรงใจต่อฮั่วอวิ๋นเฟยอย่างยิ่ง เด็กน้อยคนนี้มีวิธีการจริงๆ
“พี่หวัง ข้าได้ยินมาว่าเจ้าต่อสู้กับเย่ฮุ่ยหลิงและในระหว่างนั้นกลับมีใครบางคนลอบทำร้ายพวกเจ้า เรื่องนี้เป็นความจริงหรือไม่”
เมื่อได้ยินคำถามของเย่ฟ่าน ทุกคนก็มองไปยังหวังชงเซียวที่หายตัวไปนานก่อนจะปรากฏขึ้นในวันนี้
“เย่ฮุ่ยหลิงยังไม่ตายแน่นอน คนที่โจมตีเราในวันนั้นมีพลังมาก เขาเป็นยอดฝีมือระดับราชันย์ศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่ต้องสงสัย” หวังชงเซียวกัดฟันและปฏิเสธที่จะพูดอะไรอีก
ในท้ายที่สุดเย่ฟ่านกระอักเลือดและขอตัวกลับไปพักผ่อนตั้งแต่เนิ่นๆ การชุมนุมจึงได้จบลงในลักษณะนั้น
“พี่เย่กำลังจะจากไปจริงๆ ทำไมเจ้าไม่อยู่ในนิกายไท่ซวนสักพัก เทพธิดาเหยาซี หวังชงเซียวและองค์หญิงฮั่วล้วนเป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดา การได้สนทนากับพวกเขานับเป็นประโยชน์อันยิ่งใหญ่ของพวกเรา” ฮั่วอวิ๋นเฟยชักชวนอย่างจริงใจ
“พี่ฮั่วเจ้าก็รู้ดีว่าเวลาของข้าเหลือไม่มากแล้ว ข้าต้องค้นหายาศักดิ์สิทธิ์เพื่อต่ออายุให้กับตัวเอง ดังนั้นจึงได้แต่รานความตั้งใจของเจ้า” เย่ฟ่านกล่าวลา
หลี่เสี่ยวม่านส่งพวกเขาไปและกล่าวว่า "ถ้าเจ้าไม่มีทางเลือกก็ตัดการฝึกฝนของเจ้าเสีย อันที่จริงการได้เป็นมนุษย์ก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร"
"ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร" เย่ฟ่านจากไปเพราะขี้เกียจจะพูดกับนางอีก
เขากลับไปที่ยอดเขารกร้างพร้อมกับจางเหวินชางเพื่อเข้าพบหลี่รั่วหยูและพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า
"โปรดช่วยข้าด้วยผู้อาวุโส"
"มีเรื่องอะไร"
"ช่วยข้าหยุดยอดฝีมือที่น่าสะพรึงกลัวด้วย" เย่ฟ่านกล่าว
“เกิดอะไรขึ้น?” หลี่รั่วหยูงุนงง
“ข้าแน่ใจว่ามีคนกำลังจะฆ่าข้า โปรดติดตามข้ามาสักสองสามวันและช่วยข้าหยุดชายชราผู้น่ากลัวคนนั้น แต่หากฝ่ายตรงข้ามเป็นเพียงเด็กรุ่นหลังข้าจะเป็นคนจัดการเอง”
“เจ้าคิดว่ามีคนจะฆ่าเจ้า?” ดวงตาของหลี่รั่วหยูนิ่งสงบราวกับน้ำ
“ใช่ ข้าคาดว่าเขาจะลงมือในช่วงเวลาไม่กี่วันต่อจากนี้อย่างแน่นอน” เย่ฟ่านมั่นใจมาก
“ในเมื่อเจ้ารู้อยู่แล้ว ทำไมเจ้าถึงไม่เลือกที่จะรักษาความปลอดภัย” หลี่รั่วหยูถาม
“เพราะข้าต้องการยืนยันความลับอันยิ่งใหญ่ของโลก” เย่ฟ่านตอบ
ในวันเดียวกันนั้นเย่ฟ่านก็ออกจากนิกายไท่ซวนและเดินไปที่เมืองเอี๋ยนอย่างช้าๆโดยไม่ได้ใช้การเคลื่อนย้ายผ่านอุโมงค์มิติเหมือนเช่นทุกครั้ง
"ปัง"
ในวันที่เจ็ดรังสีของแสงอันวิจิตรลงมาจากท้องฟ้าและพุ่งเข้าหาเขา มันคือมือสีม่วงขนาดใหญ่ที่ปกคลุมโลกทั้งใบ ความรุนแรงของมันราวกับคลื่นยักษ์จากมหาสมุทร
"ปัง"
หลี่รั่วหยูปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่า เขายกภูเขาขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างเคียงออกมาปกป้องเย่ฟ่านจากการโจมตีของมือสีม่วงอย่างดุดันโดยไม่คิดจะหลบเลี่ยง
“ความแข็งแรงของราชันย์ศักดิ์สิทธิ์” หัวใจของเย่ฟ่านเต้นไม่เป็นจังหวะ เขาเป็นห่วงผู้อาวุโสหลี่รั่วหยูมาก
"ปัง"
หลี่รั่วหยูยังคงรับมือด้วยความสงบนิ่ง ทุกการเคลื่อนไหวของเขาผสมผสานเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ
หญ้าทุกใบ เถาวัลย์ทุกเส้น และต้นไม้ทุกต้นมอบความแข็งแกร่งให้กับเขาอย่างไม่สิ้นสุด เมื่อมาถึงตอนนี้ในที่สุดเย่ฟ่านก็เข้าใจแล้วว่ารากฐานไม่มีความจำเป็นในคำพูดของหลี่รั่วหยูหมายถึงอะไร
ในตอนนั้นเองที่ชายชราผอมบางคนหนึ่งถูกกระแทกออกมาจากความว่างเปล่า แม้ว่าสภาพของเขาจะทุลักทุเลอย่างยิ่ง แต่กลิ่นอายที่เขาปลดปล่อยออกมานั้นแทบจะเข้าสู่อาณาจักรครึ่งเซียนแล้ว
“เจ้าเป็นใคร เจ้าต้องเป็นคนที่คุ้นเคยกับข้าอย่างแน่นอน” หลี่รั่วหยูเผชิญหน้ากับชายที่แข็งแกร่งอย่างใจเย็น
"เจ้าฉลาดมาก พวกเราเคยรู้จักกันจริงๆ" ชายร่างผอมแห้งไม่ตอบคำถามของหลี่รั่วหยูมากไปกว่านี้ แต่สายตาเย็นชาของเขาจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของเย่ฟ่านแทน
"ข้ารู้มานานแล้วว่าเจ้าต้องการฆ่าข้า แต่ในเมื่อเจ้าลงมือล้มเหลว วันนี้จะเป็นวันตายของเจ้าเช่นกัน"