607 - กลับสู่นิกายไท่ซวน
607 - กลับสู่นิกายไท่ซวน
ทุกคนคิดว่าเย่ฟ่านตายแล้ว แต่หลังจากนั้นไม่กี่เดือน บางอย่างก็เกิดขึ้นกับเขาอีกครั้ง ทันทีที่มีข่าวออกมา มันก็ทำให้ให้ผู้คนมากมายตกใจเป็นอย่างมาก
“ชายหนุ่มแซ่เย่ต่อสู้กับยอดฝีมืออาณาจักรแปลงมังกรหลายคน มิหนำซ้ำเขายังลงมือสังหารจี้ฮุ่ยผู้อาวุโสที่มีอำนาจของตระกูลจี้อีกด้วย!”
“ไม่น่าเชื่อเลย ผ่านไปหลายเดือนแล้ว ร่างเซียนยังคงไม่เสียชีวิตอีก”
"นี่คือโลกที่วุ่นวายและร่างศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดก็ผงาดขึ้นพร้อมกัน ถ้าไม่มีร่างเซียนโบราณ สถานการณ์นี้คงยากที่จะสมบูรณ์แบบได้”
ผู้คนต่างพากันพูดคุยกันด้วยความประหลาดใจ การกลับมาอย่างแข็งแกร่งของร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณส่งผลกระทบต่อผู้คนมากมาย และแม้แต่มหาอำนาจหลายแห่งก็ไม่สามารถทำใจยอมรับได้
หากร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณยังมีชีวิตอยู่ ร่างศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดจะต้องเผชิญหน้าเขาอย่างแน่นอน ไม่มีใครกล้าพูดว่าพวกเขาจะเอาชนะได้ การจะเอาชีวิตรอดยังเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอีกที
ไม่นานหลังจากนั้นมีใครบางคนเล่าว่าเย่ฟ่านยังคงกระอักเลือดไม่หยุด มิหนำซ้ำเลือดที่ถูกบ้วนออกมาก็ยังมีสีทองอีกด้วย
พอข่าวนี้ออกมา หลายคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก หากร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณปรากฏขึ้นอีกครั้งในโลกโดยที่ไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากเต๋าผู้ยิ่งใหญ่ มันยากที่จะทำให้ผู้คนเกิดความสุขสงบได้
“แม้ว่าราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ผู้ไม่มีใครเทียบได้จะเสียสละตัวเองเพื่อสร้างเส้นทางให้เขา แต่เวลาครึ่งปีก็ผ่านไปหลายเดือนแล้ว และเขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินหนึ่งเดือนเท่านั้น”
“ตอนนี้อย่ายั่วยุเขาดีกว่า ไม่ว่ายังไงเขาก็จะตายอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องคนตาย เด็กน้อยคนนี้อาจจะบ้าคลั่งเมื่อไหร่ก็ได้ พวกเราไม่จำเป็นต้องเสนอหน้าออกไปหาเรื่องอย่างเปล่าประโยชน์”
หลายคนพูดแบบนี้ เป็นเรื่องปกติที่เย่ฟ่านจะฆ่าจี้ฮุ่ยและคนอื่นๆ เป็นเพราะเขาได้รับการคุ้มครองจากราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ผู้เฒ่า ในขณะเดียวกันชีวิตของเขาก็ใกล้จะถึงจุดจบแล้วไม่ว่าเขาจะทำอะไรเขาก็ควรทำในช่วงเวลานี้
เมื่อเย่ฟ่านได้ยินข่าวลือเหล่านี้ รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา และเขาพูดกับตัวเองว่า
“ข้าเกรงว่าเจ้าคงต้องผิดหวังแล้ว”
เขามีเหตุผลและข้อแก้ตัวมากมายที่จะใช้เป็นข้ออ้างในการดำรงชีวิตอยู่ต่อไปโดยพยายามแสดงให้ผู้คนเห็นว่าเขาเกือบจะตายอยู่ตลอดเวลา
ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ก็เพื่อทำให้ศัตรูของเขาปรากฏตัวออกมาจากเงามืด
สุดท้ายผู้สูงสุดของตระกูลจี้ก็ปรากฏตัวขึ้นในโรงเตี๊ยม แม้ว่าเขาจะเกิดความไม่พอใจในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก แต่ด้วยความเกรงกลัวต่อเจียงไท่ซูสุดท้ายเขาจึงได้แต่กล้ำกลืนความอัปยศและยอมรับต่อคำอธิบายของเย่ฟ่าน
เย่ฟ่านพาตัวจางเหวินชางเดินทางอีกครั้ง เขาต้องการหาใครบางคนที่สามารถช่วยเหลือสหายของเขาให้มีชีวิตที่ดีได้
ระหว่างทาง เขาได้ยินข่าวมากมาย หลายเรื่องเกี่ยวข้องกับเขาและยังมีบางเรื่องที่พูดกันถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลายแห่งซึ่งพยายามค้นหายาศักดิ์สิทธิ์อมตะในเขตหวงห้ามแห่งชีวิต
นอกจากนี้ยังมีข่าวมากมายเกี่ยวกับยอดฝีมือรุ่นเยาว์จากจงโจว(ภาคกลาง)และตงหวง สิ่งสำคัญที่สุดคือบุตรศักดิ์สิทธิ์จากนิกายหยินหยางได้ทำการต่อสู้อย่างเด็ดขาดกับจี้ฮ่าวเยว่ซึ่งไม่ปรากฏผลแพ้ชนะ
ในขณะเดียวกันเมื่อเย่ฮุ่ยหลิงและหวังชงเซียวเผชิญหน้ากันพวกเขากลับถูกลอบโจมตีโดยบุคคลลึกลับ ตอนนี้ชะตากรรมของพวกเขาไม่ทราบได้
นอกจากนี้ "สตรีศักดิ์สิทธิ์หยิน" ของนิกายหยินหยางได้ปรากฏตัวเคียงคู่กับบุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงเหยากวง ความแข็งแกร่งของนางนั้นไม่เป็นที่รู้จัก แต่คาดว่าคงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
นิกายไท่ซวนยังคงมีความเจริญรุ่งเรืองเหมือนเช่นอดีต ยอดเขาทั้ง 108 แห่งแสดงให้เห็นถึงมรดกอันยอดเยี่ยมของมหาอำนาจแห่งนี้
ในพื้นที่นี้แม้แต่ตระกูลจี้และดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงก็ยังให้ความเกรงใจต่อพวกเขาและไม่มีทางที่จะยั่วยุให้เกิดสถานการณ์ที่ไม่ปกติขึ้น
เย่ฟ่านแอบย่องเข้ามาอย่างเงียบๆ และมาถึงยอดเขารกร้างเพื่อพบกับหลี่รั่วหยู ยอดเขานี้แตกต่างจากยอดเขาหลักอื่นๆ มันยังคงรกร้างไร้ผู้คนโดยไม่มีความเจริญรุ่งเรืองสักนิดเดียว
“เจ้ากลับมาแล้ว”
เสียงที่สงบดังขึ้นในหูของเขา เย่ฟ่านรู้สึกประหลาดใจมาก เขาได้ซ่อนพลังปราณไว้แล้ว แต่ทันทีที่เขาเข้าใกล้ยอดเขาผู้อาวุโสหลี่รั่วหยูก็รู้สึกได้
บนยอดเขาชายชราในชุดสีเทานั่งอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังของอาคารโบราณ เขามองเย่ฟ่านด้วยรอยยิ้มโดยไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม
“คำนับผู้อาวุโส”
เย่ฟ่านไปถึงยอดเขาและคุกเข่าคำนับในฐานะศิษย์ ชายชราคนนี้มีบุญคุณต่อเขาเป็นล้นพ้น โดยส่วนตัวของเย่ฟ่านถือว่าตัวเองเป็นศิษย์ของหลี่รั่วหยูเช่นกัน
“ลุกขึ้นเถิด ข้าได้ยินทุกอย่างเกี่ยวกับเจ้าแล้ว และข้าภาคภูมิใจในตัวเจ้า”
ชายชราไม่พูดอะไรมาก สายตาของเขายังคงมองออกไปด้านนอกโดยไม่รู้ว่าในใจกำลังคิดอะไรอยู่
เย่ฟ่านไม่ได้ปิดบังอะไร เขาเล่าถึงประสบการณ์ของเขาตั้งแต่ออกจากที่นี่และในที่สุดก็รับตัวจางเหวินชางมา เขาอธิบายจุดประสงค์ของตัวเองโดยต้องการให้ผู้อาวุโสที่อยู่ด้านหน้าให้การปกป้องต่อสหายรักของเขา
“พาตัวเขามา” หลี่รั่วหยูกล่าว
เย่ฟ่านเปิดขวดยกของตัวเองและจางเหวินชางก็ปรากฏตัวขึ้นบนยอดเขารกร้างด้วยท่าทางสับสน
“รีบแสดงความเคารพ อย่ามัวแต่ยืนเซ่ออยู่” เย่ฟ่านยิ้มและชี้ให้จางเหวินชางแสดงความเคารพต่อหลี่รั่วหยู
“ในที่สุดพวกเราก็ได้พบกันอีกครั้ง…” ช่วงเวลาที่จางเหวินชางหันกลับมาการแสดงออกของเขาก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
เขาเบื่อโลกนี้มาก เขาหดหู่มาหลายปีแล้ว เขาไม่เหมาะกับการฝึกฝน ทุกเมื่อเชื่อวันเขาเอาแต่คิดถึงครอบครัวที่อยู่ในโลกเก่า
“อย่ากังวล ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป” เย่ฟ่านตบไหล่สหายรักเบาๆ
“อีกสักครู่พวกเราค่อยไปดื่มกัน”
หลี่รั่วหยูมองไปที่จางเหวินชางและกล่าวว่า
"พรสวรรค์ของเขาต่ำต้อยจริงๆ"
จางเหวินชางรู้แล้วว่าเย่ฟ่านพาเขามาที่นี่เพื่ออะไร เมื่อได้ยินคำพูดของชายชราเขาก็อดที่จะถอนหายใจไม่ได้
"ข้าทำให้ผู้อาวุโสผิดหวังแล้ว"
"ทำไมข้าต้องผิดหวัง" หลี่รั่วหยูส่ายหัวแล้วพูดว่า "ตัวเจ้าทำให้ข้านึกถึงตัวเองในอดีต"
"ทำไมท่านถึงพูดอย่างนั้น?" ใบหน้าหมองคล้ำของจางเหวินชาง เต็มไปด้วยความสับสน
เย่ฟ่านหัวเราะ เขาเคยได้ยินผู้คนจากนิกายไท่ซวนเล่าถึงอดีตของหลี่รั่วหยู เขาเป็นคนไม่มีพรสวรรค์ รากฐานของเขาแย่มาก ไม่มีผู้ใดยินยอมรับเขาเป็นลูกศิษย์ สุดท้ายเขาจึงได้แต่บากหน้ามายังยอดเขารกร้างเพียงลำพัง
ในร้อยปีแรกที่เขาอาศัยอยู่ที่นี่ แม้แต่เด็กรุ่นหลังยังไม่ให้ความเคารพต่อเขา แต่สุดท้ายเมื่อเขาตระหนักถึงมรดกของยอดเขารกร้าง แม้แต่เจ้าสำนักของที่นี่ก็ไม่สามารถเปรียบเทียบความแข็งแกร่งกับเขาได้
“ข้าใช้เวลาหลายร้อยปีที่นี่จนกระทั่งก้าวเข้าสู่ความสำเร็จ ข้าหวังว่าเจ้าจะมีความอุตสาหะเช่นเดียวกัน” หลี่รั่วหยูกล่าว
“รากฐานนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญจริงหรือ?” จางเหวินเหวินตกตะลึง
“เมื่อเจ้าสัมผัสกับเต๋าผู้ยิ่งใหญ่ โลกใบนี้ก็คือร่างกายของเจ้า ตอนที่เจ้าไปถึงระดับนั้น พรสวรรค์ของตัวเจ้าจะมีความสำคัญอย่างไร?” หลี่รัวหยูตอบอย่างใจเย็น
ไม่ต้องพูดถึงปฏิกิริยาของจางเหวินชาง แม้แต่เย่ฟ่านก็ยังตกตะลึงถึงขีดสุด หลังจากนั้นเขาก็มองดูชายชราด้วยความเลื่อมใส
หลี่รั่วหยูดูเหมือนจะกลายเป็นราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว ความแข็งแรงของเขาอยู่ไม่ไกลจากครึ่งเซียนเท่าไหร่นัก
แม้ว่าที่นี่จะถูกเรียกว่ายอดเขารกร้าง แต่มันก็มีมรดกที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้ ที่สำคัญที่สุดมันเป็นยอดเขาที่มีความกลมกลืนกับธรรมชาติมากที่สุดในดินแดนรกร้างตะวันออกอย่างไม่ต้องสงสัย
“ผู้อาวุโสยินดีรับข้าเป็นศิษย์จริงๆ”
จางเหวินชางไม่แน่ใจนัก ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเขาถูกผู้คนจากโลกนี้รังแกอย่างหนัก จนเขาไม่กล้าไว้วางใจใครแล้ว
“ชีวิตของเจ้ามืดมนเกินไปไม่ทราบว่าเจ้าเจออะไรมาบ้าง”
หลังจากที่หลี่รั่วหยูพูดจบ เขาก็ชี้นิ้วไปที่หว่างคิ้วของจางเหวินชาง ทันใดนั้นสีหน้าของชายชราก็เปลี่ยนไปอย่างมาก จากนั้นเขาก็จ้องไปที่จางเหวินชางและเย่ฟ่านด้วยความงุนงง
แม้ว่าผู้คนมากมายบนโลกนี้จะรู้ว่าพวกเขามาจากอีกฟากหนึ่งของทะเลแห่งดวงดาว แต่ผู้อาวุโสหลี่รั่วหยูไม่ค่อยติดต่อกับโลกภายนอก ดังนั้นเรื่องที่เป็นความลับบางอย่างเขาก็ไม่อาจรู้ได้
"อดีตของเจ้า ประสบการณ์ของเจ้า โลกที่สวยงาม หัวใจช่างกว้างใหญ่ เจ้าควรมั่นใจ เจ้าและข้าจะเป็นทั้งอาจารย์และศิษย์รวมทั้งเพื่อนที่ดีต่อกัน”
หลี่รั่วหยูค่อนข้างยากที่จะสงบสติอารมณ์ลง แต่เขายังคงให้คำรับรองเช่นนี้
จางเหวินชางทำพิธีกราบอาจารย์อย่างเป็นทางการก่อนที่เขาจะกลายเป็นลูกศิษย์ของเขารกร้างเต็มตัว
หลี่รั่วหยูนั้นอารมณ์ดีมากโดยให้คำรับรองว่าจางเหวินชางจะต้องประสบผลสำเร็จและกลายเป็นผู้สูงสุดได้เป็นอย่างน้อย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพรสวรรค์ มันอยู่ที่ความอุตสาหะและความตั้งใจ
ส่วนเรื่องการฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ของจางเหวินชางก็ไม่มีปัญหาเนื่องจากยาศักดิ์สิทธิ์ของเย่ฟ่านมีอยู่พอสมควร สุดท้ายเขาก็มอบต้นกำเนิดสวรรค์ขนาดใหญ่ให้กับหลี่รั่วหยูอีกด้วย