552 - ความฝันของสือฮ่าว
1862 - ความฝันของสือฮ่าว
หมู่บ้านหินผาจัดงานเลี้ยงใหญ่โตเต็มไปด้วยชีวิตชีวาและเสียงหัวเราะ
ผู้อาวุโสกลุ่มหนึ่งยกจอกสุราขึ้นมาดื่ม ส่วนพวกผู้หญิงทำอาหารให้เพียงพอสำหรับทุกคน เด็กๆวิ่งไปมาเหมือนฝูงลิงพวกเขาแข็งแรงเหมือนสัตว์ร้าย แก้มของผู้อาวุโสในหมู่บ้านมีเลือดฝาดเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
พวกเขาไม่สามารถปกปิดความสุขและความกระตือรือร้นที่อยู่ในใจได้ สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง
“ในหมู่บ้านมีสัตว์ร้ายอายุน้อยอยู่ไม่น้อยเลย” สือฮ่าวกล่าว
เขาเห็นเฮ่าสายฟ้า สิงโตขาวสองหัว นกสายรุ้งและอื่นๆ พวกมันทั้งหมดล้วนเป็นสัตว์ร้ายแต่ตอนนี้กลับวิ่งไปมากลายเป็นเพื่อนของเด็กๆ
สิ่งนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าการพัฒนาในหมู่บ้านในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเป็นไปอย่างราบรื่น พวกเขาสามารถจับสัตว์ร้ายได้นอกจากนี้ยังเลี้ยงดูพวกมันได้นั่นหมายความว่าสถานที่แห่งนี้มีพลังและความเจริญเพิ่มมากขึ้น
มีสัตว์ร้ายบางตัวที่เติบโตขึ้นแล้ว พวกมันอยู่นอกหมู่บ้านทำหน้าที่ปกป้องทุกคนและยังช่วยล่าสัตว์อีกด้วย สือฮ่าวยังจำได้บางตัวนั้นเป็นสิ่งที่เขาจับมาในอดีต
สัตว์ร้ายรุ่นเยาว์เหล่านั้นบางตัวตายไป แต่บางตัวก็เติบโตขึ้นกลายเป็นสัตว์ร้ายสงครามที่ภักดีซึ่งถูกควบคุมโดยเจ้าแดงใหญ่ เมฆม่วง เผิงใหญ่และเจ้าเขียวน้อย
“ยังจำข้าได้ไหม? ในตอนที่ข้าอายุห้าขวบ ท่านพาพวกเราไปที่ภูเขาเพื่อจับสัตว์ร้ายมากมาย ดูสิสัตว์ตัวเล็กๆในหมู่บ้านบางตัวเป็นลูกของมัน!” เด็กหนุ่มคนหนึ่งวิ่งมา
“ข้าย่อมจำเจ้าได้ฮ่าฮ่า!” สือฮ่าวตบไหล่ของเขา หมู่บ้านเต็มไปด้วยความสุข
สือฮ่าวมองไปในระยะไกลเห็นเรือรบลำนั้น แน่นอนว่ามันค่อยๆตามมาตอนนี้กำลังจะมาถึงแล้ว
“ท่านปู่พ่อแม่ของข้าก็กลับมาจากอาณาจักรที่สูงกว่าเช่นกัน” สือฮ่าวบอกพวกเขา เมื่อผู้ใหญ่และผู้อาวุโสได้ยินเช่นนี้ต่างก็ตกใจ
“ที่ไหน” เอ้อเมิ่งและคนอื่นๆเงยหน้าขึ้นมอง
“รีบไปรับท่านลุงกับท่านป้า!” ต้าจวงกระตุ้น
"ตรงนั้น!" สือฮ่าวชี้
เรือขนาดใหญ่เคลื่อนตัวมาจากท้องฟ้าอันห่างไกลอย่างช้าๆ
“เรือลำใหญ่อะไรอย่างนี้!” “มันยิ่งใหญ่กว่าของลุงชิงเฟิงเสียอีก!” เด็กๆร้องตะโกน
เด็กบางคนเคยไปอาศัยอยู่ในดินแดนหินพวกเขาบางคนถูกชิงเฟิงเลี้ยงดูมา ท้ายที่สุดแล้วการอยู่บนภูเขาตลอดเวลาก็ไม่ค่อยดีนักดังนั้นพวกเขาจึงได้สัมผัสกับสิ่งเหล่านี้เป็นบางครั้ง
“นอกจากพวกเขาแล้วยังมีเด็กอีกหลายร้อยคน ข้าต้องการให้พวกเขาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านหิน” สือฮ่าวอธิบายขั้นตอนต่อไป
“อ่ามีเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ” ชาวบ้านผวา พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าสือฮ่าวจะนำเด็กจำนวนมากกลับมา
เป็นเพราะในอดีตพวกเขาต่อต้านอย่างมากกับคนนอกที่มาที่นี่
“สายเลือดของพวกเขามาจากแหล่งเดียวกันกับพวกเรา บางคนเป็นทายาทของตระกูลสือส่วนคนที่เหลือล้วนแล้วแต่เป็นทายาทของราชาแดนรกร้างทั้งเจ็ด”
สือฮ่าวสรุปบางสิ่งให้พวกเขาฟัง แต่ไม่มีทางที่เขาจะลงรายละเอียดได้เพราะเวลามีไม่เพียงพอจะอย่างไรซะพวกเขาก็ต้องต้อนรับเด็กพวกนั้นก่อน
“คนของตระกูลสือ?” ชาวบ้านผวา
อย่างไรก็ตามในที่สุดพวกเขาก็รู้ภูมิหลังคร่าวๆของเด็กเหล่านี้ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ปฏิเสธ
ในทางตรงกันข้ามผู้ใหญ่ทุกคนต่างเต็มไปด้วยความสุขและความตื่นเต้น
“ต่อจากนี้ไปเราไม่ต้องกังวลอีกต่อไป! เราเพิ่งจะกังวลว่าเด็กรุ่นใหม่จะเติบโตขึ้นและจะไม่มีคู่ที่เพียงพอ ตอนนี้มีคนของเราหลายคนกลับมาแล้วในที่สุดพวกเราก็สบายใจ!”
ผู้ปกครองบางคนยิ่งหัวเราะเสียงดังรู้สึกว่าปัญหาใหญ่หลวงได้รับการแก้ไข
หมู่บ้านหินไม่ใหญ่นัก หากสมัครพรรคพวกแต่งงานระหว่างกันก็จะมีปัญหามากมาย
ก่อนหน้านี้พวกเขาจะแต่งงานกับเผ่าอื่นๆ แต่ตอนนี้เทพหลิวได้ย้ายพวกเขาออกมายังที่ห่างไกล ทำให้พวกเขาแทบจะถูกตัดขาดออกจากโลก
หากพวกเขายังคงแต่งงานกันต่อไปมันจะกลายเป็นเรื่องไม่ดีอย่างแน่นอน พวกเขาจึงต้องหาทางแต่งงานกับคนนอก
อย่างไรก็ตามจะมีกี่คนที่เต็มใจจะเข้ามาในถิ่นทุรกันดาร? ขณะเดียวกันชาวบ้านค่อนข้างกังวล นี่เป็นปัญหาที่ดำรงมาตลอดหลายปี
เมื่อเด็กๆในหมู่บ้านเติบโตขึ้นมีบางคนที่มีสายเลือดที่แตกต่างกันสามารถแต่งงานในหมู่บ้านได้ แต่หลายคนต้องพึ่งพาชิงเฟิงซึ่งอยู่ในเมืองหลวงเป็นคนจัดเตรียมการให้
เรือลำใหญ่ล่องออกไปนอกหมู่บ้าน เด็กกลุ่มหนึ่งรีบวิ่งออกไปพร้อมกัน
พวกเขาไม่ได้ถือว่าเด็กๆจากเมืองจักรพรรดิ์ดั้งเดิมเป็นคนนอกเลย พวกเขาต้อนรับเด็กพวกนี้ด้วยความอบอุ่น แต่เมื่อพวกเขาเห็นเด็กหลายร้อยคนพวกเขาก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย
สำหรับเด็กๆจากชายแดนรกร้างดวงตาของพวกเขาเบิกกว้าง โดยปกติแล้วพวกเขาไม่ได้เห็นเสียงหัวเราะและรอยยิ้มมากนัก เป็นเพราะสภาพแวดล้อมที่น่ากลัวบีบคั้นหัวใจของพวกเขาอยู่ตลอดเวลา
“เอาล่ะพาเพื่อนใหม่ของอาลงจากเรือและดูแลพวกเขาให้ดี” สือฮ่าวสั่ง ฝูงลิงต่างส่งเสียงร้องด้วยความตื่นเต้น
“เจ้าตัวเตี้ยกว่าข้าแล้วทำไมเจ้าถึงแข็งแกร่งกว่าข้าได้” เด็กน้อยจากหมู่บ้านหินผาร้องออกมา
พวกเขาเกิดในถิ่นทุรกันดารดังนั้นเด็กๆเหล่านี้จึงต้องการความเข้มแข็ง
แม้แต่เด็กเหล่านี้ก็ยังมีการแข่งขันสูงในหมู่พวกเขา แต่ถึงกระนั้นเมื่อพวกเขาพบกับเด็กๆที่เงียบสงบบนเรือ ทุกคนกลับพบว่าเด็กๆจากชายแดนรกร้างแข็งแรงกว่าพวกเขาอีก
สือฮ่าวยิ้มชายแดนรกร้างเป็นสถานที่แบบไหน? มันเป็นสถานที่ที่โหดร้ายที่สุด เด็กเหล่านี้เกิดในเมืองจักรพรรดิดั้งเดิมสิ่งที่พวกเขาเห็นคือการต่อสู้ที่ดุเดือดทุกคนจึงแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ
อาจกล่าวได้ว่าเด็กเหล่านี้มีศักยภาพมากกว่าทายาทของตระกูลอมตะ พวกเขาเกิดมาในสภาพแวดล้อมอันเลวร้ายมิหนำซ้ำพวกเขายังเป็นทายาทที่แท้จริงของเจ็ดราชาแดนรกร้างที่บางคนถึงกับเป็นราชาอมตะ
“เมื่อพวกเจ้าเติบโตขึ้นข้าจะสร้างนิกายอันดับหนึ่งของโลกสำหรับพวกเจ้าทุกคนนี่คือคำสัญญาของข้า!” สือฮ่าวหัวเราะเสียงดังและกล่าวว่า
“ข้าไม่ต้องการใครที่อ่อนแอ”
ที่เขาพูดเช่นนี้ส่วนหนึ่งก็เพื่อเป็นการกระตุ้นเด็กๆจากหมู่บ้านหินผาเช่นกัน
“เราจะสามารถปกครองสวรรค์ทั้งเก้าได้หรือไม่” เด็กๆในเขตแดนรกร้างถาม
"แน่นอน. พวกเราจะปกครองแม้กระทั่งอาณาจักรเซียนรวมไปถึงโลกในอดีตที่กำลังจะรวมกับโลกปัจจุบัน!” สือฮ่าวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
มีบางสิ่งที่เด็กๆไม่อาจเข้าใจได้ แต่นี่คือสิ่งที่สือฮ่าวต้องการสั่งสอนพวกเขาเป็นการเฉพาะ
อวิ๋นซียืนอยู่ด้านข้างตกใจจนทำอะไรไม่ถูก นี่คือความฝันของ สือฮ่าว?
อย่างไรก็ตามสือฮ่าวไม่ใช่ว่าจะกลายเป็นคนพิการเหรอ? ระดับบ่มเพาะของเขาจะสูญสลายไปภายในหนึ่งเดือนแล้วเขาจะสานฝันของตัวเองได้อย่างไร? อวิ๋นซีไม่เข้าใจ
“อะไรนะท่านอา? มีศัตรูอยู่เยอะไหม?” เด็กๆของหมู่บ้านถามอย่างกระตือรือร้น
“พี่ใหญ่เราจะได้สู้กับอีกฝ่ายในอนาคตหรือไม่?” เด็กหนุ่มจากแดนรกร้างถามดวงตาของเขาแดงก่ำ
…
“ในอนาคตเราจะเหยียบย่ำอาณาจักรของศัตรูต่างมิติไม่เว้นแม้แต่อาณาจักรเซียน เมื่อเสียงกลองสงครามดังขึ้นใครจะสนว่าพวกมันมาจากไหน? เมื่อพวกมันกล้าก่อปัญหาให้เราพวกเราก็กำนันให้มันสักเท้า!” สือฮ่าวกล่าวอย่างเหี้ยมเกรียม
เมื่อได้ยินสิ่งนี้อวิ๋นซีก็ไม่สามารถสงบลงได้
“เมื่อเวลานั้นมาถึงข้าจะคัดเลือกผู้คนที่แข็งแกร่งมากที่สุดแปดร้อยคนในหลายชั่วอายุคนให้หลัง นี่จะเป็นกองทัพของพวกเราที่จะเข้าร่วมสงครามแห่งยุคอันยิ่งใหญ่!”
เขาไม่สามารถพูดคำเหล่านี้ในดินแดนที่สูงกว่าได้เพราะนั่นจะทำให้เกิดพายุมากเกินไป อย่างไรก็ตามในหมู่บ้านหินผาเขาสามารถตะโกนได้อย่างที่ต้องการหัวเราะและร้องไห้ออกมาอย่างพอใจ
เด็กๆทุกคนหัวเราะคิกคักเหมือนหมาป่าตัวน้อยเสียงร่ำร้องตะโกนดังออกมาตลอดเวลา
“สงครามในยุคที่ยิ่งใหญ่เราจะครองสวรรค์เบื้องบนและปฐพีเบื้องล่าง!”
“ทุกคนที่มันสร้างความขุ่นเคืองให้ข้าพวกมันจะต้องชดใช้ ข้าจะจับมันมาให้พวกเจ้าตุ๋นกิน!”
เด็กๆเหล่านี้ร้องตะโกนด้วยความตื่นเต้น พวกเขาทุกคนกำหมัดแน่นและสาบานว่าพวกเขาจะบ่มเพาะอย่างหนักเพื่อไม่ให้ขายหน้าสือฮ่าว
พวกเขาไม่รู้ความหมายซ่อนอยู่เบื้องหลังคำพูดที่พวกเขาตะโกน พวกเขาไม่รู้ว่าในอนาคตหลายปีให้หลังสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นจริง
เมื่อพวกเขาเติบโตขึ้นและมีอำนาจเกินกว่าจะเปรียบเทียบได้เมื่อมองย้อนกลับหลังมาในตอนนี้พวกเขาถึงได้รู้ว่าแผนการของพวกเขานั้นยิ่งใหญ่มากแค่ไหน!
“ลูกเอ๋ย…”
สือจื่อหลิงและฉินอี้หนิงเดินเข้ามา สีหน้าของทั้งคู่เผยให้เห็นถึงความกังวล ตอนนี้พวกเขาตระหนักถึงหลายๆอย่างจากคำพูดของสือฮ่าวทำให้พวกเขารู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก
เป็นเพราะพวกเขาเข้าใจสิ่งที่ลูกชายคนโตพูดเป็นอย่างดี ว่าเส้นทางนั้นเป็นแบบไหน นั่นยากยิ่งกว่าการท้าทายสวรรค์!
ดินแดนในอดีตอันยิ่งใหญ่รวมทั้งโลกจากอนาคตจะรวมเข้ากับโลกปัจจุบัน จะมีสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งมากแค่ไหนข้ามมา?
นั่นจะกลายเป็นวันโลกาวินาศอย่างแน่นอน!
ผู้นำทัพแต่ละฝ่ายว่ากันว่าอาจแข็งแกร่งยิ่งกว่าราชาอมตะอีก นั่นจึงเป็นเหตุผลให้อันหลานและซือถูดิ้นรนอย่างหนักเพื่อให้สามารถก้าวเข้าสู่อาณาจักรบ่มเพาะที่สูงขึ้น
ยุคมืดที่แท้จริงยังไม่เริ่มต้นด้วยซ้ำ แต่สงครามครั้งใหญ่ได้เริ่มขึ้นแล้ว มีผู้คนมากมายต้องการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวเองโดยไม่ลังเลที่จะทำสิ่งชั่วร้ายต่างๆ
“ท่านพ่อท่านแม่ไม่จำเป็นต้องกังวล เรื่องนี้จะเกิดขึ้นในอีกหลายปีให้หลังพวกท่านสบายใจได้” สือฮ่าวปลอบใจพวกเขา
สิ่งที่เขาเปิดเผยออกมาในตอนนี้ล้วนเป็นสิ่งที่พวกเขาเคยสนทนากันมาก่อน ไม่ช้าก็เร็วศัตรูจากต่างมิติจะต้องหาทางข้ามมาที่นี่ได้
แต่ในขณะเดียวกันสือฮ่าวเชื่อว่าภัยพิบัติจากต่างมิตินั้นเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย
ภาพสัตว์ประหลาดในยุคที่ยิ่งใหญ่หลายยุคมารวมกันที่นี่นั่นต่างหากถึงจะเป็นภัยพิบัติที่แท้จริง!
นั่นคือเหตุผลที่เขาจำเป็นต้องกลับมาในดินแดนที่ต่ำกว่าเพื่อที่จะได้บ่มเพาะอย่างสะดวกทั้งยังมีมรดกมากมายซึ่งยังไม่ถูกค้นพบ
ในตอนนี้ความตั้งใจของเขาคือต้องการที่จะจัดการกับศัตรูต่างมิติออกไป ก่อนที่ศัตรูจากยุคอันยิ่งใหญ่ทั้งหลายจะข้ามมา!