ระบบเส้นทางแห่งสวรรค์ บทที่ 156 ฉันอยู่นี่แล้ว(ฟรี)
ยานอวกาศเปิดโหมดพรางตัวและบินออกจากออฟฟิศและออกจากบ้านของไมเคิล
คนรับใช้ที่ทำงานในบ้านพร้อมกับพ่อบ้านไม่ได้สังเกตเห็นอะไรแปลกๆเลยสักนิด
ตอนนี้ใกล้จะถึงเวลาเที่ยงคืนที่มีนัดการประชุมแล้วซึ่งตอนนี้ทุกคนกำลังยุ่งอย่างมากเพราะมีจำนวนคนไม่เพียงพอ
ในลานหลักแห่งหนึ่ง พ่อบ้านชั้นสองต่างเร่งรีบเพื่อที่จะทำให้การประชุมนั่นพร้อมให้ได้มากที่สุด
ถ้ามีคำพูดที่เหมาะกับการจัดประชุมงานนี้มีคำนึงที่เหมาะมากๆนั่นคือ 'ฟุ่มเฟือย'
เก้าอี้และโต๊ะทำจากไม้กรีนวูด ค่าใช้จ่ายของเก้าอี้ตัวเดียวก็เพียงพอสำหรับครอบครัวสี่คนที่จะอยู่อย่างสบายเป็นเวลาสามเดือน+
อาหารแต่ละจานถูกปรุงอย่างพิถีพิถันโดยเชฟผู้ปลุกพลังไฟ
อาหารถูกทำมาจากเนื้อของสัตว์เวทมนตร์ระดับ 7 มีแม้กระทั่งเนื้อของสัตว์เวทมนตร์ระดับ 8 สมุนไพรอันล้ำค่าที่จะรักษาบาดแผลฉกรรจ์ให้หายได้ในเวลาไม่นาน
ไวน์ชนิดพิเศษหรือที่เรียกกันว่าไวน์แอมโบรเซีย จริงๆแล้วมันคือการจำลองแอมโบรเซียขึ้นมาโดยทำให้อยู่ในรูปแบบไวน์
การกินอาหารมื้อนี้เพียงมื้อเดียวถ้าเป็นผู้ปลุกพลังระดับต่ำจะเทียบเท่ากับการฝึกฝนเป็นเวลาครึ่งปี
แต่แน่นอนว่านั่นคงเป็นเพียงจินตนาการของผู้ปลุกพลังระดับต่ำ
การรักษาความปลอดภัยของที่นี่แม้แต่ผู้ปลุกพลังระดับสูงยังยากที่จะบุกเข้ามาได้
นอกจากสมบัติดวงดาวที่ฉายม่านกั้นหลายชั้นแล้ว ยังมีคนคอยเฝ้าระวังระดับสูงอีกร้อยคนที่ดูแลพื้นที่รอบๆอีกด้วย
คนที่คอยเฝ้าระวังส่วนใหญ่จะเป็นผู้ปลุกพลังระดับ 6
ท่ามกลางความวุ่นวาย รองหัวหน้าตระกูลแอสเตอร์ไดยูลูบหน้าผากของเธอ
เสียงที่อ่อนโยนแต่ทรงพลังของเธอดังไปทั่วลานที่จะมีการประชุม “ถ้ามีใครทำอะไรผิดไป คนคนนั้นจะต้องถูกแขวนคอ”
พ่อบ้านชั้นสองที่รับผิดชอบดูแลการจัดเตรียมต่างรู้สึกเหนื่อยใจกับคำพูดที่สงบแต่จริงจังของเธอ
“เกิดอะไรขึ้นกับไมเคิล” ไดยูขมวดคิ้วและหันไปหาพ่อบ้านส่วนตัวของเธอ
“เขาขอให้เราไม่รบกวนเขา ข่าวการโกงเงินของเจ้าหน้าที่คลัสเตอร์คงมากเกินกว่าที่เขาจะรับไหว” พ่อบ้านส่วนตัวของเธอตอบ
"...ถ้าไม่มีอะไรที่จะหยุดข่าวพวกนี้ได้ ความรุนแรงคือคำตอบสุดท้าย" ไดยูพูดด้วยน้ำเสียงรำคาญ
การจัดการเรื่องการประชุมไม่ใช่เรื่องที่เธอชอบสักเท่าไร เธอชอบที่จะฆ่าคนมากกว่า
นั่นคือเหตุผลที่เธอได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพในการประชุมครั้งนี้ เพราะจะทำให้ผู้ที่มาเข้าร่วมการประชุมนั่นมีความสุภาพและไม่มีใครกล้าทะเลาะกัน
การประชุมครั้งนี้ถ้ามองอย่างผิวเผินก็คงจะเหมือนกับการประชุมทั่วไป
แต่จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของการประชุมคือ...
****
“คุณหนูระบบรักษาความปลอดภัยต่ำกว่าที่คาดไว้ซะอีก” แอนนาพูดกับซาร่าห์
ซาร่าห์เหลือบมองที่อาคารที่สูงที่สุดของตระกูลแอสเตอร์ อาคารของพวกผู้บริหาร
เป้าหมายของเธอคือการหาหลักฐานของการสมรู้ร่วมคิดของตระกูลแอสเตอร์กับพวกกลุ่มเงาและอะบิซอล
"ไปกันเถอะ" ซาร่าห์พูดแล้วทุบคริสตัลสีแดงให้แตก
ออร่าของเธฮหายไปและเธอก็ล่องหนในทันที
มันเป็นสมบัติล้ำค่าที่พบได้ในรูนเท่านั่น ซึ่งสิ่งนี้ไม่สามารถผลิตได้จากฝีมือมนุษย์
มันเป็นสมบัติที่มีค่ามากซาร่าห์ได้รับมันมาแค่ไม่กี่อันเป็นมรดกเพียงไม่กี่อย่างที่แม่ที่จากไปของเธอมอบให้เธอ
แอนนาทุบคริสตัลที่คล้ายกันและเดินตามซาร่าห์ไป
แผนในตอนแรกคือให้แอนนาเข้าไปในขณะที่ซาร่าห์รออยู่ในสถานที่ปลอดภัย ในกรณีที่เกิดอันตรายแอนนาจะสามารถวาร์ปไปหาซาร่าห์ได้และพวกเขาจะนั่งยานอวกาศส่วนตัวของเธอออกไป
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างการรักษาความปลอดภัยรอบๆอาคารจึงต่ำกว่าปกติมาก
หลังจากที่พวกเธอทั่งสองคนวางยาคนที่เฝ้ายามอยู่เสร็จแล้ว พวกเธอก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
พวกผู้ปลุกพลังระดับสูงถูกย้ายไปอยู่ที่ไหนสักที่นึงเพื่อทำอะไรบางอย่าง ทำให้แทบไม่มีใครที่เป็นผู้ปลุกพลังระดับสูงเฝ้าระวังอยู๋เลย
ดังนั้นซาร่าห์จึงต้องการที่จะเข้ามาช่วยแอนนาค้นหาหลักฐานด้วย
พวกเธอคิดว่าการที่แทบไม่มีใครเฝ้าอยู่นั่นน่าจะเป็นเพราะการประชุมกำลังจะจัดขึ้นในเร็วๆนี้อย่างแน่นอน
'พวกเขากำลังประชุมกันเพื่อที่จะหาทางแก้ไขข่าวที่ถูกปล่อยออกมาอย่างไม่หยุดงั้นหรอ' แอนนาถือลูกแก้วเล็กๆในมือของเธอเพื่อสแกนข้อมูลในห้องที่เธออยู่
คนที่เดินเข้าออกไปมาและคนที่มีหน้าที่เฝ้าระวังดูเหมือนจะไม่สังเกตเห็นความผิดปกติอะไรเลย
สมบัติที่พวกเธอใช้เพื่อหายตัวนั่นมีขีดจำกัดและเวลาในการใช้อยู่ ถ้าหากว่าเป็นระดับ 9 ก็จะสามารถสัมผัสได้อย่างง่ายดายว่ามีใครบางคนอยู่ แต่อันนาค่อนข้างมั่นใจว่าหัวหน้าตระกูลของแอสเตอร์จะไม่อยู่ในอาคารนี้ตอนเที่ยงคืน
“คุณหนู ถ้าคุณหนูไม่ใช่ผู้ปลุกพลังคู่ อีแวนเดอร์คงจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจแน่” แอนนายิ้มอย่างขมขื่นขณะที่ร่างของเธอกำลังกระพริบและเธอก็ออกจากห้องเพื่อไปห้องต่อไป
อย่างที่เธอคาดไว้ ไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับกลุ่มเงาในห้องที่เธอตรวจสอบมาทั้งหมด
ซาร่าห์จึงเข้าไปในห้องที่ลึกกว่านั่น
“แต่แม้ว่าคุณหนูจะไม่ได้ถูกลิขิตมาให้เป็นจักรพรรดิ แต่ฉันเชื่อว่าคุณหนูจะแข็งแกร่งที่สุดในระดับ 9” แอนนากำหมัดของเธอและเข้าไปในห้องออฟฟิศห้องนึงที่ใหญ่มาก
ในออฟฟิศที่หรูหราและใหญ่ลูกแก้วในมือของซาร่าห์เปลี่ยนเป็นสีแดง
'ที่นี่แหละ' เธอมองไปรอบๆและเห็นผู้ปลุกพลังระดับ 6 ในออฟฟิศ เขาไม่ใช่คนที่ต้องทำงานในห้องนี้แต่เป็นเพียงคนเฝ้าระวังเท่านั้น มันแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของห้องนี้
เธอเคาะแหวนและแอนนาก็ปรากฏตัวขึ้นข้างๆเธอในทันที
ไม่จำเป็นที่ต้องพูดคุยกันแอนนาจัดการชายคนนั่นในทันทีและแอนนาก็ใช้ลูกแก้วเพื่อหาสวิตช์ลับ
ด้วยการแตะที่สวิตช์ทำให้มีประตูลับโผล่ออกมาและเธอก็รีบเข้าไปก่อนที่ซาร่าห์จะเข้าไปในทันที
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เธอก็โผล่หัวออกมาและพยักหน้าให้ซาร่าห์
ข้อมูลที่จะใช้ทำลายตระกูลแอสเตอร์อยู๋ข้างในนี่อย่างแน่นอน
ในเวลาเดียวกัน ณ สถานที่จัดประชุม:
ยานอวกาศสีดำลงจอดในลานและชายชุดดำสามคนก็ลงมาจากยานอวกาศ
มีสัญลักษณ์รูปหน้าคนสวมหน้ากากอยู่ในชุดของพวกเขา ส่วนใบหน้าแถวหน้ากากเป็นสีดำทั่งหมดและมีรอยยิ้มที่ปรากฎขึ้นทับกับหน้ากากเป็นรอยเลือดสีแดงที่กำลังยิ้มอยู่
พวกเขาคือคนจากกลุ่มเงา!
ไดยูยิ้มให้แขกที่มาเยือน
ชายที่เดินนำมาก่อนเป็นรองหัวหน้าของกลุ่มเงา เขาหันหลังกลับไปและพยักหน้าให้กับใครบางคน
หลังจากที่ชายคนนั่นพยักหน้ามีอะบิซอลเดินลงมาจากยานเช่นกัน
อะบิซอลที่เป็นผู้หญิงในชุดสีแดงเดินนำอะบิซอลที่เหลือออกมาจากยาน
รุสลานา เจ้าหญิงแห่งเดม่อนอะบิสระดับ 8 ลูกสาวของราชาเดม่อนอะบิส พยักหน้าเบาๆให้กับมนุษย์
ผิวสีเทาของเธอตรงกันข้ามกับชุดสีแดงของเธอ แต่อย่างใดเธอก็แสดงออกถึงความสง่างามที่แปลกประหลาด
"เรามาเริ่มกันเลย"
ในไม่ช้ารองหัวหน้าตระกูลแอสเตอร์และกลุ่มเงาก็เริ่มการประชุมกับเจ้าหญิงอะบิซอล
สมาชิกของตระกูลแอสเตอร์เดินอย่างเหม่อลอยและเหมือนกับไม่มีสติ
คนรับใช้เดินไปรอบๆด้วยดวงตาที่ไร้ชีวิตชีวา นั่นแสดงให้เห็นว่ามีผู้ปลุกพลังจิตระดับสูงควบคุมพวกเขาอยู่
พ่อบ้านชั้นสองเริ่มทักทายอะบิซอลและคนจากกลุ่มเงาที่คุ้นเคย
พ่อบ้านชั้นสามพยายามที่จะประจบประแจงและทำให้ความสัมพันธ์ของเขาแน่นแฟ้นขึ้น
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการจัดการประชุมแบบนี้
ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีพ่อบ้านที่เคยไม่เห็นด้วยซึ่งคนพวกนั่นได้พยายามเอาเรื่องนี้ไปเปิดเผยต่อสาธรณะชน
แต่ว่าพ่อบ้านพวกนั่นไม่เหลืออยู่อีกต่อไปแล้วและไม่ใช่แค่ตัวพวกเขาที่หายไป ทั้งครอบครัว เพื่อนฝูง และญาติๆ ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาหายตัวไปจนหมด
ส่วนคนที่เหลืออยู่นั่นเป็นเพียงคนที่ยอมปริปากพูดอะไรทั่งนั่น
“ดูเหมือนเธอจะดูอึดอัดนะ” รุสลานาจิบไวน์และยิ้มให้ไดยู
"เหมือนกับเธอนั่นแหละ" มันดลารองหัวหน้ากลุ่มเงาพูดแทรก
สายลับของอะบิซอลถูกเปิดเผยและถูกกำจัด ข่าวเรื่องการโกงเงินและเรื่องต่างๆที่เป็นด้านลบของแอสเตอร์ถูกเปิดเผยอย่างต่อเนื่อง
นั่นถือเป็นความอับอายอย่างมาก
บรรยากาศนิ่งสงบไปครู่นึง
"เราทุกคนต่างมีศัตรูร่วมกัน" รุสลานาทนความอับอายที่ต้องนั่งอยู๋กับเผ่าพันธุ์ที่ด้อยกว่าไม่ไหวและพูดออกมาเพื่อทำลายความเงียบ
"อีนิกม่า"
ชื่อนั้นเหมือนกับระเบิดเวลาเมื่อมีใครพูดถึงชื่อนั่นที่อยู่ที่นี่ทุกคนต่างรู้สึกโกรธขึ้นมาในทันที
แม้แต่ไดยูที่เย็นชาก็ยังทนไม่ไหว
รุสลานายิ้มและพูดต่อ “ตระกูลแอสเตอร์จะบังคับไม่ให้พวกอัจฉริยะของเธอออกไปได้นานแค่ไหน”
ไดยูกัดฟันของเธอ ไม่มีคำตอบสำหรับคำถามนี้
“ไม่มีใครจับเธอได้ ไม่มีใครทำร้ายเธอได้ ความแข็งแกร่งของเธอเพียงพอที่จะเอาชนะระดับ 8 ทุกคนที่เธอต้องการ อัจฉริยะทั้งหมดในตระกูลแอสเตอร์จะถูกฆ่า” รุสลานากล่าวขณะที่มองใบหน้าของไดยูที่กำลังโกรธจัดอย่างเพลิดเพลิน
“เช่นเดียวกับตระกูลมาร์ตินและกันโบลด์ พวกอัจฉริยะของพวกเขาทั้งหมดถูกฆ่าเหมือนกัน แม้ว่าเราจะสูญเสียอัจฉริยะที่ดีที่สุดของเราไปแล้วก็ตาม อย่างน้อยเราก็ยังมีรุ่นต่อไปที่จะเป็นอัจฉริยะอยู่” ไดยูถอนหายใจก่อนจะจ้องไปที่รุสลานา
“มันรู้แผนการณ์ของเราล่วงหน้าอยู่หนึ่งก้าวเสมอ แถมมันยังโฟกัสเธอเป็นพิเศษอีก นี่มันหมายความว่าไง?” ไดยูตะคอกใส่เจ้าหญิงผู้จองหอง
รุสลานาไม่ตอบแต่กลับตักออาหารเข้าปากแทน
มันดลาเหลือบมองไดยูที่โกรธจัดและถอนหายใจ “มันไม่สำคัญหรอกว่าแผนนี้จะสมบูรณ์แบบไหม ใช่ไหม?”
ไดยูซึ่งดูโกรธจัดก็หัวเราะออกมาดังๆ "ฉันก็หวังอย่างนั้นเหมือนกัน"
รุสลานากล่าว "มาร์ติน, กันโบลต์ เป็นข้าราชบริพารของแซนเดอร์ส พวกเธอระวังตัวเอาไว้เถอะ ตอนนี้พูดไปก็เปล่าประโยชน์รอจนกว่าเธอคนนั่นจะมาดีกว่า"
"ฉันอยู่นี่แล้ว" เสียงสุดเย็นชาดังขึ้นมา