เกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 20
เกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 20
"พี่เหวินไถมีเรื่องใดเชิญกล่าวมาเถอะ ไม่ต้องเกรงใจไป" ลิโป้หัวเราะ
"น้องเฟิ่งเสียน ข้าเห็นว่าทหารม้าแห่งปิงโจวนั้นร้ายกาจนัก ข้ารู้สึกประทับใจอย่างมาก ข้าจึงอยากจะตั้งทัพม้าขึ้นมาบ้าง เพียงแต่ทางภาคใต้มีม้าศึกอยู่ไม่มาก ไม่รู้ว่าเฟิ่งเสียนพอจะขายม้าศึกบางส่วนให้ข้าได้หรือไม่?" ซุนเกี๋ยนจ้องลิโป้ด้วยแววตาร้อนแรง
ทหารม้าคือเจ้าแห่งสนามรบ ด้วยกองกำลังทหารม้า กองทัพก็จะสามารถเคลื่อนไหวเพื่อรับมือศัตรูได้ดียิ่งขึ้น นับตั้งแต่ที่เขาได้เห็นการรบพุ่งของทหารม้าปิงโจว ตัวเขาก็ได้เตรียมการมาตลอด เขาได้ไปขอซื้อม้าศึกจากเจ้าเมืองคนอื่นๆมา และฝึกฝนทั้งวันทั้งคืน กระนั้นผลลัพธ์กลับไม่น่าพอใจสักเท่าใด ม้าของจงหยวนกับม้าของปิงโจวนั้นมีช่องว่างขนาดใหญ่อยู่
และต่อให้ได้ม้ามาแล้ว ทักษะการขี่ม้าก็ยังมีช่องว่างขนาดใหญ่อีกเช่นกัน การจัดขบวนรบก็ยากจะเป็นระบบระเบียบในเวลาอันสั้น ทหารม้าต้องมีทักษะการขี่ม้าที่ดี สามารถออกท่าทางต่างๆบนหลังม้าได้ มิเช่นนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับเอาทหารราบไปขี่ม้า
"พี่เหวินไถ ข้าจะขอกล่าวอย่างไม่อ้อมค้อมก็แล้วกัน ขายม้าศึกให้ท่านนั้นขายได้ แต่ท่านต้องเอาทรัพยากรที่มีค่าเท่าเทียมมาแลกเปลี่ยน อย่างเช่น เสบียงอาหาร เหล็ก และเงิน"
"เฟิ่งเสียนช่างเป็นคนดีจริงๆ แต่ด้วยสภาพกองทัพของข้าตอนนี้ ขาดแคลนทั้งเสบียงและของสิ่งอื่นๆ ยากจะรวบรวมได้ในเวลาอันสั้น" ซุนเกี๋ยนจากที่ดีใจพลันห่อเหี่ยวลงทันตา
"ไม่เป็นไร ข้าสามารถมอบม้าศึกให้ท่านห้าร้อยตัวก่อน มาตกลงเรื่องราคากันดีหรือไม่?" ทัพปิงโจวมีม้าส่วนเกินอยู่ แม้จะเป็นม้าที่ถูกคัดออก กระนั้นก็ยังมีคุณภาพสูงกว่าม้าของแดนจงหยวน
"ขอบคุณเฟิ่งเสียน" ซุนเกี๋ยนกล่าวด้วยความสำนึกขอบคุณ
"ท่านเป็นสหายของข้า ม้าหนึ่งตัว ข้าคิดสี่พันเฉียนก็แล้วกัน" ลิโป้ตบบ่าซุนเกี๋ยนแปะๆ
"สี่พัน?" ซุนเกี๋ยนมุมปากกระตุก สี่พันเฉียนเทียบได้กับหินสี่สิบเมตร ครอบครัวขนาดสามคนสามารถใช้อยู่กินได้หนึ่งปี ม้าศึกตัวหนึ่งต้องการอาหารสัตว์สามก้อนต่อเดือน ยังมีค่าบำรุงอื่นๆ ซึ่งรวมแล้วมีค่าเท่ากับการเลี้ยงดูทหารสองนาย
"ได้ ข้าตกลง" ซุนเกี๋ยนกัดฟันรับ ราคาสี่พันเฉียนก็ไม่ได้สูงจนเกินไป หากเจ้าเมืองคนอื่นๆได้ยินราคา เกรงว่าคงรีบวิ่งมาขอซื้อไป และลิโป้ก็ขายให้เขาด้วยไมตรีจิต ก่อนหน้านี้เขาได้ไปขอซื้อจากม้าเท้งและกองซุนจ้านแล้ว ผลคือล้มเหลว เหล่าเจ้าเมืองจงหยวน(ภาคกลาง)เฝ้าระวังป้องกันเหล่าเจ้าเมืองจากชายแดน กองซุนจ้านและม้าเท้งไม่ใช่คนโง่ ย่อมมองออก
"ม้าศึกห้าร้อยตัว อย่างช้าวันพรุ่งนี้ ข้าจะให้โจเส็งจัดส่งไปให้พี่เหวินไถ" หลังจากค้าขายได้รายการหนึ่ง ลิโป้ก็ดูจะมีความสุขอย่างมาก เมืองปิงโจวย่อมไม่ขาดแคลนม้าอยู่แล้ว ที่ขาดแคลนจริงๆคือหญ้าเสบียงต่างหาก การจะพัฒนาดินแดนได้ดังนั้น เพียงความตั้งใจยังไม่พอ จะต้องมีกำลังและทรัพยากรด้วย
"น้องเฟิ่งเสียน กองกำลังของข้าขาดแคลนม้า ทักษะการขี่ม้าของพวกทหารจึงค่อนข้างอ่อนแอ ไม่ทราบว่าพอจะส่งทหารม้ามาฝึกฝนให้ได้หรือไม่?" ซุนเกี๋ยนเอ่ยถามด้วยความคาดหวัง
"ได้" ลิโป้ตอบตกลงทันที ตราบใดที่เรื่องโกลนไม่ถูกเปิดเผย ทหารม้าปิงโจวก็จะยิ่งใหญ่เหนือกองทหารม้าใด
เมื่อออกจากค่ายทหารปิงโจว ซุนเกี๋ยนก็เต็มเปี่ยมด้วยความมั่นใจ ดูเหมือนความฝันที่จะได้เห็นกองทัพทหารม้าของตนเองบุกกวาดไปทั่วสนามรบใกล้จะเป็นความจริงแล้ว
..........
ตั๋งโต๊ะเวลานี้ยังคงไม่พอใจต่อสิ่งที่ได้มา เขาสั่งคนไปขุดเอาสมบัติจากสุสานจักรพรรดิออกมาจนบรรทุกได้หลายคันรถ ก่อนจะออกจากเมือง เขายังสั่งให้เผาทำลายเมืองหลวงที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนานแห่งนี้อีกด้วย
ขณะเดียวกัน ภายใต้การ "บุกโจมตีอย่างหนัก" ของกองทัพพันธมิตร ประจวบกับทหารที่เฝ้ารักษาด่านเฮาโลก๋วนได้รับข่าวเรื่องที่ตั๋งโต๊ะละทิ้งเมืองลั่วหยางหนีไปแล้ว ก็วางอาวุธยอมจำนน
เมื่อกองทัพพันธมิตรเคลื่อนกำลังเข้าสู่ลั่วหยาง เพลิงที่เผาไหม้ตัวเมืองยังไม่มอดดับ และเมืองก็กลายเป็นร้างไร้ผู้คนไปแล้ว ดังนั้นอ้วนเสี้ยวจึงสั่งให้ตั้งค่าย
ซุนเกี๋ยนเป็นทัพหน้านำกำลังออกไปดับไฟ
อ้วนเสี้ยวที่รู้สึกว่าตัวเขาสร้างผลงานชิ้นใหญ่ได้ก็เริ่มครุ่นคิด แม้ว่าเมืองลั่วหยางจะถูกไฟไหม้ไปแล้ว กระนั้นตัวเขาก็ยังคงเป็นผู้ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในแผ่นดิน ไม่มีผู้ใดสามารถเทียบเคียงได้ ผลงานและชื่อเสียงในเวลานี้ของเขาเพียงพอจะขึ้นเป็นผู้นำตระกูลได้แล้ว ลูกอนุแล้วอย่างไร? เขาต้องการจะบอกต่อตระกูลอ้วน ว่าเขานี่แหละที่เป็นผู้มีอำนาจมากที่สุดในตระกูล
"ท่านผู้นำ ตอนนี้ตั๋งโต๊ะจับองค์ฮ่องเต้มุ่งหน้าไปทางตะวันตก พวกเราควรใช้โอกาสที่ไพร่พลกำลังฮึกเหิมไล่ตามไป แต่ท่านกลับตั้งทัพไม่ยอมเคลื่อนไหว เพราะเหตุใดกัน?" โจโฉเอ่ยถามด้วยความโกรธ
เหล่าเจ้าเมืองที่อยู่ภายในกระโจมพลันหยุดพูดคุย สายตาของคนทั้งหมดล้วนจับจองไปที่อ้วนเสี้ยว เวลานี้ ขอเพียงอ้วนเสี้ยวออกคำสั่ง เหล่าเจ้าเมืองก็จะเคลื่อนกำลังออกไล่ล่าตั๋งโต๊ะทันที
"เมิ่งเต๋อ ทหารของพวกเรากรำศึกต่อสู้มาตลอดหลายวัน ย่อมเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า ไล่ตามตั๋งโต๊ะไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์" อ้วนเสี้ยวกล่าวปลอบ
โจโฉแค่นเสียงเย็น "โจรตั๋งเผาเมืองลั่วหยางจนเหลือแต่ซาก ขุดปล้นสุสานจักรพรรดิ ทำแผ่นดินปั่นป่วนวุ่นวาย ตอนนี้กำลังหลบหนีอย่างเร่งรีบ สวรรค์ประทานโอกาสมาให้ถึงขนาดนี้ ใยจึงลังเลไม่ยอมไล่ตามไป?"
"เมิ่งเต๋อ กองทัพเหนื่อยล้า ไม่ควรเคลื่อนพลอย่างผลีผลาม" อ้วนสุดช่วยปลอบอีกคน จากนั้นเจ้าเมืองคนอื่นๆก็ช่วยกันเอ่ยปลอบ
โจโฉพลันกล่าวด้วยความเดือดดาลว่า "พวกเด็กน้อย ไม่คู่ควรเข้าร่วมวางแผน!" กล่าวจบก็ออกจากกระโจม นำกองกำลังหนึ่งหมื่นนายไล่ติดตามตั๋งโต๊ะไปตลอดคืน
ลิโป้ส่ายหน้า จากนั้นจึงเดินออกจากกระโจมไปอีกคน เขาสั่งให้เหล่าทหารเตรียมพร้อมออกรบ จากนั้นจึงให้เซ้งเหลียมนำทหารที่บาดเจ็บล่วงหน้ากลับปิงโจว
วันต่อมา เขานำทหารที่เหลืออยู่เจ็ดพันออกเดินทางไปสนับสนุนกองกำลังของโจโฉ ในการต่อสู้ครั้งนี้ ไม่ว่าแพ้หรือชนะ เขาก็ไม่คิดจะหวนกลับมาอีก กองทัพพันธมิตรสิบแปดหัวเมืองหลงเหลือเพียงชื่อ ตั๋งโต๊ะเวลานี้คือบุคคลที่มั่งคั่งที่สุดในใต้หล้า ขอเพียงเขาสอดประสานกับลิซกได้อย่างเหมาะสม เขาก็จะสามารถปล้นชิงเงินทองและผู้คน ถึงตอนนั้นการจะพัฒนาปิงโจวก็จะไม่ใช่วาจาเลื่อนลอยแล้ว
.........
เมื่อตั๋งโต๊ะเดินทางมาถึงเอี๋ยงหยง ซีเอ๋งผู้เป็นเจ้าเมืองก็ออกมาต้อนรับ ลิยูเห็นดังนั้นก็กล่าวขึ้นว่า "ท่านอุปราชละทิ้งลั่วหยาง เพื่อป้องกันไม่ให้กองทัพสิบแปดหัวเมืองไล่ติดตาม ท่านสามารถสั่งให้ซีเอ๋งไปซุ่มอยู่ด้านนอกเมืองเอี๋ยงหยง หากว่ามีกองกำลังไล่ตาม ก็ปล่อยให้ผ่านมา รอให้พวกมันกำลังบุกตีเมือง ก็ให้ซีเอ๋งยกกำลังออกมา ล้อมหน้าล้อมหลัง ช่วยกันเข่นฆ่า นี่จะต้องทำให้เจ้าเมืองพวกนั้นตื่นตระหนกเสียขวัญ ไม่กล้าส่งกำลังไล่ตามอีก"
ตั๋งโต๊ะเชื่อคำแนะนำของลิยู เขาสั่งให้ฮัวหยงนำทหารชั้นยอดหนึ่งหมื่นนายคอยรั้งท้าย เพียงรอให้กองกำลังของพวกเจ้าเมืองไล่ตามมา
"เซี่ยกวน(ขุนนางผู้น้อย) ขออาสาอยู่รั้งท้ายด้วยขอรับ" ลิซกขันอาสา
"ดี เว่ยกงนำทหารชั้นยอดห้าพันนายไปช่วยแม่ทัพงิวคุ้มครองหญ้าเสบียง" ความไว้วางใจที่ตั๋งโต๊ะมีต่องิวฮูย่อมไม่เท่ากับลิซก เขาไม่สนว่าลิซกจะต่อสู้ได้หรือไม่ด้วยซ้ำ
โจโฉนำกำลังไล่ตามตั๋งโต๊ะตลอดคืน หน่วยสอดแนมถูกส่งออกไปหน่วยแล้วหน่วยเล่าไม่หยุดหย่อน ข่าวที่ได้รับคือรายงานความทุกข์ตรมของราษฏรและความโหดร้ายของตั๋งโต๊ะ เมื่อได้ยินก็ทำให้โจโฉสบถด่าอ้วนเสี้ยวและเจ้าเมืองคนอื่นๆไม่หยุด
"เร่งความเร็ว พวกเราจะต้องจับโจรถ่อยตั๋งโต๊ะให้จงได้!" โจโฉกล่าวกระตุ้น
"นายท่าน ทหารของตั๋งโต๊ะล้วนแต่เป็นทหารชั้นยอด พวกเรามีทหารเพียงหนึ่งหมื่น ควรระวังไว้" โจหยินกล่าวเกลี้ยกล่อม
"ฮ่องเต้กำลังมีภัย ในฐานะขุนนางของพระองค์แล้ว ข้าจะนิ่งเฉยดูดายได้อย่างไร?" โจโฉกล่าวอย่างหนักแน่น
เมื่อเห็นว่าไม่อาจเกลี้ยกล่อมโจโฉได้อีก เขาก็ได้แต่หันไปตะโกนเร่งทหาร
หลังจากไล่ตามตลอดทั้งคืน กองทัพของโจโฉก็อ่อนล้า ทันใดนั้นพลันมีเสียงกลองศึกดังขึ้น ฮัวหยงนำทหารบุกเข้าโจมตี ทหารของโจโฉสู้ไม่ได้ ปรากฏวี่แววว่าจะพ่ายแพ้
ฮัวหยงหัวเราะก่อนจะกล่าวว่า "เป็นดั่งที่ท่านกุนซือลิคาดการณ์ มีทหารไล่ตามมาจริงๆ ไป บุกพร้อมข้า!"
โจโฉขี่ม้าออกมาพลางด่าทอ "โจรกบฏ ลักพาองค์ฮ่องเต้ ทำประชาชนพลัดที่นาคาที่อยู่ หากไม่รีบลงม้ารับการจับกุม เมื่อทัพหนุนของข้ามาถึง เจ้าจะไม่ตายดีแน่!"
ฮัวหยงด่ากลับ "เจ้าคนขี้ขลาด เก่งจริงก็มาสู้กับข้า!"
แฮหัวตุ้นพลิกตัวขึ้นม้า เขาชี้หอกโถมเข้าใส่ฮัวหยง ทั้งสองเข้าปะทะกัน ชั่วสั้นๆ ยังไม่ทันปรากฏผลแพ้ชนะ ทันใดนั้นก็พลันมีเสียงกลองศึกดังขึ้นจากทางด้านซ้าย ลิฉุยนำกำลังทหารตีโอบเข้ามา