SGS บทที่ 118 – วู่หยานสุดแกร่ง! และ เทียนเกอร์ที่เดินจากไปด้วยอารมณ์คุกรุ่นล่ะ! (ฟรี)
ภายใต้สายตาที่จ้องมองจากทุกทิศ เทียนเกอร์หน้าร้อนผ่าวด้วยความอับอายในเวลาเดียวกันก็โกรธด้วย แต่ถึงจะโกรธเกรี้ยวแค่ไหนเขาก็ไม่กล้าเอ่ยปากพูด
ใบหน้ากับชีวิต อันไหนมันสำคัญกว่าล่ะ?
บางคนอาจจะเห็นว่าหน้าสำคัญกว่าชีวิตมาก แต่ทว่าน่าเสียดายมากๆที่คนเหล่านั้นไม่มีเทียนเกอร์รวมอยู่ด้วยแน่นอน
ถ้าชีวิตยังรักษาไม่ได้แล้วจะรักษาหน้าไว้ทำเพื่อ?
ดังนั้น ถึงเขาจะรู้สึกอับอายถึงขีดสุด แต่เขาก็ไม่กล้าขยับตัวเลยแม้แต่น้อย
เขารู้สึกได้เลยว่าเจ้าอาวุธที่ทายคอเขาอยู่นี่มันคมมาก ถึงแม้มันจะแตะผิวหนังเขาเพียงแค่เล็กน้อยแต่มันก็ทำให้เขารู้สึกเจ็บนิดๆแล้ว
และเขายังรู้สึกได้ถึงจิตสังหารอันเต็มเปี่ยมจากชายหนุ่มที่ชื่อวู่หยานนี่ เขามั่นใจเลยว่าถ้าตนเล่นตุกติกวินาทีต่อมาหัวเขาได้หลุดออกจากบ่าแน่!
ในเวลานี้ ใบหน้า หรือตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้าง อะไรก็ไม่สามารถช่วยชีวิตตนได้ทั้งนั้น!
ภายใต้การข่มขู่จากความตาย บวกกับหัวใจที่อัดแน่นไปด้วยความโกรธ ทำให้เทียนเกอร์สูญเสียความสามารถในการคิดวิเคราะห์ไป เขามองไม่เห็นถึงความหมายที่แท้จริงที่สายตาเหล่านั้นมองมา
ที่เทียนเกอร์พลาดไปก็คือ ทุกคนที่กำลังมองมาที่เขามันไม่ใช่สายตาเยาะเย้ยอย่างที่เขาคิด แต่มันความไม่อยากเชื่อกับช็อคเท่านั้น!
ในเมืองบาฮาลมีทุกขุมพลังตั้งแต่เล็กยันใหญ่ ทว่าที่แข็งแกร่งที่สุดมีแค่สองเท่านั้น คือตระกูลมิดเดอร์เรียน และ กลุ่มทหารรับจ้างสุนัขเหล็ก!
สองขุมพลังนี้ ยืนอยู่บนสูงสุดจากบรรดาคนทั้งหมด เห็นได้เลยว่าพวกเขาทรงพลังขนาดไหน
และหัวหน้าของสองขุมพลังนี้ เกรย์กับเทียนเกอร์ แน่นอนว่าต้องเป็นสองคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบาฮาล!
พูดง่ายๆก็คือ เกรย์และเทียนเกอร์ เป็นสองผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุด!
แต่ว่าตอนนี้พวกเขากำลังเห็นอะไรอยู่? หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างสุนัขเหล็กที่ทรงพลังอย่างถึงที่สุดในสายตาพวกเขา เทียนเกอร์ กลับโดนชายหนุ่มหน้าใสอายุยี่สิบต้นๆเอาดาบจ่อคอ!
‘นี่สายตาเรามัน....ยังเชื่อถือได้แน่เหรอ?’
นี่คือความคิดที่ผู้คนเกือบทั้งหมดคิดขึ้นพร้อมกัน.......
แน่นอนว่า ถ้าวู่หยานรู้ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่ก็คงหัวเราะก๊ากแน่น แถมยังมีความสุขมากด้วย
ทรงพลังอย่างถึงที่สุดเหรอ? แค่แรงค์6เนี่ยนะ? ต่อให้เป็นไม่กี่วันก่อนถึงจะลำบากนิดหน่อยแต่ตูก็ชนะมันได้แน่นอน แล้วนับประสาอะไรกับตอนนี้ ที่ตูเวลอัพเป็นแรงค์7แล้ววะ!
หนึ่งในขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในบาฮาลก็นับได้ว่ามีความสามารถอยู่เล็กน้อย แต่ไม่นับเป็นอะไรได้ หลังจากผ่านอีเว้นต์สมบัติลับมา วิสัยทัศน์เขาก็เปิดกว้างขึ้นมาก ดังนั้นวู่หยานจึงไม่สนใจมันเลยแม้แต่นิดเดียว
แต่ถ้าเกิดมันเกินมือเขาจริงๆ วู่หยานก็ไม่รังเกียจที่จะปล่อยให้มันได้เล่นกับอิคารอส.......
มองดูใบหน้าเทียนเกอร์ที่มีเหงื่อไหลราวกับน้ำ วู่หยานก็หมดความสนใจทั้งหมดไปในทันที แล้วครี่ยิ้มเล็กน้อย ไม่เพียงแต่เขา แม้แต่ฮินางิคุกับมิโคโตะก็รู้สึกรังเกียจคนประเภทนี้ด้วย
ก่อนหน้านี้เอ็งพูดจาใหญ่โตทำตัวกร่างไปทั่ว แต่พอมีดาบมาจ่อคอก็เงียบกริบยังกับเป็นไบ้ ไม่แปลกเลยที่เทียนลี่มันจะชั่วแบบนั้นก็เล่นมีพี่กากๆแบบนี้ ถ้าขนาดตัวหัวหน้ามันยังเป็นแบบนี้ ลูกน้องที่เหลือก็คงไม่ต่างกันเหรอ!
“หัวหน้า!” ฟื้นสติจากความช็อคได้เหล่าลูกน้องด้านหลังเทียนเกอร์ก็ตระหนักได้สักทีว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ต่างคนต่างก็ตะโกนร้องเรียกหาหัวหน้าตนเอง ก่อนจะหยิบอาวุธขึ้นมาด้วยสีหน้าตื่นตัว พวกหมาเองก็เห่าโฮ่งๆ
“อย่าทำอะไรโง่ๆนะ!”
เทียนเกอร์รีบตะโกนใส่พวกลูกน้อยที่อยู่ด้านหลัง ได้ยินแบบนี้พวกเขาก็ทำได้แต่ถอยหลังไปสองสามก้าวด้วยสีหน้าจนปัญญา ทำได้แต่ปล่อยให้หัวหน้าตนอยู่แบบนั้นต่อไป
“รอก่อนนะหัวหน้า พวกเราจะช่วยท่านเอง!”
เมื่อได้ยินแบบนี้แทนที่จะโล่งอกกลับกัน มันยิ่งทำให้เทียนเกอร์โกรธเกรี้ยวหนักกว่าเดิม
‘ตอนที่มันมาข้าไม่เห็นพวกเอ็งจะปากดีแบบนี้เลย แต่พอข้าถูกจับเท่านั้นแหละปากดีกันใหญ่เชียวนะ! แถมกว่าพวกเอ็งจะหายช็อคมันก็มากพอที่ข้าจะตายได้หลายสิบรอบแล้วโว้ยย! ถ้านานกว่านี้อีกหน่อย ข้าจะเปลี่ยนไปหวังพึ่งไอ้เกรย์มันให้ช่วยพูดแทนแล้วเนี่ย ไอ้พวกไร้ประโยชน์เอ้ย!’
แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดของเทียนเกอร์เหมือนกันที่หวังพึ่งลูกน้องสูงเกินไป ในที่นี่นอกจากฮินางิคุ มิโคโตะแล้วก็อิครารอส ก็ไม่มีใคนเห็นการเคลื่อนไหวของวู่หยานสักคน ขนาดตัวเองยังตอบสนองไม่ทันแล้วนับประสาออะไรกับลูกน้องที่กากกว่า
วู่หยานให่เวลาพวกมันช็อคนานพอแล้ว เขาขยับมือเล็กน้อนก่อนจะหลุดขำออกมาเมื่อเห็นสีหน้าหวาดกลัวของไอ้เทียนเกอร์
“เอ้าๆเป็นไรไปคุณหัวหน้าเทียนไม่ปากดีต่อแล้วเหรอ? ก่อนนี้ยังว่าฉันทำตัวเป็นพระเอกอยู่เลยไม่ใช่? ว่าไงทำไมไม่พูดต่อล่ะ?”
เทียนเกอร์แอบโล่งอกในใจ ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ฆ่าเขาแสดงว่าไม่คิดทำอะไรตนตั้งแต่แรกแล้ว นี่ทำให้เขาหายกลัวเล็กน้อย
เมื่อได้ยินคำพูดวู่หยาน เทียนเกอร์ก็เม้มปากแล้วพูดว่า “เจ้าหนู....แกต้องการอะไร?”
การที่เทียนเกอร์พยายามทำให้ตัวเองใจเย็นลง ทำไมวู่หยานจะดูไม่ออก? ในใจที่ได้หมดความสนใจไปเรียบร้อยแล้วก็เกิดนึกสนุกขึ้น วู่หยานโคลงหัวไปมาแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ฉันต้องการอะไร แต่ทางนายต่างหากต้องการอะไรกันแน่? เมื่อกี้นายก็เพิ่งพูดขู่ฉันไปเองนะ~......”
เทียนเกอร์สำลักน้ำลายทันที แล้วมองหน้าวู่หยานด้วยสีหน้าขมขื่น ในสถานการณ์แบบนี้เขาจะพูดอะไรได้อีกล่ะ? “ข้ามองเจ้าผิดไป ถือซะว่าข้าดวงไม่ดีเอง!”
ดูเหมือนว่าแม้แต่ตอนนี้ถ้าจะให้เทียนเกอร์มันพูดว่า ‘ข้าผิดไปเอง’ ยังคงเป็นไปไม่ได้.......
แต่ถ้าวู่หยานขู่จะฆ่าจริงๆถึงพอจะง้างปากทำให้มันพูดได้ แต่น่าเสียดายที่วู่หยานไม่คิดทำถึงขั้นนั้น เพราะหมาที่จนตรอกมักทำอะไรก็ได้ ยิ่งกว่านั้นเจ้าตัวมันยังเป็นหัวหน้าหมาอีกเขาขี้เกียจเกินไปที่จะเอาตัวไปเสี่ยง
วู่หยานยิ้มแล้วแกล้งขยับมือนิดหน่อย ก็ทำให้เทียนเกอร์สะดุ้งโหยง นี่ทำให้มันกัดฟันพูดด้วยความโกรธว่า “ที่นี้แกจะปล่อยข้าไปได้รึยัง?”
ได้ยินแบบนี้ วู่หยานก็พยักหน้าด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลง มองเทียนเกอร์แล้วพูดว่า “ตอนแรกฉันก็ไม่อยากมีความบาดหมางอะไรกับหัวหน้าเทียนหรอกนะ แต่เพราะเมื่อกี้หัวหน้าเทียนบอกอยากเห็นฉันที่เป็นพระเอก ดังนั้นเลยแสดงให้ดูนิดๆหน่อยๆ นี่คงไม่ได้ทำให้หัวหน้าเทียนโกรธหรอกใช่มั้ย?”
เทียนเกอร์โกรธจนคิดในใจว่าคืนนี้ตนคงนอนไม่หลับทั้งคืนแน่ ถึงเมื่อก่อนจะอารมณ์เสียเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว แต่ก็ไม่เคยมีวันไหนที่ทำเขาเลือดขึ้นหน้าแบบนี้ แถมตนยังระบายอารมณ์ไม่ได้ด้วย
จากนั้นวู่หยานก็เติมเชื่อเพลิงเข้าไปอีก “อ่อใช่ๆ ไอ้น้องชายแสน ‘ดี’ ของหัวหน้าเทียนน่ะ ไม่จำเป็นต้องไปหามันแล้วนะ ต่อให้หาไปก็คงเจอแต่ศพน่ะแหละ!”
“แกฆ่าเขา?” เทียนเกอร์ถามเสียงหลง
วู่หยานยิ้มเยาะเย้ยย “ถูกต้องแล้วครับ~ ในเมื่อมันกล้ามีความคิดสกปรกๆกับภรรยาฉัน แล้วฉันจะปล่อยมันไว้ทำซากอะไรล่ะ?”
“แก....” เทียนเกอร์กัดฟันกรอดถลึงตามองหน้าวู่หยาน ทว่าวู่หยานก็ยังมีสีหน้าที่ว่าฉันไม่แคร์ ทำให้เขาได้แต่หันหน้าหนีด้วยความไม่ยินยอม ในเมื่อคนมันตายไปแล้ว แถมภารกิจที่ให้ก็ยังล้มเหลว ปล่อยให้มันมีชีวิตต่อไปก็ไร้ประโยชน์!
เห็นเทียนเกอร์ไม่ถามหาเอาความเรื่องน้องชาย รอยยิ้มเยาะเย้ยของวู่หยานก็ยิ่งกว้างขึ้น อย่างที่คิดเลยสองพี่น้องนี้มันเลวบัดซบทั้งคู่จริงๆ.......
ขณะที่วู่หยานถอนดาบ นิเอโทโนะ โนะ ชานะ ออกมาจากคอมันได้ไม่ถึงวินาที เทียนเกอร์ก็ระบิดปราณออกมาแล้วรีบกระโดดไปด้านหลัง ราวกับกลัววู่หยานจะเปลี่ยนใจมาเชือดตน
วู่หยานทำเป็นมองไม่เห็น เขาตวัดดาบหนึ่งที แล้วเดินกลับไปหาพวกฮินางิคุ
มองดูแผ่นหลังวู่หยาน ในใจเทียนเกอร์คิดอยากจะฆ่ามาก แต่เมื่อนึกถึงเมื่อกี้ที่มันสามารถหายตัวยังกับภูติผีเข้าหาตนได้เขาก็ไม่กล้าทำอะไรอีก ทำได้แค่เก็บความต้องการฆ่าเข้าไป แล้วตะโกนใส่ลูกน้องด้วยความโกรธว่า “พวกเรากลับ!”
กลุ่มทหารรับจ้างต่างถอยกลับไปอย่างช้าๆ เมื่อเห็นแบบนี้เหล่าคนดูก็รู้ว่าโชว์ได้จบลงแล้วจึงแยกย้ายกันกลับอย่างรวดเร็ว
วู่หยานเดินนำสาวๆมาหาเกรย์ มองดูเกรย์ที่ยังตามเรื่องราวไม่ทัน วู่หยานก็พูดไม่ออก
‘จะดีจะร้ายยังไงเอ็งก็เป็นถึงผู้นำตระกูลนะเฮ้ย ทำตัวให้มันดีกว่านี้หน่อยไม่ได้รึไง?’
แน่นอนว่าวู่หยานย่อมไม่รู้ถึงความรู้สึก ของคนที่ได้เห็นศัตรูคู่แค้นมาตลอดชั่วชีวิตของตนกลับโดนเด็กหนุ่มอายุยี่สิบกว่าปีปราบลงได้ในชั่วพริบตาหรอก ว่ามันเป็นยังไง
เอาจริงๆถ้าเปลี่ยเป็นคนอื่นคงแย่กว่าเกรย์ บางทีอาจจะทนไม่ได้เลยก็ได้........