601 - เคลื่อนย้ายโลงศพทองแดง
601 - เคลื่อนย้ายโลงศพทองแดง
เย่ฟานเริ่มเข้าสู่ความสันโดษ เขากลั่นผลพระจันทร์สีเงินและผลไม้รูปหัวใจสีแดง หมอกกำลังไหลเวียนและกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วโลงศพทองแดง
เป็นเวลาครึ่งเดือนที่เย่ฟานเปล่งประกายราวกับเซียนอมตะที่เสด็จลงมาจากสวรรค์ ปราณโลหิตสีทองพลุ่งพล่านและพลังศักดิ์สิทธิ์สีทองจากทะเลแห่งความทุกข์ก็โหมกระหน่ำราวกับคลื่นมหาสมุทร
สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดคือเขานั่งอยู่ที่นั่นล้อมรอบด้วยแผนภูมิเต๋าลึกลับที่รวมเป็นหนึ่งกับสวรรค์และปฐพีและชักนำให้ร่างกายของเขาเกิดความสดใสมากขึ้นเรื่อยๆ
เย่ฟานไม่ได้เคลื่อนไหว บาดแผลที่เกิดจากเต๋าผู้ยิ่งใหญ่ในร่างกายของเขาเริ่มหายเป็นปกติ
เศษเสี้ยวของกฎสวรรค์และปฐพีที่ไม่สมบูรณ์นั้นมีประสิทธิภาพมากมันแทบจะทำให้เขาผลักดันตัวเองเข้าสู่อาณาจักรบ่มเพาะที่สูงขึ้น
เขาลืมตาขึ้นและยิงแสงศักดิ์สิทธิ์เจิดจ้าออกมาสองเส้น ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา เขาได้กลั่นผลพระจันทร์สีเงินสามผล และผลไม้รูปหัวใจอีกสองผล และประสิทธิภาพของมันยอดเยี่ยมมาก
“ถ้ากลั่นผลไม้ศักดิ์สิทธิ์อีกสองสามชนิด อาการบาดเจ็บของเต๋าผู้ยิ่งใหญ่จะถูกกำจัด”
พลังปราณไหลพล่านไปทั่วร่างของเขา พลังปราณและเศษของแผนภูมิเต๋า พันรอบร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง
เย่ฟานยืนขึ้นและเดินมาที่โลงศพขนาดเล็กเพื่อเขย่ามันอย่างแรงอีกครั้ง
เย่ฟานใจสั่น อะไรอยู่ในโลงศพ? เขายกฝาโลงขึ้นอย่างแรง พยายามเปิดออกดูว่ามีอะไรอยู่ข้างใน
“ครึก”
ทันทีที่โลงศพเล็กถูกเคลื่อนย้าย โลงศพใหญ่ก็สั่นอยู่ครู่หนึ่ง และอักขระทองแดงก็ฉายแสงแสดงให้เห็นถึงแผนที่ดวงดาวซึ่งส่องแสงระยิบระยับ
ถนนโบราณบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวทำให้จิตใจของเย่ฟานสั่นสะท้าน มีใครบางคนสร้างถนนเส้นนี้ขึ้นหรือไม่? ผู้ที่มีความแข็งแกร่งจนสามารถสร้างสิ่งนี้ได้เป็นใครกันแน่?
โลงศพยักษ์สีทองแดงเต็มไปด้วยบรรยากาศลึกลับ ในขณะที่อักขระทองแดงที่ส่องแสงระยิบระยับนั้นยากที่จะมองเห็นได้ชัดเจน
ร่องรอยของกาลเวลาที่ทับถมมีความหนามาก แต่ก็ยังไม่สามารถซ่อนลวดลายที่คลุมเครือได้
เย่ฟ่านคลายมือจากโลงศพทองแดงขนาดเล็กและเริ่มจับจ้องอักขระทองแดงอย่างละเอียดถี่ถ้วน เขาต้องการเข้าใจความลึกลับทั้งหมดนี้
ลวดลายที่คลุมเครือสั่นไหว วิหคศักดิ์สิทธิ์เก้าหัวที่ดุร้ายก็กางปีกทะยานข้ามหมู่เมฆเพื่อต่อสู้กับราชาวานรตัวใหญ่!
มีสัตว์อสูรมากมายจากตำราโบราณ "ซานไห่จิง " ถูกแกะสลักอยู่ภายในโลงศพทองแดง รวมทั้งยังมีสิ่งมีชีวิตอีกมากมายที่เย่ฟานไม่เคยได้ยินชื่อ
สิ่งที่เขาให้ความสนใจมากที่สุดตอนนี้คือแผนที่ดวงดาวซึ่งแสดงเส้นทางที่ลึกซึ้ง จนทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความกว้างใหญ่และไร้ขอบเขต
“ภูเขาไท่ซาน ดาวอังคาร ดินแดนต้องห้ามรกร้างโบราณ… แล้วดวงดาวสีม่วงขนาดใหญ่นี้คืออะไร?” เย่ฟ่านพึมพำกับตัวเอง ประหลาดใจและอธิบายไม่ถูก
แสงส่องประกายวูบวาบ ภาพสลักต่างๆ บนผนังโลงศพหรี่ลงอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับโลงศพทองแดงขนาดเล็ก เมื่อมันไม่ถูกเคลื่อนย้ายทุกอย่างก็สงบลง
โลงศพทองแดงขนาดเล็กที่มีความสูงกว่าหนึ่งวาและกว้างน้อยกว่าครึ่งวามีลักษณะเรียบง่าย แม้จะมีอักษรโบราณสลักไว้ แต่ก็มีเพียงจำนวนน้อยนิดเท่านั้น
“ครืด!”
เย่ฟ่านยกมันขึ้นอย่างแรง พยายามเปิดฝาโลงศพ จิตใจของเขาเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่รู้จบ สิ่งมีชีวิตชนิดใดที่ถูกฝังอยู่ในโลงศพนี้?
เมื่อเขาย้ายโลงศพเล็กๆอีกครั้งเย่ฟ่านรู้สึกเหมือนกำลังยกภูเขาทั้งลูกขึ้น และโลงศพทองแดงแทบจะไม่สามารถขยับได้ต่อให้กระดูกของเขาส่งเสียงสั่นสะเทือนแล้วก็ตาม
“ครึก”
ในที่สุด เขาก็เปิดฝาโลงเก่าๆออกได้เล็กน้อย เผยให้เห็นช่องว่างเล็กๆที่ล้นไปด้วยเส้นปราณปฐมโกลาหล แต่ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็ทรุดลงกับพื้นเนื่องจากพลังปฐมโกลาหลที่รั่วไหลออกมา
เย่ฟ่านตกตะลึง นี่มันแย่มาก กลิ่นอายชนิดนี้สามารถทำร้ายร่างเซียนของเขาให้ได้รับบาดเจ็บ นี่มันเป็นสิ่งที่แข็งแกร่งและน่าเหลือเชื่อมากเกินไป
เขาดื่มน้ำพุศักดิ์สิทธิ์อย่างเร่งรีบเพื่อรักษาร่างกายที่บาดเจ็บของตัวเอง เขาไม่ต้องการที่จะถูกทำลายโดยโลงศพโบราณโดยการกระทำที่ปราศจากการยั้งคิด
เย่ฟ่านตกใจอย่างอธิบายไม่ถูก อะไรอยู่ในโลงศพทองแดงขนาดเล็กนี้? เขารู้สึกว่ากลิ่นอายที่รั่วไหลออกมานั้นน่ากลัวยิ่งกว่าสิ่งมีชีวิตอมตะบุกเข้ามาในเมืองศักดิ์สิทธิ์ด้วยซ้ำ
บาดแผลของเย่ฟานต้องใช้เวลาในการรักษานาน แน่นอนเขาไม่กล้ายกฝาโลงขึ้นอีกเพราะกลิ่นอายที่รั่วไหลออกมานั้นน่ากลัวจนเขาไม่สามารถรวบรวมความกล้าได้!
เขาเดินเข้าไปใกล้ผนังของโลงศพขนาดยักษ์ สังเกตทุกภาพสลักอย่างระมัดระวัง ครุ่นคิดอย่างรอบคอบ ยิ่งเขาคิดถึงมันมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น
พื้นที่ทะเลดวงดาวอันกว้างใหญ่มีความลับมากเกินไป เส้นทางโบราณไม่มีที่สิ้นสุด ทุ่งดวงดาวที่เก่าแก่และลึกลับนี้อาจเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเส้นทางนั้น
มังกรเก้าตัวดึงโลงศพเป็นเพียงพาหนะที่เคลื่อนไปตามถนนแห่งดวงดาว จุดมุ่งหมายของมันอยู่ที่ไหน? เหตุไฉนมันจึงวนเวียนอยู่ตามเส้นทางนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า?
ไม่ว่าพวกมันจะเป็นมังกรที่แท้จริงหรือไม่ แต่รูปร่างของมันนั้นคล้ายคลึงกับมังกรที่แท้จริงอย่างน่าเหลือเชื่อ แม้แต่มังกรวารีที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างเช่นนักพรตมังกรแดงยังห่างไกลจากการจะเปรียบเทียบกับพวกมันได้
ความจริงที่ว่าพวกเขาใช้มันเป็นพาหนะในการข้ามผ่านทะเลแห่งดวงดาวอันไม่สิ้นสุดก็เพียงพอจะบอกได้ว่าโลงศพทองแดงนี้จะต้องบรรจุสิ่งที่ล้ำค่าซึ่งมีความแข็งแกร่งไม่เป็นรองจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ในสมัยโบราณอย่างแน่นอน
รอยแผลเป็นของเต๋าผู้ยิ่งใหญ่ที่เย่ฟานได้รับยังไม่หายดี แต่ต่อให้เขาไม่รักษาเพิ่มเติมมันก็ไม่สามารถเอาชีวิตเขาอีกต่อไป เพียงแต่ว่ามันอาจส่งผลกระทบต่อการบุกทะลวงอาณาจักรบ่มเพาะในอนาคตเท่านั้น
เคร้ง!
เย่ฟานเริ่มเจาะซากศพของมังกรอีกครั้ง เขาคว้าหนวดของมังกร ซึ่งดูเหมือนจะเป็นอวัยวะที่อ่อนแอมากที่สุดแต่สุดท้ายกลับไม่สามารถสร้างรอยขีดข่วนให้กับมันได้เลย
“นี่คือคลังสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีใครเทียบได้ แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถนำมันต่อไป”
เย่ฟ่านต้องการที่จะเคลื่อนย้ายมังกรตัวใหญ่แต่พละกำลังอันมากมายมหาศาลของเขานั้นเพียงทำให้มันขยับได้เล็กน้อย มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่เขาจะเอามันออกไปข้างนอกด้วย
ในชั่วพริบตาเย่ฟ่านได้เข้าสู่ดินแดนต้องห้ามเป็นเวลา 20 วัน เมื่ออยู่ที่นี่บาดแผลที่เกิดจากเต๋าผู้ยิ่งใหญ่ของเขานั้นเริ่มสมานตัวและเกือบจะหายเป็นปกติแล้ว
เมื่อสองสามปีก่อน เขาเก็บผลไม้ศักดิ์สิทธิ์สองชนิด และตอนนี้เขาเก็บผลไม้อีกสามชนิด ยังคงมีผลไม้ศักดิ์สิทธิ์อีกสี่ชนิดที่เหลืออยู่ในเก้าภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เขาจึงตัดสินใจลองเสี่ยงอีกครั้ง
คราวนี้เขาเลือกผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ชนิดที่หกซึ่งดูเหมือนดวงอาทิตย์ดวงเล็กๆ แต่ละผลมีสีทองและกลมสมบูรณ์ราวกับสร้างจากสวรรค์ แต่ละผลขนาดของมันใหญ่พอๆกับกำปั้นของทารก
ผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ประเภทที่หกนี้เกิดจากต้นไม้ที่เป็นเครือเก้าต้น พวกมันเชื่อมต่อกันอย่างแน่นหนา และผลที่มันสร้างขึ้นมาก็มีถึงเก้าผลด้วยกัน
โลงศพทองแดงเต็มไปด้วยความแวววาว กลิ่นหอมหวานตลบอบอวลไปทั่ว ทันทีที่เย่ฟ่านรับประทานเข้าไปร่างกายของเขาก็ดูเหมือนจะทวีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
มันเหมือนกับการที่เขาได้รับแก่นแท้ของดวงอาทิตย์ พลังการรักษานั้นลึกลับและทรงพลังจนน่าเหลือเชื่อ ในตอนนี้ผิวพรรณของเขางดงามยิ่งกว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ในดินแดนรกร้างตอนออกซะอีก
เย่ฟ่านเริ่มการดูดซับอีกครั้ง ในวันที่หกบาดแผลที่เกิดจากเต๋าผู้ยิ่งใหญ่ของเขาก็แทบจะหายเป็นปกติแล้ว ในเวลาเดียวกัน ร่างกายของเขาเริ่มเปลี่ยนไป
กระดูก เนื้อและเลือดของเขาดูเหมือนจะเกิดใหม่ ร่างกายของเขาเกิดการสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง มีร่องรอยที่จะนำไปสู่การนิพพานตามบันทึกของคัมภีร์พุทธที่เขาได้รับจากอันเหมียวอี้
สามวันต่อมา เมื่อเขากลั่นผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ผลที่สาม กระดูกของเขาก็เริ่มก่อตัวขึ้นใหม่ ผิวหนังเก่าของเขาลอกออก ร่างกายของเขาทำการนิพพานขั้นต้นแล้ว!
เขาปิดผนึกผลไม้สีทองที่เหลืออีกหกผล เนื่องจากเศษกฎสวรรค์และปฐพีที่อยู่ภายในนั้นเหมือนกัน ความสามารถในการรักษาอาการบาดเจ็บจากเต๋าผู้ยิ่งใหญ่จึงไม่ส่งผลมากไปกว่านี้
“ครืด”
เย่ฟ่านพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะแบกโลงศพทองแดงขนาดเล็กไว้บนหลังของเขา ใครๆ ก็นึกภาพออกว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาแข็งแกร่งเพียงใด
แม้ว่ามันจะยากลำบากมาก แต่เขาก็ทำให้มันขยับได้จริงๆ ปราณโลหิตสีทองที่อยู่ในร่างกายของเขาถูกปลดปล่อยออกมาราวกับเปลวไฟ
“เคร้ง!”
เมื่อโลงศพทองแดงขนาดเล็กของเขาถูกวางลง ก็มีเสียงที่สั่นสะเทือนท้องฟ้า ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งเก้าลูกสั่นสะเทือนคล้ายกับจะพลิกคว่ำ
“ยังมีผลไม้อีกสามชนิด ข้าอยากจะเก็บมันทั้งหมดเพื่อรักษารอยแผลของเต๋าผู้ยิ่งใหญ่!”
แต่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าเย่ฟ่านพบทาสรกร้างหลายครั้ง เขาไม่กล้าขึ้นภูเขาเพราะกลัวจะถูกฆ่า หลังจากรอครึ่งเดือนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจบางอย่าง
“ดูเหมือนว่าข้าต้องแบกโลงศพทองแดงไปด้วยเท่านั้น!”