ตอนที่ 20 จิ้งจอกยืมพลังของเสือ
ฉากน่าสมเพชแสดงด้านนอกประตูดินแดนไท่เสวียน คนดุร้ายทั้งหมดจากนิกาย ราชวงศ์ และตระกูลที่มาต่างมีเจตนาร้าย แต่ตอนนี้กลับมีรอยยิ้มเมตตา แม้กระทั่งจักรพรรดิอารมณ์ร้อนก็ยังโดนคนอื่นรอบตัวรั้งไว้
ถ้าคนนอกเห็นฉากนี้ พวกเขาจะคิดว่าทั้งหมดคือคนจากตระกูลเดียวกัน
‘พลังคือทุกอย่าง มันคือความเป็นจริงของโลกนี้!’
‘ตราบเท่าที่ชิงเกอสามารถได้รับความรักของคุณชายกู่ มันเป็นไปได้เหรอที่พวกคนเหล่านี้จะไม่หนีหางจุกตูดตอนเจอข้าในอนาคต?’
ประมุขไท่เสวียนคิดในใจ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เขาตื่นเต้นมาก แต่บนผิวเผิน เขายังแสดงท่าทางเชิด
เขาฉลาดและรู้ดีถึงจุดยืนเขาในโลก
ถ้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนไม่มีกู่ฉางเกอหนุนหลัง งั้นหมาป่าฝูงนี้คงฉีกพวกเขาไปแล้ว
ไม่ใช่แค่เขา แต่ทุกคนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนต่างรู้สึกขอบคุณกู่ฉาเงกอ พวกเขารู้ดีว่าใครคือคนที่ช่วยเหลือพวกเขาไว้จากคนเหล่านี้!
กู่ฉางเกอสามารถนำพาพวกเขาไปสวรรค์ได้ และการตบพวกนี้ลงนรกก็สามารถทำได้ง่ายๆเช่นกัน!
“เจ้าต้องแสดงความจริงใจถ้าอยากพบคุณชายกู่!ไม่ใช่แค่คำพูดประจบ!”
พอพูดจบ ประมุขไท่เสวียนก็แค่นเสียงและเปลี่ยนเป็นรังสีแสง หายไปในส่วนลึกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน เหนือสิ่งอื่นใด พวกคนใหญ่คนโตได้มาถึงแล้ว เรื่องเร่งด่วนสุดตอนนี้คือไปถามว่าคุณชายกู่เต็มใจพบคนเหล่านี้ไหม
นี่คือวิธีการของมัน ท้ายที่สุดแล้ว จิ้งจอกจะสามารถใช้ประโยชน์จากพลังของเสือได้ก็ต่อเมื่อตัวเสือเต็มใจ
มันเพื่อจุดประสงค์นั้นที่ทำให้ประมุขไท่เสวียนรีบไปหาตำหนักของกู่ฉางเกอ การรายงานของเขาทำให้กู่ฉางเกอแปลกใจ ไม่คิดว่าตาแก่นี่จะทำท่าใหญ่โตต่อหน้าคนเหล่านั้นโดยอ้างชื่อเขา
แต่ทว่า กู่ฉางเกอขี้เกียจเกินกว่าจะมาจัดการเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ เขาปล่อยให้ประมุขไท่เสวียนทำตามใจชอบแทน แททนที่จะไปยุ่งเรื่องโลกภายนอก เขาสนใจที่จะเล่นเกมในมือมากกว่า
หวังว่าซูชิงเกอจะไม่ทำให้เขาผิดหวัง
...
“บัดซบ ซูไท่เสวียนมันจะอวดดีเกินไปแล้ว!ข้าอยากฉีกรอยยิ้มเหยียดบนหน้ามันซะจริง..”
“เขาก็แค่โชคดี!มีอะไรให้อวด?”
หลายคนสะกดกลั้นความโกรธไว้ที่ด้านนอกดินแดนไท่เสวียน แต่ในใจ พวกเขาเต็มไปด้วยความอิจฉา แต่ก็ยังไม่มีใครกล้าบุกเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนอีก ทุกคนสามารถบอกได้ว่าเหตุผลที่ทำให้คนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนเหิมเกริมถึงเพียงนี้เพราะพวกเขาเกาะต้นขานายน้อยลึกลับอยู๋
มันพอจะยับยั้งพวกเขาและแสดงให้เห็นว่าคนที่หนุนหลังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนไม่ใช่คนธรรมดา
ถ้าพวกเขาเผลอไปยุ่งกับสัตว์ร้ายตัวนี้เข้า พวกเขาจะไม่นำหายนะมาสู่พวกตัวเองเหรอ?
แน่นอน ส่วนใหญ่มีความอยากรู้เกี่ยวกับตัวตนของนายน้อยลึกลับ โดยเฉพาะทายาทของพวกเขาที่ติดตามผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์กับราชวงศ์ตัวเองมาด้วย
ท่ามกลางพวกเขา มีชายหนุ่มและหญิงสาวหลายคนที่ห่อหุ้มด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์
ในวันปกติ คนหนุ่มเหล่านี้จะภาคภูมิใจในตัวเองในฐานะผู้นำของคนรุ่นเยาว์แห่งแดนบูรพา แต่วันนี้ พวกเขากลับตกใจจากสิ่งที่เห็น
แค่ชายหนุ่มลึกลับคนเดียวกลับรั้งขุมอำนาจใหญ่มากมายของแดนบูรพาได้โดยไม่ต้องแสดงตัว
.“ทั้งหมดนี้จะน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!หรือคุณชายผู้นั้นจะเป็นตัวตนจากแคว้นกลาง?”
ชายหนุ่มผมทองอดถามไม่ได้ เขาคือบุตรศักดิ์สิทธิ์ของดินแดนหยางสวี่ ผู้ติดตามผู้อาวุโสตัวเองมาศึกนี้ด้วยเพื่อหาประสบการณ์
เขาไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นฉากน่าสมเพชแบบนี้ เขาอดเผลอคิดไม่ได้ว่านายน้อยผู้นั้นเป็นคนจากแคว้นกลาง
เหนือสิ่งอื่นใด ไม่เหมือนชนบทอย่างแดนบูรพาของพวกเขา สถานที่อย่างแคว้นกลางเลื่องลือว่ามีคนโดดเด่นมากมาย พวกเขายังมีพลังที่เชื่อมต่อกับอาณาจักรเบื้องบนในตำนาน บรรพบุรุษของพวกเขาเคยทำลายอุปสรรคและทะยานขึ้นสวรรค์ เบื้องหลังพวกเขาทรงพลังเกินจินตนาการ
“ข้าไม่คิดว่ามันง่ายขนาดนั้น แม้พลังในแคว้นกลางจะสูง พวกเขาก็ไม่พอจะทำให้ดินแดนไท่เสวียนหยิ่งขนาดนี้!”
“เรื่องวันนี้ไม่เป็นอย่างที่เราหวังเลย.”
ผู้อาวุโสสูงสุดหยางสวี่ จ้าวเทียนอดเผยรอยยิ้มอึดอัดไม่ได้ แม้เขาจะเป็นเซียนที่โบยบินบนฟ้าได้ แต่ตอนนี้เขากลับไม่กล้าเข้าใกล้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน เขาทำได้แค่รอที่ด้านนอกประตูด้วยความเคารพ เหมือนคนอื่น
...
[ตำหนักอีกแห่งในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน]
การไปของกู่ฉางเกอทำให้ซูชิงเกอตกตะลึงไปพักใหญ่ จากนั้นนางถึงกลับไปตำหนักที่นางอยู่และบ่มเพาะ
นางฟุ้งซ่าน!
นางอดคิดย้อนกลับไปไม่ได้ว่านางไปทำให้กู่ฉางเกอไม่พอใจตรงไหน มากจนถึงขั้นที่เขาจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
แต่หลังขบคิดจนสมองแทบไหม้ นางก็ไม่รู้ว่าทำผิดตรงไหน สุดท้าย นางก็ทำได้แค่ถอนหายใจและยอมรับว่ามันคือสิ่งที่กู่ฉางเกอจะทำอยู่แล้ว เหนือสิ่งอื่นใด เขาเป็นคนมากความคิด ไม่มีใครบอกได้ว่าเขามีความคิดใดในหัว
สำหรับขุมอำนาจใหญ่ของแดนบูรพาที่ผนึกกำลังกันมาโจมตีดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน?ซูชิงเกอไม่สนใจเรื่องนั้นแล้ว
นางรู้ถึงต้นกำเนิดของกู่ฉางเกอ และเข้าใจกว่าใครว่าภูมิหลังเขาน่ากลัวเพียงใด ตราบเท่าที่ขุมอำนาจที่ประตูพวกนางไม่โง่ พวกเขาจะไม่มีวันโจมตีดินแดนไท่เสวียนขณะที่กู่ฉางเกอยังอยู่
พวกเขาจะไม่กล้าทำอะไรอีกในอนาคตด้วยเช่นกัน
“นั่นใคร?!”
ทันใดนั้น สีหน้าของซูชิงเกอก็เปลี่ยนไปพอสัมผัสได้ว่ามีคนแถวนี้ ไม่ว่ายังไง นางก็ยังเป็นท่านหญิงศักดิ์สิทธิ์แห่งดินแดนไท่เสวียนที่บ่มเพาะโดยใช้ทรัพยากรที่ดีสุดตั้งแต่ยังเด็ก มันไม่ยากที่นางจะพบว่ามีความผันผวนอ่อนๆ ในบรรยากาศรอบตัวนาง
ในเวลาเดียวกัน คนที่ซ่อนตัวในความมืดก็เดินออกมา
“ชิงเกอ..”
คนตรงหน้าซูชิงเกอมีเค้าโครงหล่อเหลา แต่ตอนนี้ เขาดูหน้าสมเพชมา ใบหน้าขาวซีด ดวงตาแดงก่ำ และผมเผ้ายุ่งเหยิง
แค่มองก็บอกได้ว่าเขาต้องทนทุกข์มากแค่ไหน
อารมณ์ของเขาปั่นป่วน ในที่สุดเขาก็ได้เจอคนที่เขาเฝ้าเป็นห่วงมาหลายวัน
“เย่เฉิน..”
ซูชิงเกอขมวดคิ้ว
นับตั้งแต่เขาโดนขัง ซูชิงเกอก็ไม่ได้ถามถึงสภาพเขาเลย ไม่แม้แต่จะไปเยี่ยม เหมือนกับทุกคน เหนือสิ่งอื่นใด นางต้องทำให้กู่ฉางเกอแน่ใจว่านางจะไม่ไปยุ่งกับเย่เฉินอีก ดังนั้นนางจึงแสดงออกชัดว่าจะไม่ขอข้องเกี่ยวกับเขาอีกต่อไป
นางมีหลักการและมโนธรรมของตน!