599 - ความลับของแท่นบูชาห้าสี
599 - ความลับของแท่นบูชาห้าสี
“ผู้อาวุโสไม่ทราบว่าเหตุไฉนท่านจึงคอยขัดขวางข้าอยู่ตลอดเวลา” เย่ฟ่านถอนหายใจมองขึ้นไปบนท้องฟ้า นี่คือจุดจบที่สิ้นหวังซึ่งเขาไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้น
“ตึก”
ชายผมขาวก้าวไปข้างหน้า สวรรค์และปฐพีกำลังจะพังทลาย นี่คือกลิ่นอายของผู้แข็งแกร่งระดับราชันย์ศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่ต้องสงสัย!
ร่างกายของเย่ฟ่านเกิดรอยแตกราวกับเครื่องเคลือบที่สวยงาม ตกกระทบพื้น เนื้อหนังของเขาย่อยสลายกลายเป็นฝุ่นผงเหลือเพียงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่หม่นหมองพร้อมจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ
ความแข็งแกร่งที่ชายผมขาวแสดงออกมาทำให้เย่ฟ่านรู้สึกสิ้นหวังอย่างถึงที่สุด เขาค่อนข้างมั่นใจว่าชายคนนี้คือปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์หยกพลิกสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ในอดีต!
"มันจบแล้ว!"
แม้ว่าร่างเซียนจะฝึกฝนจนถึงขั้นประสบผลสำเร็จเล็กน้อย แต่ความแข็งแกร่งของเย่ฟ่านยังคงห่างไกลจากชายผมขาวราวกับสวรรค์และปฐพี
"ติง"
มีเสียงที่คมชัดดังขึ้น ชายผมขาวผู้สง่างามคว้าหยกโบราณทั้งสามชิ้นที่อยู่ในกองขี้เถ้าที่เกิดจากร่างกายพังทลายของของเย่ฟ่าน ดวงตาของเขายังคงเหมือนปลาตายที่ไม่มีสีสันใดๆทั้งสิ้น
เย่ฟานเตรียมจะทำลายทะเลแห่งความทุกข์ของตัวเอง แต่ทันใดนั้นชายผมขาวก็ยื่นมือเข้าหาวิญญาณของเขาทำให้เขาไม่สามารถขยับตัวได้
“ติง”
ด้วยเสียงที่แผ่วเบา หยกโบราณอีกชิ้นถูกเพิ่มเข้าไปในมือของชายผมขาว ซึ่งสามารถใช้ร่วมกับหยกอีกสามชิ้นได้อย่างกลมกลืน
ทันใดนั้นดวงตาของชายผมขาวก็เปล่งประกายสดใสขึ้นมาเล็กน้อยราวกับว่าเขาฟื้นคืนสติเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่
หัวใจของเย่ฟานเต้นแรง นี่คือชิ้นส่วนหยกโบราณของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ปราศจากจุดเริ่มต้นอย่างไม่ต้องสงสัยและมันมีทั้งหมดเก้าชิ้น
เขาไม่ได้คาดหวังว่าชายผมขาวจะมีหยกโบราณเช่นกัน และตอนนี้เขาครอบครองมันถึงสี่ชิ้น!
ใบหน้าที่เย็นชาของชายผมขาวหันกลับมามองเย่ฟ่านอย่างช้าๆก่อนที่รอยยิ้มอันแห้งแล้งจะปรากฏขึ้น จากนั้นเขาก็โยนหยกชิ้นนั้นลงบนพื้นและกระโดดลงไปในหุบเหวลึกโดยไม่สนใจเย่ฟ่านอีกเลย
ผลลัพธ์นี้เกินความคาดหมายของเย่ฟ่าน แต่เขาไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้อีกต่อไป
เย่ฟ่านควบคุมวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาให้หอบเอาร่างกายส่วนที่ยังไม่เป็นขี้เถ้ากระโดดลงไปในบ่อน้ำพุโดยปราศจากความลังเล
ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน เย่ฟานตื่นขึ้นมาและแช่ตัวในบ่อน้ำพุแห่งชีวิต ในที่สุดการกัดเซาะของกาลเวลาก็ถูกปิดกั้นอย่างสมบูรณ์
กลิ่นหอมจางๆล้อมรอบร่างกายของเย่ฟ่าน น้ำพุนั้นใสและหอมหวานมาก เย่ฟ่านไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย เขารีบดื่มกินน้ำพุเพื่อฟื้นฟูร่างกายอย่างต่อเนื่อง
พลังงานของเขาค่อยๆฟื้นตัวกลับมาและในที่สุดเขาก็พาตัวเองออกจากประตูมรณะได้สำเร็จ
รอบๆสระสี่เหลี่ยมนี้มีต้นไม้เล็กๆสิบสามต้น พวกมันมีใบที่เขียวชอุ่มงดงามและต้นของพวกมันก็มีขนาดไม่ถึงครึ่งจ้างด้วยซ้ำ
ต้นไม้พวกนี้ไม่มีผลไม้แม้แต่ชิ้นเดียว
ในอดีตเย่ฟ่านและผังป๋อหยิบพวกมันไปจนหมดแล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่ไม่มีผลไม้เหลืออยู่
เหตุผลที่เย่ฟ่านเลือกภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกนี้เป็นสถานที่แรกก็เพราะการดำรงอยู่ของซากศพมังกรเก้าตัวและบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้
เมื่อมองลงมา หินก้อนเล็กๆหลากสีสันดูดซับน้ำพุศักดิ์สิทธิ์อย่างต่อเนื่อง และความสดใสเจ็ดสีของมันก็เปล่งประกายออกมาอย่างไม่สิ้นสุด
เมล็ดพันธุ์กิเลนศักดิ์สิทธิ์ก็เหมือนจะได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์เช่นกัน แม้ว่าร่างกายของมันจะยังเหี่ยวแห้งแต่มันก็เริ่มเปล่งประกายความศักดิ์สิทธิ์ออกมาเล็กน้อย
เย่ฟานรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ไม่แปลกใจเลยที่ผู้คนกล่าวว่ามีเพียงน้ำพุศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่สามารถหล่อเลี้ยงยาศักดิ์สิทธิ์อมตะให้เติบใหญ่ได้
เขานอนนิ่งอยู่ในบ่อน้ำพุแห่งชีวิตตลอดทั้งคืนก่อนจะสัมผัสได้ว่าอาการบาดเจ็บจากเต๋าผู้ยิ่งใหญ่ดูเหมือนจะฟื้นฟูกลับมาเล็กน้อย!
“การคาดเดาของราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ผู้เฒ่าดูเหมือนจะเป็นความจริง!”
ดินแดนแห่งนี้ยังคงรักษาความสมบูรณ์แบบของเต๋าผู้ยิ่งใหญ่ในยุคเซียนโบราณ กฎสวรรค์และปฐพีของที่นี่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปและมันยังคงดำรงความสมบูรณ์แห่งพลังชีวิตซึ่งแตกต่างจากสภาพแวดล้อมปัจจุบัน
“หากข้าสามารถฝึกฝนในที่แห่งนี้ได้ ข้าจะสามารถซ่อมแซมรอยแผลของเต๋าสุดขั้วได้!”
ถ้าเขามีโอกาสได้บ่มเพาะในสถานที่แห่งนี้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่ากฎแห่งสวรรค์และปฐพีจะเปลี่ยนไป เย่ฟ่านก็มั่นใจว่าเขาจะสามารถฝึกฝนจนถึงระดับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของร่างเซียนได้แน่นอน!
เย่ฟ่านนอนอยู่ในบ่อน้ำพุแห่งชีวิต และแก่นแท้แห่งชีวิตที่แห้งแล้งค่อยๆฟื้นคืนชีพขึ้นมาทีละน้อย แต่เขากลับไม่พอใจ เขาต้องการทำให้มันแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็วที่สุด
เนื่องจากที่นี่คือดินแดนต้องห้ามรกร้างโบราณ เขาไม่มั่นใจว่าสิ่งที่อยู่ภายใต้หุบเหวจะปรากฏขึ้นเมื่อไหร่!
ในเวลานี้เมล็ดพันธุ์กิเลนอยู่บนฝั่งน้ำพุศักดิ์สิทธ์ ดูเหมือนว่ามันจะดูดซับพลังชีวิตที่อยู่ในน้ำพุจนเพียงพอแล้ว เย่ฟ่านรู้สึกว่าเขาเป็นหนี้เด็กน้อยตัวนี้อย่างแท้จริง หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากมันเขาคงตายไปตั้งแต่แรกแล้ว
แม้ว่ารอยแผลเป็นจากเต๋าสุดขั้วบนร่างกายจะยังไม่มีทีท่าว่าจะหายดี แต่เมื่อร่างกายของเขาฟื้นฟูกลับมาอยู่ในจุดสูงสุด ผลกระทบที่มันสร้างขึ้นก็ดูเหมือนจะถูกยืดระยะออกไปชั่วคราว
เย่ฟ่านเริ่มมองหาเส้นทางที่จะไปเอายาศักดิ์สิทธิ์อมตะ เก้าภูเขาศักดิ์สิทธ์มียาศักดิ์สิทธิ์อมตะเก้าชนิด ในอดีตเขาเก็บผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ไปสองชนิดแล้ว เขาจึงเริ่มมองหายอดเขาอีกเจ็ดแห่งที่เหลือ
หลังจากที่เย่ฟานพักผ่อนจนพอใจ เขาก็ถือเมล็ดพันธุ์กิเลนศักดิ์สิทธิ์และหินก้อนเล็กๆวิ่งไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง
เพียงเข้าใกล้ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ข้างหน้า เขาก็ได้กลิ่นที่ซึมลึกเข้าไปในหัวใจทำให้เขาเร่งฝีเท้าขึ้นอีกครั้ง
นี่คือภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่มีความสูงมากที่สุดในภูเขาทั้งเก้า มันมีลักษณะคล้ายกับเสาที่ค้ำยันสวรรค์ไม่ให้ตกลงมา มีดอกไม้และวัชพืชแปลกๆมากมายในบริเวณโดยรอบ
พลังชีวิตของที่นี่ข้างๆดมสมบูรณ์แตกต่างจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองลูกที่เย่ฟ่านเคยผ่านเข้าไป
ในบริเวณตอนกลางของยอดเขาที่ราบเรียบมีสระน้ำพุสี่เหลี่ยมมีความกว้างประมาณสองวา แสงศักดิ์สิทธิ์ที่พรั่งพรูออกมางดงามราวกับบ่อน้ำแห่งสรวงสวรรค์
ข้างสระน้ำพุมีต้นไม้เล็กๆที่มีความสูงประมาณครึ่งวา ลำต้นของมันมีสีแดงเหมือนไฟและมีกิ่งก้านที่เหมือนกับแขนขาของมนุษย์
มันดูไม่เหมือนยาศักดิ์สิทธิ์แต่ดูเหมือนซากศพของมนุษย์โบราณมากกว่า
กลิ่นยาของมันค่อนข้างหอมและต้นไม้เล็กๆนี้มีจำนวนทั้งหมดสามต้น แต่ละต้นจะออกผลสีชมพูสวยงาม แม้จะอยู่ค่อนข้างห่างไกล แต่เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น
เย่ฟานตะลึง ผลไม้ทั้งสามมีรูปร่างเหมือนตุ๊กตาตัวเล็กๆ ทุกลูกมีขนาดเท่ากำปั้น และไม่ใช่ผลไม้ที่เขารู้จัก
“มันคือโสมมนุษย์หรือไม่?!”
ต้นไม้เล็กสามต้นไม่ขยับ แต่ผลสีชมพูของมันแกว่งไกวไปมาคล้ายกับต้องการจะหลบหนีออกจากการพันธนาการของต้นแม่
เย่ฟานแปลกใจมาก แต่เขาไม่มีเวลาให้เสียเปล่า เขารีบวิ่งไปเก็บผลไม้พวกนั้นพร้อมกับตักน้ำพุในบ่อใส่ภาชนะที่เขาเตรียมไว้อย่างรวดเร็ว
“ฮั่วลา”
ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์สีแดงสั่นไหวเล็กน้อยแม้ว่าจะไม่มีลมพัดเข้ามาเลยก็ตาม
เมื่อเห็นดังนั้นเย่ฟ่านก็หยุดที่จะเก็บน้ำพุในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เขาถอยห่างออกมาจากต้นไม้เพราะกลัวว่ามันอาจจะไม่พอใจที่เขาเก็บเอาผลของมันไป
ในเวลานี้ดวงอาทิตย์กำลังจะตกดิน เย่ฟานรู้สึกว่าหุบเหวนรกจะทวีความน่ากลัวขึ้นในช่วงเวลากลางคืน เขาจึงรีบกลับไปพักผ่อนในโลงศพทองแดงอย่างไม่ลังเล
“นั่นมัน...
ในขณะที่วิ่งผ่านหุบเหวเย่ฟ่านก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก ในเหวลึกเขาเห็นแท่นบูชาแตกหักแขวนอยู่ในอากาศ
ตอนนี้เย่ฟ่านสามารถฝึกฝนดวงตาของตัวเองจนมีความแข็งแกร่งใกล้เคียงกับดวงตาสวรรค์ แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมองเห็นก้นเหวที่ดำมืด
โชคดีที่แท่นบูชานี้ลอยอยู่กลางอากาศลึกลงไปในเหวไม่กี่จ้างทำให้เขาสามารถมองเห็นอย่างชัดเจน
“เป็นเช่นนั้นเอง...”
ในที่สุดเขาก็รู้ว่าเหตุใดมังกรเก้าตัวลากโลงศพทองแดงจึงตกลงมาที่นี่
มังกรเก้าตัวลากโลงศพเคลื่อนที่ผ่านทะเลแห่งดวงดาวอันกว้างใหญ่ มันไม่มีจุดเริ่มต้นและไม่มีจุดหมายปลายทาง มันเพียงจอดแวะที่นี่เหมือนเช่นสถานีรถไฟเท่านั้น...”