597 - กลับเข้าไปในโลงศพทองแดงอีกครั้ง
597 - กลับเข้าไปในโลงศพทองแดงอีกครั้ง
ในเขตหวงห้ามแห่งชีวิตนี้ เย่ฟานกลายเป็นมนุษย์ธรรมดาที่ไม่สามารถบินบนฟ้าและทำได้เพียงเดินอยู่บนพื้นดิน
อย่างไรก็ตามกงล้อแห่งทะเลของเขาไม่ได้แห้งเหือดเหมือนคนอื่นๆ ตำหนักเต๋าอันมืดมิดของเขาเพียงถูกผนึกไว้เท่านั้น
ร่างเซียนโบราณนั้นทรงพลังอย่างยิ่ง ปราณโลหิตสีทองยังคงเดือดพล่านและสามารถพุ่งออกจากร่างกายได้ตลอดเวลา นี่คือไพ่ตายของเย่ฟาน
เย่ฟ่านก้าวไปข้างหน้าอย่างยากลำบาก แม้จะเดินไปกว่าครึ่งวันสุดท้ายเขาก็ไปไกลได้เพียงสิบลี้เท่านั้น เขาสังเกตเห็นความผิดปกติ ชุดหินของเขาไม่สามารถต้านทานอำนาจแห่งกาลเวลาได้
"แย่แล้ว!"
หัวใจของเย่ฟานเต้นระรัวด้วยความกลัวและใบหน้าของเขาเปลี่ยนสี นี่เป็นเพียงช่วงเริ่มต้นของการเดินทางเท่านั้นแต่ร่างกายของเขาก็เริ่มแก่ชราลงแล้ว
"ฉี"
เย่ฟ่านปลดปล่อยเครื่องหมายนับพันนับหมื่นที่สลักอยู่ในชุดหินออกมาปกคลุมร่างกายของตัวเองไว้ ในขณะเดียวกันชุดสมบัติคลุมนภาก็ถูกนำออกมาปกป้องร่างกายอีกชั้นหนึ่ง
ตอนนี้สภาพของเขาได้รับผลกระทบแล้ว เขาจะต้องทำภารกิจให้เสร็จสิ้นภายในครึ่งวันไม่อย่างนั้นกระดูกของเขาจะถูกฝังอยู่ที่นี่ตลอดไป
ในเขตหวงห้าม ต้นไม้โบราณเปรียบเหมือนภูเขาสูงตระหง่านอยู่บนท้องฟ้า กิ่งก้านของต้นไม้เหมือนต้นตาลยักษ์แต่มีขนาดใหญ่เท่าสันเขา
ระหว่างทางเย่ฟ่านเห็นยาจิตวิญญาณนับไม่ถ้วน พวกมันล้วนมีระดับที่ไม่ธรรมดา แต่เขาไม่มีเวลาเลือกพวกมัน ทุกเสี้ยวลมหายใจนั้นเขาจะแก่ชราขึ้นเป็นปี เขามีเวลาเหลืออยู่ไม่มากแล้ว
ในตอนนี้ชุดสมบัติคลุมนภาสีสันเริ่มหม่นหมองอักขระเต๋าที่สลักอยู่บนชุดเกราะถูกทำลายมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่านี่จะเป็นสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเซียนแต่สุดท้ายมันก็ไม่สามารถต้านทานพลังแห่งกาลเวลาได้!
“บูม!”
ลวดลายอักขระในชุดหินเริ่มแตกออกในขณะที่เปลือกหินซึ่งเป็นวัสดุที่นำมาทำเสื้อก็หลุดลุ่ยออกจากกัน
“คัมภีร์เต๋า!”
เย่ฟ่านส่งเสียงคำรามและอักขระโบราณเก้าตัวก็ปรากฏบนชุดหิน อักขระเหล่านี้มีอำนาจในการปัดเป่าภัยคุกคามจากด้านนอกนั้นเป็นผลให้พลังแห่งกาลเวลาอ่อนกำลังลงชั่วคราว
แต่อย่างไรก็ตามมีอักขระโบราณเพียงเก้าตัวเท่านั้น แม้ว่าเขาสามารถแกะสลักมันได้ แต่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความหมายที่แท้จริงของมันคืออะไร เรื่องการรู้แจ้งยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ขณะที่เขาเดินทางต่อไปอีกหกสิบลี้ ตัวอักษรโบราณเก้าตัวค่อยๆจางหายและกำลังจะถูกกำจัดออกไปอย่างสมบูรณ์
“ข้าเพิ่งเดินมาได้เพียงหกสิบลี้ ความลำบากวันนี้เมื่อเทียบกับครั้งที่แล้วมันห่างไกลยิ่งกว่าสวรรค์และปฐพี!”
หัวใจของเย่ฟานเต้นแรง หากเป็นเช่นนี้ต่อไปความตายของเขาจะเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
เขากัดฟันและพุ่งข้ามยอดเขา เมื่อถึงลี้ที่เจ็ดสิบเขาก็แก่ชราอย่างสมบูรณ์ ในเวลานี้ตัวอักษรที่อยู่บนชุดหินของเขาถูกทำลายไปแล้ว ในขณะที่ชุดสมบัติคลุมนภาก็เหลือพลังศักดิ์สิทธิ์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เย่ฟ่านไม่ได้ตื่นตระหนก เขานำเมล็ดพันธุ์กิเลนม่วงออกมาและถือไว้ในมือ ในขณะที่ดูดซับพลังปราณของมัน เขาวิ่งอย่างดุเดือดและฟื้นฟูพลังชีวิตจากยาศักดิ์สิทธิ์เป็นครั้งสุดท้าย
การเดินทางครั้งนี้เต็มไปด้วยความยากลำบาก ยาศักดิ์สิทธิ์สามารถประคองชีวิตของเขาไว้ได้ก็จริง แต่ร่างกายของเขายังคงแก่ชราและบาดแผลของเต๋าก็ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ในที่สุดเย่ฟ่านก็เดินทางได้ไกลกว่าร้อยลี้และมองเห็นเก้าภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ตรงหน้า แต่ตอนนี้วิญญาณของเย่ฟ่านหม่นหมองจนไร้ประกายในขณะที่ร่างกายของเขาก็แก่ชรราวกับผู้เฒ่าอายุ 100 ปี
เขากัดฟันพยายาวิ่งไปจนถึงเชิงเขา ก่อนที่พลังชีวิตของเขาจะหมดลงอย่างสมบูรณ์ ในขณะที่เย่ฟ่านล้มลง เขามองเห็นรองเท้าสีขาวของใครบางคนมายืนอยู่ด้านข้าง!
เย่ฟ่านที่นอนอยู่บนพื้นเหลือบมองขึ้นไปก่อนจะเห็นใบหน้าของชายวัยกลางคนผู้หนึ่งซึ่งกำลังมองเขาอย่างเย็นชา
เก้าเทือกเขาศักดิ์สิทธิ์มีความสง่างามสูงตระหง่านด้วยไม้โบราณและหินแปลกๆ พวกมันไม่สูงนักแต่ความงดงามของพวกมันนั้นแม้จะอยู่ในระยะไกลก็ยังมองเห็นได้อย่างชัดเจน
เมื่อเย่ฟานมาถึงเชิงเขา ร่างกายของเขาก็แห้งเหี่ยวจนเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก เมื่อสบตากับใบหน้าอันเย็นชานั้นความหนาวเย็นก็แล่นเข้าปกคลุมทั่วทั้งร่างกายของเขาทันที
บนภูเขายังมีผู้คนอีกมากมายที่กำลังมองเขาด้วยความสงบ บางคนมีเส้นผมขาวซีดราวกับหิมะ บางคนก็เป็นเพียงคนหนุ่มสาวในวัยยี่สิบปี
เมื่อลมภูเขาอันหนาวเย็นพัดมาคนกลุ่มนี้ก็เดินเข้าหาเย่ฟ่านด้วยใบหน้าเย็นชาอย่างถึงที่สุด
หัวใจของเย่ฟ่านสั่นไหวด้วยความกลัว เขารู้ว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นทาสรกร้างซึ่งคอยทำหน้าที่ปกป้องภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้
ในทันใดนั้นหญิงสาวผู้งดงามคนหนึ่งก็ล่องลอยลงมาจากท้องฟ้า เมื่อนางมองเห็นเย่ฟ่านที่นอนอยู่บนพื้น มุมปากของนางก็เผยรอยยิ้มเล็กๆทำให้แผ่นหลังของเย่ฟ่านเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“สตรีศักดิ์สิทธิ์หยกพลิกสวรรค์!”
เย่ฟ่านหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ครั้งสุดท้ายที่เขาเจอผู้หญิงคนนี้ เขาเกือบถูกฆ่าตาย นี่คือหญิงงามอันดับหนึ่งของดินแดนรกร้างตะวันออกเมื่อหกพันปีที่แล้ว จากท่าทางที่นางแสดงออกมาเห็นได้ชัดว่านางจำเขาได้
เงาร่างทั้งห้ายืนเคียงข้างกัน แต่ละคนมีกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดา ผู้ที่ไม่มีพรสวรรค์อย่าคิดฝันว่าจะมีโอกาสได้เป็นทาสรกร้าง
และผู้คนที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาล้วนเป็นบุคคลสำคัญของดินแดนศักดิ์สิทธิ์หยกพลิกสวรรค์ในอดีต
“สวรรค์ต้องการพิฆาตข้าหรือ?”เย่ฟ่านถอนหายใจ
เขาพยายามอย่างเต็มที่และในที่สุดก็เข้าใกล้ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว แต่สุดท้ายกลับมีทาสรกร้างออกมาขวางหน้าเขาอีกครั้ง ดูเหมือนว่าสวรรค์จะต้องการให้เขาตายจริงๆ!
ในตำนานเล่าว่าเป็นเรื่องยากที่ทาสรกร้างจะปรากฏตัวขึ้น บางครั้งต่อให้ปีนเขานับร้อยรอบก็ไม่มีทางเจอพวกมันแม้แต่ตัวเดียว
เย่ฟ่านสาปแช่งต่อโชคชะตาของตัวเอง เขาเข้ามาในดินแดนต้องห้ามรกร้างโบราณสามครั้งและได้พบกับทาสรกร้างที่ไม่มีใครเทียบได้สองครั้ง นี่เป็นโชคชะตาเช่นไร?
ในขณะนี้ร่างกายของเขาแก่ชราจนไม่สามารถขยับตัวได้ ต่อให้ชุดหินและชุดศักดิ์สิทธิ์คลุมนภายังสามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่มันก็ไม่มีทางที่เขาจะขึ้นไปยังยอดเขาได้อีกแล้ว
เมล็ดพันธุ์กิเลนม่วงก็เหี่ยวเฉาไปแล้วเช่นกัน เย่ฟานได้ดึงเอา พลังปราณชีวิตของมันออกมาจนหมดสิ้น แต่สุดท้ายมันก็ไม่เพียงพอที่จะประคับประคองร่างกายของเขา
“ชัวะ”
เท้าของทาสรกร้างไม่แตะพื้น พวกเขาลอยลงมาจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์เหมือนวิญญาณร้ายและตรงเข้าหาเย่ฟ่าน ร่างกายทั้งหมดของพวกเขาตั้งตรงไร้พลังชีวิตโดยสิ้นเชิง
ผู้ที่เดินเข้าหาเย่ฟ่านคือชายวัยกลางคนที่มีผมสีขาวราวกับหิมะ?
ในช่วงเวลาวิกฤตินี้ พลังปราณโลหิตสีทองของร่างเซียนก็เริ่มเดือดพล่านอย่างรุนแรง แม้ว่าร่างกายของเย่ฟ่านจะแก่ชรา แต่มันก็ยังมีศักยภาพไม่รู้จบและตอนนี้มันปะทุขึ้นมาเป็นครั้งสุดท้าย!
เย่ฟานกระโดดขึ้นมาจากพื้นก่อนจะรีบวิ่งไปที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์อีกแห่ง เขาไม่ได้เลือกที่จะจากไป เนื่องจากสภาพปัจจุบันของเขา มันมีโอกาสสูงที่เขาจะกลายเป็นเถ้าถ่านก่อนจะออกจากดินแดนแห่งนี้ได้
ทาสรกร้างเหล่านั้นดูเหมือนจะลงมือขัดขวางเย่ฟ่านในตอนแรก แต่สุดท้ายพวกเขาก็หยุดชะงักและมองดูกงล้อแห่งทะเลของเขาด้วยความสนใจแทน
ชายผมขาวก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและแน่วแน่ ทุกย่างก้าวของเขาจะทำให้ภูเขาและแผ่นดินแตกออกจากกันจนมีลักษณะคล้ายกับใยแมงมุม
เย่ฟานพบว่าชุดสมบัติปกคลุมนภาของเขาเริ่มแตกออกจากกัน ในขณะที่เสื้อหินของเขาถูกทำลายอย่างสมบูรณ์แล้ว
ชายวัยกลางคนผู้นี้สง่างามและน่าเกรงขาม การเคลื่อนไหวง่ายๆของเขาเพียงพอที่จะสั่นสะเทือนทั้งสวรรค์และปฐพี เขาเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างใจเย็นในขณะที่มือขาวซีดของเขายืนเขาหาเย่ฟ่านอย่างรวดเร็ว
“มาเถอะไอ้สาระเลว!”
เย่ฟานตะโกนด้วยความโกรธ ปราณโลหิตสีทองของเขาพุ่งออกไปปะทะกับมืออันขาวซีดของฝ่ายตรงข้าม
ปัง!
เย่ฟ่านถูกกระแทกจนกลับหัวกลับหาง เขาบินขึ้นไปบนยอดเขาโดยอาศัยแรงปะทะที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้!
ในเวลาเดียวกันรูปลักษณ์ของเขาก็ดูเคร่งขรึม เย่ฟ่านกำลังท่องข้อความบางอย่างที่เขาได้รับมาจากโลงศพทองแดง
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าข้อความเหล่านี้มีความหมายว่าอย่างไร แต่เขารู้ดีว่ามันมีผลคุกคามต่อทาสรกร้างอย่างแน่นอน
เขาอาศัยพลังเฮือกสุดท้ายวิ่งขึ้นไปบนภูเขา ไม่ว่าชายผมขาวจะตามมาหรือไม่หากเขาไปไม่ถึงโลงศพโบราณสุดท้ายชีวิตของเขาก็จะจบสิ้นอยู่ดี
ในป่าไม้โบราณครึ่งทางของยอดเขา โลงศพโบราณขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ที่นั่น เย่ฟานไม่รอช้าเขาตะเกียกตะกายเข้าหามันด้วยพลังทั้งหมดที่เขามี
“ข้ากำลังจะตาย ไม่ ข้าต้องไม่ตาย”
เย่ฟ่านถือเมล็ดพันธุ์กิเลนศักดิ์สิทธิ์ไว้ในอ้อมแขนและดูดกลืนพลังชีวิตทั้งหมดที่อยู่ภายในเพื่อกระตุ้นสติครั้งสุดท้าย
ในที่สุดหลังจากผ่านไปกว่าห้าปีเย่ฟ่านก็มีโอกาสได้กลับเข้ามาในโลงศพโบราณอีกครั้ง ก่อนที่ดวงตาของเขาจะค่อยดำมืดลง