596 - ข่าวจากแดนไกล
596 - ข่าวจากแดนไกล
ภาคเหนืออุดมไปด้วยทรัพยากรล้ำค่าและมีสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวคอยเฝ้าพวกมันไว้
สถานที่แห่งนั้นเป็นที่ที่เต็มไปด้วยโอกาสที่พร้อมจะผลักดันผู้คนขึ้นสู่สวรรค์ ในขณะเดียวกันพลังแห่งความตายก็พร้อมที่จะดึงพวกเขาเข้าสู่นรกได้ทุกเมื่อ
เหมืองโบราณต้นกำเนิดดำรงอยู่มาทุกยุคทุกสมัย ว่ากันว่ามันคือดินแดนต้องห้ามแห่งชีวิตที่น่ากลัวที่สุด น่ากลัวยิ่งกว่าดินแดนต้องห้ามแห่งชีวิตทั้งหกแห่งรวมกันด้วยซ้ำ
ในอดีตผู้คนที่สามารถเข้าสู่เหมืองโบราณและรอดชีวิตกลับมาได้ก็มีเพียงจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่นิรันดร์กาลแห่งตระกูลเจียงเท่านั้น
หนึ่งเดือนหลังจากเย่ฟานจากไป มีข่าวที่น่าตกใจจากภาคเหนือ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายได้สำรวจวิหารโบราณที่อยู่ในเขตต้องห้ามแห่งชีวิตของเหมืองโบราณต้นกำเนิด
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เกิดเลือดไหลนองทั่วแผ่นดิน ผู้ที่เข้าไปด้านในไม่มีแม้แต่คนเดียวที่สามารถรอดชีวิตกลับมา
โลกทั้งโลกตกตะลึงและไม่มีใครคิดว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะกล้าเข้าไปในเขตต้องห้ามแห่งชีวิตเพื่อทำการต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตอมตะที่อยู่ภายใน
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดร่วมมือกันอย่างเข้มข้น แต่สุดท้ายผู้ที่พวกเขาถูกส่งเข้าไปกลับถูกผู้พิทักษ์เหมืองโบราณสังหารอย่างโหดร้าย
การเตรียมตัวตลอดหลายปีที่ผ่านมาของพวกเขาล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
เย่ฟ่านยังจำได้ชัดเจนว่าราชามังกรเขียวมาที่ภาคใต้เป็นพิเศษก็เพื่อเชิญราชานกยูงให้ไปทางเหนือและทำการสำรวจเหมืองโบราณต้นกำเนิดด้วยกัน
“ใช่ อย่างนั้นแหละ!”
ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักว่าจะต้องมีใครค้นพบความลับของเหมืองโบราณต้นกำเนิดอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายคงไม่ใช้เวลาหลายปีเพื่อเตรียมการโจมตีเมืองโบราณต้นกำเนิด
เมื่อรวมเหตุการณ์หลายอย่างเข้าด้วยกันเย่ฟ่านก็ค่อนข้างมั่นใจในเหตุผลที่เขาอนุมานขึ้น
ในข่าวเล่าว่ามหาอำนาจทั้งหลายลงมือโจมตีเมืองโบราณต้นกำเนิด แต่กลับพ่ายแพ้จนต้องถอยกลับมามือเปล่า เย่ฟ่านไม่เชื่อเรื่องนี้
เขาคิดว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะต้องกลับมาเพราะพวกเขาได้รับบางสิ่งบางอย่างที่พวกเขาค้นหาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ความเสียหายที่พวกเขาได้รับนั้นยังเทียบไม่ได้กับเหตุการณ์ในภูเขาสีม่วงซึ่งมันเพียงพอจะอธิบายอย่างชัดเจน
เมื่อเย่ฟ่านพบเย่ฮุ่ยหลิงเรื่องราวที่น่าตกใจอีกอย่างก็ออกมาจากภาคเหนือ!
ฝาหม้ออสูรกลืนสวรรค์โบราณเข้ามาในโลก หลังจากที่ค้นหามาเป็นเวลาหลายเดือนในที่สุดก็มีใครบางคนพบมัน แต่สุดท้ายการแย่งชิงหม้ออสูรกลืนสวรรค์นี้กลับทำให้ผู้คนมากมายต้องเสียชีวิต!
ผู้คนต้องสงสัยว่าเหตุใดความพ่ายแพ้ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีต่อเหมืองโบราณต้นกำเนิดจึงมาพร้อมกับฝาหม้ออสูรกลืนสวรรค์อย่างพอดิบพอดี?
ว่ากันว่าการค้นหาฝาหม้อครั้งนี้ผู้สูงสุดหลายสิบคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายแทบจะเสียชีวิตลงในเวลาเดียวกัน ในขณะที่ยอดฝีมือรุ่นเยาว์กลับร่วมมือกันทำภารกิจบางอย่าง
มีข่าวลือทั่วโลกว่าเพื่อให้ได้รับอาวุธเต๋าสุดขั้วชิ้นนี้ ร่างอสูรสวรรค์,ร่างราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ และร่างศักดิ์สิทธิ์อื่นๆจำเป็นต้องสังเวยโลหิตของตัวเองจำนวนหนึ่งเพื่ออัญเชิญมันขึ้นมายังผิวโลก
แต่ทันทีที่ฝาหม้ออสูรกลืนสวรรค์ปรากฏออกมามันกลับเปลี่ยนสถานที่แห่งนั้นให้กลายเป็นทะเลเลือด ผู้สูงสุดหลายคนที่พยายามปกป้องเด็กรุ่นหลังต่างก็ถูกสังหารอย่างรวดเร็ว
อาวุธของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แม้แต่สิ่งมีชีวิตระดับผู้อมตะก็ยังต้องหวาดกลัว ลำพังแค่ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นผู้สูงสุดย่อมไม่สามารถต่อต้านการโจมตีของมันได้แม้แต่ครั้งเดียว
หากไม่ใช่ช่วงเวลาวิกฤติราชามังกรเขียวและมหาโจรผู้ยิ่งใหญ่ตู้เทียนซึ่งครอบครองอีกครึ่งหนึ่งของหม้ออสูรกลืนสวรรค์ได้ร่วมกันโจมตีอาวุธของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่โดยไม่เกรงกลัวความตาย
จะไม่มีใครที่เข้าร่วมเหตุการณ์ครั้งนั้นรอดชีวิตออกมาได้!
โลกทั้งใบตกตะลึง ความดุร้ายของอาวุธเต๋าสุดขั้วนั้นโหดร้ายและน่ากลัวอย่างยิ่ง มันเกือบจะกวาดล้างเมล็ดพันธุ์จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ในอนาคตของดินแดนรกร้างตะวันออกจนหมดสิ้น
ร่างศักดิ์สิทธิ์ตระกูลจี้ เอี๋ยนหรูหยู ร่างศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลเจียงร่างอสูรสวรรค์ ตัวอ่อนเต๋าโดยกำเนิด เซี่ยจี้โหย่ว บุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง ฯลฯ พวกเขาล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัสยากที่จะฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติในเวลาอันสั้น
เมื่อเย่ฟานรู้ข่าวเขาก็คิดได้ทันทีว่านี่ต้องเป็นแผนการของใครบางคน!
ก่อนหน้านี้จักรพรรดิดำเคยเล่าถึงความลับบางอย่างให้เขาฟัง คนคนนั้นคือผู้ที่เปลี่ยนยอดเขาแตกหักให้กลายเป็นทุ่งเต๋าและจักรพรรดิดำก็หวาดกลัวต่อเขามาก
ตามความลับที่จักรพรรดิดำกล่าวถึง คนคนนี้วางแผนให้ร่างศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเสียสละโลหิตแก่นแท้ของตัวเองเพื่อสร้างเป็นเส้นทางให้เขาก้าวเข้าสู่อาณาจักรจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่
เขายังสร้างญาณวิเศษอสูรกลืนสวรรค์ที่ทำให้ร่างกายของตัวเองแข็งแกร่งไม่เสื่อมคลาย
หากแผนการของเขาสำเร็จลงเขาจะกลายเป็นศัตรูของคนทั้งโลกยิ่งกว่าจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ปราศจากจุดเริ่มต้นในอดีต
ความลับเหล่านี้ได้หายไปนานแล้วในแม่น้ำสายยาวแห่งประวัติศาสตร์และมีเพียงจักรพรรดิดำซึ่งไม่ใช่สิ่งมีชีวิตในยุคปัจจุบันเท่านั้นที่ยังคงจำได้
“มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่ใครคนนั้นจะมีชีวิตอยู่จนถึงปัจจุบัน คนที่วางแผนเรื่องนี้ต้องเป็นคนอื่น เพียงไม่ทราบว่าเขาได้รับญาณวิเศษอสูรกลืนสวรรค์มาจากที่ใด?” เย่ฟ่านตัวสั่นหนาวเหน็บไปทั้งจิตใจ
ในภาคเหนือที่ห่างไกล จักรพรรดิดำกำลังคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวเมื่อมองเห็นผู้คนมากมายต้องสังเวยชีวิตในลานเต๋า
โชคดีที่มันสัมผัสได้ถึงความผิดปกติก่อนหน้าจึงลากผังป๋อและคนอื่นๆไม่ให้เข้าไปมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้จนรอดพ้นภัยพิบัติในที่สุด
อย่างไรก็ตามจักรพรรดิดำยังคงคำรามด้วยความโกรธแค้น แผนการนี้ถูกวางมานานแล้ว แต่มันซึ่งเป็นผู้ที่คุ้นเคยที่สุดกลับไม่สามารถมองออกจนเป็นเหตุให้ศัตรูทำทุกอย่างได้ตามเป้าหมายโดยไม่มีคนขัดขวาง
ผลลัพธ์สุดท้ายก็ยังเป็นไปตามการคำนวณของมันด้วย ภัยพิบัติเกิดขึ้นและผู้บ่มเพาะหลายคนพยายามหลบหนี พวกเขาไม่เพียงไม่ได้รับครึ่งหนึ่งของอาวุธเต๋าสุดขั้ว แต่ยังพบความสูญเสียมากมาย
นอกจากนั้นยังมีคนหนึ่งที่เฝ้ามองทุกอย่างด้วยความสงบโดยไม่คิดจะเข้าไปข้างใน คนๆนั้นคือต้วนเต๋อที่ไร้ยางอาย หลังจากที่เขามาที่นี่เขาก็เฝ้ามองทุกอย่างด้วยความแปลกใจโดยไม่คิดจะก้าวไปข้างหน้าแม้แต่ก้าวเดียว
เมื่อเย่ฟานรู้เรื่องนี้ทั้งหมด เขาก็นึกถึงความลับที่จักรพรรดิดำเคยบอกเขา เขารู้สึกว่ามีบุคคลที่น่าสยดสยองเป็นคนดลบันดาลเรื่องทุกอย่างให้เกิดขึ้น
“คนๆนั้นได้รับมรดกอันดุร้าย เขาต้องการฆ่าร่างราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ ร่างอสูรสวรรค์ ตัวอ่อนเต๋า รวมทั้งร่างศักดิ์สิทธิ์คนอื่น เขาจะเป็นใครกันแน่?”
เย่ฟ่านกำลังคิดถึงใครบางคน หากเป็นคนคนนั้นจิตใจของเขาลึกซึ้งมากเพียงใดถึงวางแผนเช่นนี้ได้
ข่าวที่มาจากภาคเหนือสั่นสะท้านไปทั่วทั้งโลก เรื่องนี้สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้คนมากมายแม้กระทั่งผู้นำของดินแดนศักดิ์สิทธิ์และตระกูลขุนนางโบราณก็ยังอพยพทายาทของตัวเองกลับสู่สำนัก
เย่ฟ่านและเย่ฮุ่ยหลิงพบกันในตอนกลางคืน ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น การยืมชุดสมบัติคลุมนภาก็ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม
ใต้ผืนน้ำและพระจันทร์ หญิงสาวจากภาคกลางมีผิวพรรณงดงามผ่องใส นางใจเย็นมาก ถ้าเย่ฟานประสบความสำเร็จในการเก็บยาศักดิ์สิทธิ์อมตะนางเพียงต้องการแบ่งสมบัติพวกนั้นในจำนวนเล็กน้อย
“คุณหนูโปรดช่วยเหลือข้าสักอย่าง หากครั้งนี้ข้าไม่ได้กลับมาอีกขอให้ท่านช่วยคุ้มครองใครบางคนด้วย”
“โอ้ พวกเขาเป็นใคร” เย่ฮุ่ยหลิงประหลาดใจ
เย่ฟ่านชี้ไปที่จางเหวินชางในโรงเตี๊ยมและกล่าวว่า
“พาเขาออกไปจากที่นี่และช่วยให้เขาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี”
จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่เด็กน้อยตัวเล็กๆที่เหมือนตุ๊กตากระเบื้องเคลือบก่อนจะกล่าวว่า
“นางด้วย”
"ไม่มีปัญหา"
ในวันที่สองแสงอรุณรุ่งปกคลุมใบไม้สีเขียวและน้ำค้างยามเช้าก็ส่องสว่างเป็นเจ็ดสี เย่ฟ่านก้าวเข้าไปในป่าดึกดำบรรพ์แปดร้อยลี้และออกเดินทางไปยังดินแดนต้องห้ามรกร้างโบราณ
ครึ่งเดือนผ่านไป ผู้คนในราชวงศ์ฮั่วโบราณและนิกายหยินหยางยังคงอยู่ในเมืองหลวงเอี๋ยน ไม่มีใครมองไปยังพื้นที่ต้องห้ามอีก
ระหว่างทางเย่ฟ่านไม่เห็นใครเลย เขาพยายามหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่อาจพบสัตว์อสูรที่ไม่มีใครเทียบได้ และมาถึงขอบของดินแดนหวงห้ามแห่งชีวิต
“บูม”
ในที่สุดเย่ฟานก็ก้าวเท้าข้างหนึ่งเข้าไปในพื้นที่หวงห้าม และรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายอันเลวร้ายที่โจมตีเขาอย่างรวดเร็ว
นี่คือ...พลังรกร้าง!
ในช่วงเวลาวิกฤตินี้เย่ฟานหยิบชุดหินขึ้นมาปกคลุมร่างกายทันที
“ชั้วะ”
เย่ฟ่านหนาวเหน็บไปทั้งกาย แม้ว่าเขาจะถูกปกคลุมไปด้วยชุดหินที่ไม่มีใครเทียบได้ ฐานการบ่มเพาะของเขาก็ยังถูกตัดขาดไม่สามารถแสดงความแข็งแกร่งออกมาแม้เพียงน้อยนิด