เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 113
ตอนที่ 113
กระทั่งยู่ตู่เฟยก็หรี่ตาของตนลงพลางมองไปยังหลินเฮ่าด้วยสีหน้ามืดครึ้ม
“พวกเจ้าคิดจริงๆ หรือว่าจะมีเพียงบรรพชนของเราเท่านั้นที่เป็นยอดคนในตระกูลใหญ่ถึงขนาดนี้?”
“แม้กระทั่งข้า หลินเฮ่า ที่เข้าสู่เส้นทางการบ่มเพาะได้เพียงร้อยกว่าปีเท่านั้น ข้ายังเหยียบย่างเข้าสู่แดนปราณแก่นทองคำ ข้าเองบุกเข้าไปยังแดนรกร้างเพื่อเข่นฆ่าเหล่าอสูรทั้งหลายในทุกสามวันเสียด้วยซ้ำ!”
“ก่อนที่พวกเจ้าจะคิดว่าสกุลหลินเป็นพวกตัวตนอันอ่อนแอ พวกเจ้าได้ตรวจสอบให้แน่ใจแล้วหรือ?”
หลินเฮ่ายืนอย่างองอาจอยู่กลางอากาศราวกับเป็นเทพสงครามมาจุติ เปลวเพลิงสีทองลุกไหม้อยู่รอบกาย เขากุมด้านง้าวในมือพลางเดินอาดๆ ไปด้านหน้า ในดวงตาของเขา ทักษะเนตรสวรรค์ถูกกระตุ้นการทำงาน ก่อนที่จะมีแสงศักดิ์สิทธิ์พวยพุ่งออกมา!
“ที่แห่งนี้คืออาณาเขตของราชวงศ์อมตะ ในฐานะสมาชิกตระกูลหลินเช่นเจ้า เจ้าหยิ่งผยองมากเกินไปแล้ว!”
ประกายแสงสีแดงปรากฏขึ้น จากนั้น ชายชราผู้หนึ่งก็เดินเหยียบอากาศขึ้นมาเบื้องบน แส้ที่ร้อยไว้ด้วยลูกปัดหัวกะโหลกพุ่งออกมาจากมือของเขา ลูกปัดแต่ละชิ้นระยิบระยับราวกับทำมาจากหยกชั้นดีและมันมีขนาดพอๆ กับกำปั้นของทารก หากสังเกตให้ดีจะเห็นเงาร่างคล้ายภูตผีนับร้อยวนเวียนอยู่โดยรอบ ปลดปล่อยแสงสีแดงก่ำดุจโลหิต!
ลูกปัดกะโหลกเหล่านั้นร้อยเรียงกันจนคล้ายกับแม่น้ำปรโลกที่แฝงไว้ด้วยรูปแบบอักขระล้ำลึกไว้ตรงกลาง ราวกับน้ำพุเหลืองจากขุมนรกปรากฏขึ้น จากนั้นวิญญาณร้ายนับไม่ถ้วนก็กรีดร้องสาปแช่ง ในตอนนี้ พวกมันเข้าไปรุมล้อมหลินเฮ่า ซวนยู่ และคนของราชวงศ์ไว้ทุกทิศทาง
“ทลาย!” หลินเฮ่าคำรามก้อง ผมดำยาวของเขาสะบัดหาวไปตามกระแสลม ก่อนจะบังเกิดเสียงสวดมนต์เป็นท่วงทำนองคล้ายมาจากสรวงสวรรค์ ทำให้แม่น้ำปกโลกนั้นสั่นสะท้าน!
“ไป!” หลินเฮ่าตะโกนออกมาอีกครั้งและหมุนไปรอบด้าน แสงสีทองและวังวนดูดกลืนควบแน่นรวมกันเป็นอุกกาบาตสีดำทองที่พุ่งตรงเข้าสู่ลูกปัดกะโหลกเหล่านั้น! ภายใต้เสียงระเบิดดังเสียดแทงรูหู ลูกปัดกะโหลกเหล่านั้นแตกหักเป็นชิ้น!
จากนั้นแสงศักดิ์สิทธิ์ทอประกายเจิดจ้าไปรอบด้าน พลังของค่ายกลที่ยิ่งใหญ่กระจายออกมา ลำแสงที่คล้ายจะทะลุฟ้าทะลวงดินมุ่งหน้าขึ้นสู่ท้องนภาจากด้านของแท่นบูชาด้านล่างนั้น!
ชั่วพริบตา ยอดคนชนชั้นแก่นทองคำอีกสี่ร่างก็ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ
พวกมันก้าวออกไปด้านหน้าพร้อมกัน ก่อกำเนิดวังวนแห่งพลังดูดกลืนขึ้น จากนั้นเปลวไฟทองคำก็ดับลง!
บัดนี้ ยอดฝีมือแดนแก่นทองคำถึงหกคนกำลังล้อมหลินเฮ่าอยู่รอบด้าน ในดวงตาของพวกมันแฝงด้วยแววเย็นเยียบเสียดกระดูกและจิตสังหารลุกโชน!
แสงดาวนับไม่ถ้วนส่องลงมายังเบื้องล่าง ใต้ดวงจันทรา มีเปลวเพลิงกำลังลุกไหม้อยู่
ราชวงศ์อมตะคือกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของอาณาเขตเหนือคราม ประโยคนี้มิได้กล่าวเกินจริงแต่อย่างใด สามารถดูได้จากเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้!
หม้อสามขาสีแดงทองลอยตัวอยู่เหนือภูเขาที่ปรากฏรอยแตกและมีหินหลอมเหลวไหลวนอยู่ภายใน ส่วนด้านในของหม้อใบนั้นมีอัจฉริยะรุ่นเยาว์มากมายที่กำลังถูกใช้เป็นเครื่องสังเวยกรีดร้องโหยหวนอยู่!
ด้านข้างของมัน มียอดยุทธแดนแก่นทองคำหกคนคอยเฝ้าปกป้องตลอดเวลา!
หากนับรวมยู่ตู่เฟยเข้าไปด้วยแล้ว จะกลายเป็นยอดฝีมือชนชั้นแก่นทองคำถึงเจ็ดคน!
ผู้บ่มเพาะระดับแก่นทองคำเจ็ดคน จะเกิดสิ่งใดขึ้น? ต้องรู้ก่อนว่าในความเป็นจริงแล้ว ในตระกูลระดับสามัญทั้งหลาย เช่นตระกูลเฉินหรือตระกูลเซียว พวกเขาไม่มีผู้สมาชิกตระกูลที่อยู่ในระดับแก่นทองคำเลยแม้แต่คนเดียว
แม้ตระกูลใหญ่เช่นตระกูลซวนและตระกูลเป่ยเฉินเอง ก็จะมีผู้บ่มเพาะในระดับนี้ไม่มากนัก นับรวมแล้วไม่เกินสี่ถึงห้าคนเท่านั้น ทว่าเพียงเท่านี้ก็ถือเป็นตัวตนระดับสูงซึ่งเป็นที่เคารพนับถือไปทั่วทั้งอาณาจักรที่พวกเขาอาศัยอยู่แล้ว!
จากบทสนทนาก่อนหน้านี้ หลินเฮ่าพอจะคาดเดาได้ว่ามีหม้อสามขาสวรรค์อมตะอยู่เก้าใบด้วยกัน พวกมันถูกวางไว้ในทิศทั้งแปดรอบราชวงศ์อมตะ และใบสุดท้ายอยู่ที่ศูนย์กลางของราชวงศ์ในเมืองหลวงของพวกมัน
ทว่า เพียงหม้อสามขาใบเดียวที่ปรากฏด้านล่างในตอนนี้ กลับมียอดคนระดับแก่นทองคำถึงเจ็ดคนคอยปกป้องอยู่!
หรือในอีกแง่หนึ่ง จะมีผู้บ่มเพาะระดับแก่นทองคำอย่างน้อยหกสิบคนที่อาศัยอยู่ในราชวงศ์อมตะ! จำนวนเท่านี้มันช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก!
ต่อให้หลินเฮ่ามีทักษะเนตรสวรรค์และพลังดูดกลืนก็ตามที และทุกครั้งที่โจมตีเขาก็หนุนเสริมด้วยปราณม่วงร่วมกับสำเนียงแห่งเต๋า เขาสามารถต่อสู้กับตาแก่พวกนั้นไปได้เรื่อยๆ และท้าทายผู้ที่ระดับสูงถึงขั้นห้าของแดนแก่นทองคำได้
ทว่า ความอันตรายที่หลินเฮ่ากำลังเผชิญในตอนนี้มิใช่สิ่งที่เขาจะสามารถแก้ไขได้!
ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะชนะการต่อสู้ที่ถูกล้อมกรอบด้วยยอดคนชนชั้นแก่นทองคำถึงหกคน กระทั่งการปกป้องตัวเองในเวลานี้ยังยากเย็นจนหืดขึ้นคอเสียด้วยซ้ำ!
ตูม!
หลินเฮ่ากระเด็นออกไป โลหิตไหลออกจากมุมปากของเขา ทั้งร่างบัดนี้ทรุดโทรมและสั่นเทา กระดูกหลายจุดแตกหักในระหว่างที่เขากระแทกเข้ากับภูเขาที่อยู่ไกลออกไปจนมันถล่มลงมาในทันที!
อย่างไรก็ตาม เพียงพริบตาเดียว หลินเฮ่าก็พุ่งตัวออกมา ผมเผ้ายุ่งเหยิงสะบัดไปตามลม แม้เกราะบนร่างจะแตกกระจายแต่แสงสีทองยังคงหลั่งไหลออกมาจากตัวเขาราวกับจะอาบทั้งท้องฟ้าให้กลายเป็นสีทอง!
“ความพยายามของเจ้ามันไร้ค่า! ชะตากรรมของเจ้าถูกกำหนดไว้แล้ว เจ้านั้นเป็นเพียงหินรองเท้าที่ช่วยปูทางให้ราชวงศ์อมตะของเราได้ปีนป่ายสู่สรวงสวรรค์เท่านั้น!” ยู่ตู่เฟยยืนขึ้นและเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“หินรองเท้า? ไปรองเท้ามารดาเจ้าเถอะ! เจ้าต่างหากที่จะกลายเป็นเพียงหินไว้รองเท้าให้บุตรชายของข้า!” หลินเฮ่าคำรามอย่างมีโทสะ เขากุมด้ามง้าวไว้แน่นก่อนจะกระโจนไปด้านหน้า แต่ทว่าการต่อกรกับยอดยุทธมากมายเช่นนี้นับว่าเรื่องที่ยากลำบากยิ่งนัก
“กล้าดีอย่างไร! เจ้าเป็นเพียงผู้บ่มเพาะตัวเล็กๆ จากอาณาจักรยากไร้เท่านั้น กลับบังอาจจะมาดูถูกความสูงส่งของราชวงศ์อมตะเช่นนั้นหรือ?!” ยอดคนแดนแก่นทองคำคนหนึ่งสบถออกมา มันถือพัดไว้ในมือข้างหนึ่ง และก่อร่างสายฟ้าไว้ในมืออีกข้าง รอบกายมีเมฆขาวลอยวนไปมา เพียงโบกมือครั้งเดียว คล้ายกับพายุเทพกำลังพิโรธ สายฟ้าและสายฝนโหมกระหน่ำไปด้านหน้าทันที!
เสียงฟ้าคำรามดังขึ้น สายฟ้ามากมายปกคลุมบริเวณโดยรอบจนหลินเฮ่าไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้ เขาถูกกระแทกด้วยพายุที่กระหน่ำเข้าใส่จนตัวลอยละลิ่วออกไปอีกครั้ง ทว่ายอดฝีมือแก่นทองคำผู้นั้นที่เป็นฝ่ายสาดพายุเข้าใส่หลินเฮ่าเองก็ถอยหลังออกไปหลายก้าวก่อนจะสามารถยืนได้มั่นคงอีกครั้งเช่นกัน!
“กักขัง!” ยอดยุทธอีกคนหนึ่งตะโกนขึ้น มันก่อร่างผนึกไว้ในมือ อักขระนับไม่ถ้วนหมุนวนไปทั่ว เถาวัลย์สีเขียวพุ่งออกมาจากความว่างเปล่าก่อนจะกลายเป็นกรงที่ขังหลินเฮ่าไว้ภายใน!
จากนั้น เหล่าผู้บ่มเพาะแก่นทองคำที่ก็ดึงอาวุธของตนออกมา ทักษะและลมปราณนับไม่ถ้วนพุ่งตรงเข้าใส่หลินเฮ่าทันที หลินเฮ่าที่ถูกกักขังอยู่ทำได้เพียงคำรามออกมา พลังปราณของเขาถูกสะกดข่มจากกรงเถาวัลย์ แม้กระทั่งกำลังกายของเขาเองก็ถูกลดทอนลงเช่นกัน!
หลินเฮ่าดิ้นรนสุดกำลัง ราวกับกลายเป็นอสูรบ้าคลั่งที่ถูกขังอยู่ในกรงไม้ ใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อพังสิ่งที่กักขังตนให้ได้!
ทว่า สิ่งเหล่านั้นล้วนเปล่าประโยชน์! ไกลออกไป ยอมฝีมือแก่นทองคำทั้งหลายมองไปยังหลินเฮ่าและเอ่ยบางอย่าง
“คนผู้นี้ค่อนข้างแข็งแกร่งพอสมควร แม้ว่ามันจะเลยวัยที่ใช้ได้ไปแล้ว แต่หากโยนมันลงในหม้อสามขาทมิฬ ก็ยังพอจะสกัดเอาแก่นโลหิตของมันออกมาใช้ได้บ้าง!”
“ข้าแนะนำให้เจ้าเลิกดิ้นรนและเก็บแรงของตนไว้เสียเถิด! อีกไม่นาน พวกเราจะให้โอกาสเจ้าได้เอ่ยคำพูดสุดท้าย”
ภายในกรงเถาวัลย์ หลินเฮ่าคำรามอย่างบ้าคลั่ง หัวใจของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความไม่ยินยอม
หากว่าเขาค้นพบแผนของราชวงศ์อมตะและรับฟังบุตรชายของตนก่อนหน้านี้ เขาคงไม่ต้องไปเสียเวลามากมายกับการตรวจสอบ เขาอาจใช้ช่วงเวลานั้นที่ยังไม่มีใครรู้เห็นเรื่องการค้นพบของเขาในการพาบุตรชายและภรรยาหนีไป เหตุการณ์ในตอนนี้ก็คงมิเกิดขึ้น!
อย่างไรก็ตาม บัดนี้มันสายไปเสียแล้วที่จะพูดสิ่งใด ยอมฝีมือถึงหกคนร่วมมือกับสะกดข่มเขา... เขาทำได้เพียงติดอยู่ในกรงขัง นึกเสียใจกับสิ่งต่างๆ และมองอันตรายที่กำลังเกิดขึ้นเท่านั้น