ผมได้รับพลังแห่งลิชมาพิชิตสาวงาม ตอนที่ 15
ผมได้รับพลังแห่งลิชมาพิชิตสาวงาม ตอนที่ 15
หลังจากคุยกันอีกสักพัก ทั้งสองก็สนิทสนมคุ้นเคยกันกว่าเดิม ฟางเซี่ยงตงหมุนสร้อยหินเรเควี่ยมเล่นก่อนจะกลับมาคุยกันเรื่องของชิ้นนี้ต่อ
"วันนี้ผู้อาวุโสหลิวมองพลาดไปจริงๆ ด้วยชื่อเสียงของอาจารย์เธอแล้ว หนึ่งหมื่นหยวนสำหรับของสองชิ้นนี้...สองชิ้นนี้...."
"สร้อยเรเควี่ยมครับ" เซี่ยเยี่ยนช่วยพูด
"ใช่ๆ ซื้อสร้อยเรเควี่ยมสองเส้นนี้ด้วยราคาเพียงหมื่นหยวน นั่นไม่ต่างจากลาภหล่นทับเลย แต่ผู้อาวุโสหลิวกลับทิ้งขว้างโอกาสเสียอย่างนั้น นี่ช่าง...." ฟางเซี่ยงตงส่ายหน้าเบาๆ
"เหอๆ" เซี่ยเยี่ยนก็ไม่รู้จะพูดอะไร ดังน้นจึงได้แต่หัวเราะ
"ว่าแต่เสี่ยวเซี่ย สร้อยพวกนี้สามารถปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายและทำให้จิตใจสงบได้จริงๆ?" ฟางเซี่ยงตงถามอย่างสนใจ
"แล้วลุงฟางเชื่อมั้ยครับ?" เซี่ยเยี่ยนถามกลับ
"ฉันไม่เชื่อในพระเจ้าน่ะ" ฟางเซี่ยงตงยิ้ม เพียงคำพูดนี้ก็บอกชัดแล้วว่าฟางเซี่ยงตงเป็นคนไม่เชื่อในเรื่องงมงาย
"ความเชื่อสามารถสร้างความประหลาดใจได้หลายอย่างจริงๆนะครับ" เซี่ยเยี่ยนยิ้มและไม่ได้อธิบาย
"อ้อใช่! ที่เธอบอกว่าอย่าให้ผู้อาวุโสหลิวไปที่มุมตะวันออกเฉียงใต้อีกน่ะ เพราะอะไรหรือ?"
"ถ้าผมบอกว่าสถานที่ตรงนั้นไม่เป็นมงคลต่อผู้อาวุโสหลิวล่ะครับ ลุงฟางจะเชื่อมั้ย?...อ๊ะ พวกเรามาถึงแล้วครับ" รถคันนี้แล่นเร็วมากๆ ตอนนี้พวกเขาก็มาถึงที่หน้าประตูมหาวิทยาลัยซีเหอแล้วเรียบร้อย
"รอเดี๋ยวนะ....." ฟางเซี่ยงตงนำปากกาและกระดาษออกมาจดตัวเลขสองแถวให้เซี่ยเยี่ยน "นี่เป็นเบอร์ส่วนตัวของลุง ส่วนอันล่างเป็นของเล่อเอ๋อร์เขา ลุงขอเบอร์เธอด้วย แล้วก็สุดสัปดาห์นี้เธอต้องมาบ้านลุงนะ ลุงจะให้ป้าของเธอเตรียมอาหารอร่อยๆไว้"
เซี่ยเยี่ยนเขียนเบอร์ของเขาลงในกระดาษและยื่นให้ฟางเซี่ยงตง จากนั้นก็เลงจากรถและเดินเข้ามหาวิทยาลัยไป
ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้ว ในมหาวิทยาลัยจึงเงียบมาก หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าวเซี่ยเยี่ยนก็ยิ้มอย่างขมขื่น วันนี้เขาได้พานพบเรื่องราวหลากหลาย และที่สำคัญที่สุด วันนี้เขาหาเงินไม่ได้เลย!!! ดังนั้นแผนการซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่จึงเป็นอันต้องพังภินท์ไป
เขาหวนนึกถึงเรื่องของชายชราแซ่หลิวขึ้นมาอีกครั้ง เซี่ยเยี่ยนรู้แล้วว่าทำไมชายชราถึงมักฝันร้าย หุ่นคางคกไม้มะเกลือที่ตั้งอยู่ตรงมุมตะวันออกเฉียงใต้ของห้องรับแขกมีธาตุอันเดดอันเข้มข้นแผ่กำจายออกมา
รูปแกะสลักนี้มันวาวจนสามารถเห็นภาพสะท้อนได้ ชัดเจนว่าชายชราคงขัดถูมันทุกวัน หลังจากสะสมเป็นเวลานานเข้า ในที่สุดผลกระทบจากธาตุอันเดดก็ออกฤทธิ์ ยิ่งไปกว่านั้นสถานการณ์ยังเข้าขั้นเลวร้ายแล้ว หากชายชรายังขัดถูมันต่อไป ครั้งหน้าชีวิตของเขาก็จะตกอยู่ในอันตรายแล้ว และมันจะไม่จบแค่ฝันร้ายแน่
แต่เมื่อดูจากนิสัยของชายชรา เซี่ยเยี่ยนก็คิดว่าคำแนะนำของเขาคงเสียเปล่า และเขาจะต้องได้เจอกับหลิวเสวี่ยเอ๋อร์อีกแน่ๆ
หลังจากเดินกลับมาถึงหอพัก เซี่ยเยี่ยนก็เปิดประตูห้องและเข้าไปข้างใน จ้าวเฉียงกำลังเล่นเกมอยู่ ขณะที่ฉินเจี้ยนกำลังเขย่ามือถืออย่างเอาเป็นเอาตายจนมือถือแทบจะหลุดจากมืออยู่รอมร่อ ที่เตียงสุดท้ายที่เคยว่างอยู่ บัดนี้กลับมีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนอนอยู่ และเหมือนว่าเขาจะหลับไปแล้วด้วย
"เซี่ยเยี่ยน กลับมาแล้วสินะ!" จ้าวเฉียงเงยหน้าขึ้นร้องทักหลังได้ยินเสียงเปิดประตู จากนั้นก็ก้มหน้ารัวเมาส์ต่อ
"ในที่สุดก็อยู่กันพร้อมหน้าสักที!" ฉินเจี้ยนโยนมือถือลงบนเตียงและกระโดดขึ้นปรบมือ "มาๆ! โหวเสี่ยวเทียน รีบตื่นได้แล้ว!"
ชายหนุ่มผมยาวลุกขึ้นนั่งและยิ้มอย่างงัวเงียหลังมองเห็นเซี่ยเยี่ยน เขายื่นมือออกมา "ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันโหวเสี่ยวเทียน"
"ฉันเซี่ยเยี่ยน" เขาเชคแฮนด์เบาๆ ในใจอดรู้สึกผิดไม่ได้ที่ทำให้โหวเสี่ยวเทียนต้องตื่นขึ้นมากลางคัน
โหวเสี่ยวเทียนย่อมไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะคุยกับใคร ดังนั้นหลังแนะนำตัวไม่กี่คำก็กลับไปนอนต่อ เขาดูเหนื่อยล้าอย่างมาก
เซี่ยเยี่ยนประหลาดใจ แต่นี่ก็ไม่ใช่เวลาอันเหมาะสมที่จะถามอีกฝ่าย
"เชี่ยเอ๊ย เจอเด็กกะโหลกอีกแล้ว!" จ้าวเฉียงตบแป้นคีย์บอร์ดและปิดโน๊ตบุ๊คอย่างอารมณ์เสีย จากนั้นเขาก็หันมาพูดกับเซี่ยเยี่ยน "ไปหาไรกินกัน เดี๋ยวฉันเลี้ยง!"
"ดึกแบบนี้เนี่ยนะ?" เซี่ยเยี่ยนถาม
"ยังไม่ดึกหรอกน่า ช่วงนี้หอพักเราไม่มีปิดประตู ไม่ต้องกังวล" จ้าวเฉียงตอบ
"โหวเสี่ยวเทียน ไปด้วยกันมั้ย?" เซี่ยเยี่ยนลองสะกิดโหวเสี่ยวเทียน
"พวกนายไปเถอะ ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่" โหวเสี่ยวเทียนตอบงึมงำ
เซี่ยเยี่ยนอยากจะลองชวนดูอีกครั้ง แต่เขาก็เห็นสายตาห้ามปรามของฉินเจี้ยนก่อน ดังนั้นเขาจึงพูดขึ้นว่า "งั้นพวกเราไปแล้ว ไว้ครั้งหน้าไปกินด้วยกัน"
"ได้..."
ตอนที่ทั้งสามเดินออกจากประตูทิศใต้ก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว ช่วงนี้ร้านเนื้อย่างข้างทางกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก พวกเขาสุ่มเลือกร้านข้างทางร้านหนึ่งพร้อมสั่งเบียร์มาดื่ม
"ฉินเจี้ยน เกิดอะไรขึ้นกับโหวเสี่ยวเทียน? ทำไมดูเหมือนเขาอารมณ์ไม่ค่อยดี?" หลังจากดื่มเบียร์ในแก้ว เซี่ยเยี่ยนก็ถามขึ้น
"เฮ้อ! เจอเรื่องแบบนั้นเข้าไปไม่ว่าใครก็รู้สึกแย่" ฉินเจี้ยนและจ้าวเฉียงส่ายหน้า จากนั้นพวกเขาก็ผลัดกันเล่าเรื่องออกมา หลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว กระทั่งเซี่ยเยี่ยนก็ยังส่ายหน้าอย่างรู้สึกเห็นใจ
ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ โหวเสี่ยวเทียนก็มาถึงมหาวิทยาลัย แต่เขาไม่ได้ไปรายงานตัวกับมหาวิทยาลัยในทันที เพราะเขาต้องพาพ่อของเขาไปที่โรงพยาบาลประจำเมืองเสียก่อน ไม่กี่ปีมานี้พ่อของเขารู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร แต่เขาก้คิดว่ามันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยและไม่ได้ใส่ใจอะไร เนื่องจากไหนๆพวกเขาก็มาถึงเฉิงตูแล้ว แม่ของโหวเสี่ยวเทียนจึงบอกให้โหวเสี่ยวเทียนพาพ่อของเขาไปตรวจที่โรงพยาบาลดู ดังนั้นพวกเขาจึงไปตรวจร่างกายกันที่นั่น และผลตรวจก็เพิ่งออกมาเมื่อวานนี้
หลังจากดูผลตรวจแล้ว ทั้งสองพ่อลูกก็พากันนิ่ง
มันคือ มะเร็งกระเพาะอาหาร.....