ตอนที่ 685+686 เจ้านายใจกว้างที่สุด
ตอนที่ 685 เจ้านายใจกว้างที่สุด
“ในนามของบริษัทฉางกัง ฉันยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าร่วมทีมเราค่ะ ฉันหวังว่าจะได้เห็นพวกคุณสร้างปาฏิหาริย์ครั้งใหม่ให้กับโลกใบนี้นะคะ!” เจียงเหยาจับมือพวกเขาทีละคน คำพูดต้อนรับอาจฟังดูเป็นทางการมาก แต่..มันมาจากก้นบึ้งหัวใจของเจียงเหยา
“เราได้จองโรงแรมไว้ให้กับทุกท่านแล้วค่ะ ตอนนี้บริษัทฉางกังเพิ่งจะเริ่มก่อสร้าง ดังนั้นพวกคุณทุกคนยังมีเวลาอีกนานก่อนที่จะเริ่มทำงาน ในช่วงเวลานี้ คุณสามารถเลือกที่จะกลับบ้านไปเยี่ยมครอบครัว หรือเที่ยวไปรอบ ๆ ได้ คุณสามารถทำทุกอย่างที่ต้องการได้เลยค่ะ ทางเราจะดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายเอง”
เจียงเหยาใจกว้างมากกับคนที่เธอให้ความสำคัญ “ฉันจะให้ทนายนำสัญญาไปให้คุณ หลังจากที่อ่านแล้วไม่มีปัญหาอะไร ก็ลงชื่อได้เลยค่ะ หลังจากลงชื่อ สัญญาจะมีผลทันที และคุณจะกลายเป็นพนักงานกลุ่มแรกของฉางกังกรุ๊ป เมื่อสัญญามีผล คุณจะได้รับเงินเดือนจากทางบริษัทค่ะ”
“เป็นข่าวที่น่าตื่นเต้นจริง ๆ เลยค่ะ” หงเก๋อไม่สามารถซ่อนความประหลาดใจบนใบหน้าของเธอได้ “เรามีเจ้านายที่สวยที่สุดในโลก และยังใจกว้างที่สุดในโลกอีก!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า พูดไปเถอะค่ะ ไม่มีโบนัสหรอกนะคะ” เจียงเหยาพูดอย่างเป็นกันเองด้วยอารมณ์ดี เธอหยอกล้อพวกเขาตลอดทาง ทำให้พวกเขาหัวเราะออกมา
“เจ้านาย คุณจะไม่แนะนำหนุ่มหล่อที่อยู่ข้าง ๆ คุณหน่อยเหรอคะ?” หงเก๋อมองไปที่ลู่ชิงสีที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เจียงเหยา “ผู้ชายหล่อ ๆ คนนี้ แฟนคุณเหรอคะ?”
ก่อนที่เจียงเหยาจะตอบ ลู่ชิงสีก็พูดขึ้นว่า “ผมเป็นสามีของเธอ เธอแต่งงานแล้วครับ”
ขณะที่เขาพูด เขารีบนำทะเบียนสมรสของเจียงเหยาออกมาจากกระเป๋าสตางค์ของตนเอง หลังจากแสดงไว้สองวินาที เขาก็เก็บในกระเป๋าสตางค์เหมือนเดิม
ทันทีที่เห็นอย่างนั้น มีเพียงกู้ฮ่าวอวี้เท่านั้นที่ทำตัวปกติมาก แม้แต่เจียงเหยาก็ยังสูญเสียอาการว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้เพราะท่าทางเย่อหยิ่งของเขาดี
ปรากฏว่าเขาใช้ทะเบียนสมรสกับเรื่องแบบนี้ บางครั้งเขาจะนำมันออกมาพิสูจน์ตัวตนของเธอในฐานะภรรยาของเขา
หลังจากรับกลุ่มคนเหล่านี้แล้ว ลู่ชิงสีและกู้ฮ่าวอวี้ก็พูดคุยกันสักพัก พวกเขาพาทุกคนไปรับประทานอาหารเช้าแบบพิเศษในเมืองหนานเจียง ทั้งแปดคนจึงมุ่งหน้าตรงกลับไปยังย่านใจกลางเมืองหนานเจียง
กลุ่มห้าคนของหลินไท่เฉิงไม่เคยมาที่เมืองหนานเจียงมากก่อน อีกสี่คนยังสบาย ๆ อย่างน้อยพวกเขาก็เคยอาศัยอยู่ที่ประเทศนี้มาตั้งแต่เด็ก แต่สำหรับฉงฮุ่ย เขาเกิดและเติบโตที่ต่างประเทศ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้กลับบ้านเกิดของพ่อแม่ ทุกอย่างล้วนใหม่สำหรับเขา
ขณะที่ทั้งห้าคนต้องขึ้นเครื่องตอนกลางดึก พวกเขาจึงขอกลับมาพักผ่อนที่โรงแรมหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ลู่ชิงสีขับรถไปส่งเจียงเหยาที่มหาวิทยาลัย เมื่อเขากลับถึงโรงแรม เขาเห็นคนที่ผู้กำกับเยว่ให้มาส่งข้อมูลให้เขาที่ล็อบบี้ของโรงแรม
หลังจากขอบคุณเขา ลู่ชิงสีก็หยิบของเขาและไปหากู้ฮ่าวอวี้
หลังจากเข้าไปในห้องของกู้ฮ่าวอวี้ เขาไม่รีบร้อนที่จะดูข้อมูลที่อยู่ในมือ แต่ถามเจ้าของห้องว่า “เช้านี้พี่หลงทางกี่รอบ”
“สองครั้ง ทำไม?” กู้ฮ่าวอวี้กำลังชงชา เขาซื้อใบชามาจากโรงน้ำชาที่ชั้นหนึ่งของโรงแรม การดื่มชาเป็นงานอดิเรกของเขา ไม่เหมือนกันเหลียงเยวื่อจือที่ไม่ชอบจิบชาเลยจริง ๆ กู้ฮ่าวอวี้ชงชาโดยใช้น้ำเดือดจัด เขาโยนใบชาลงไปอย่างไม่ใส่ใจ
ดังนั้นชาที่ชงโดยกู้ฮ่าวอวี้จึงไม่อร่อยนัก ในสายตาของคนรักชา มันคือการทำให้ชาชั้นดีสูญเสียรสชาติ แต่สำหรับลู่ชิงสี ก็ได้ดื่มดับกระหายอะไรก็ได้
ลู่ชิงสีตอบกับ “โอ้” ถ้าเขาล้อเลียนอีกฝ่าย เขาคงไม่สามารถอธิบายสีหน้าของกู้ฮ่าวอวี้ได้
__
ตอนที่ 686 วิธีจัดการกับมัน
“นายจะจัดการตระกูลจูยังไง” กู้ฮ่าวอวี้ยื่นชาให้กับลู่ชิงสี เขาเหลือบมองไปยังแฟ้มเอกสารที่ลู่ชิงสีวางไว้บนโต๊ะอย่างไม่เป็นทางการและเดาได้ว่ามีอะไรอยู่ในนั้น เขาเร่งเร้า “นายจะไม่เปิดดูหน่อยเหรอ?”
“ดูสิ ทำไมจะไม่ดู” ลู่ชิงสีหยิบข้อมูลออกมาแล้วตรวจสอบดู ข้อมูลของทุกคนในตระกูลจู รวมถึงธุรกิจและความสัมพันธ์แต่ละสาขามีการระบุไว้อย่างชัดเจน แม้กระทั่งภรรยาและพี่เขยที่มีความสัมพันธ์ที่ไม่สามารถบรรยายได้รวมอยู่ด้วย
อาจกล่าวได้ว่าข้อมูลที่ผู้กำกับเยว่ส่งมานั้นค่อนข้างละเอียด เพียงแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ เขาหาข้อมูลได้ขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าผู้กำกับเยว่มีข้อมูลเหล่านี้อยู่ในมือตั้งแต่แรก และไม่ได้เร่งรีบที่จะตรวจสอบ
“ตระกูลจูนี่น่าสนใจจริง ๆ” ลู่ชิงสีโยนเอกสารในมือให้กับกู้ฮ่าวอวี้ “ลองดูสิ”
สิ่งที่น่าสนใจของลู่ชิงสีคือการที่ตระกูลนี้เจริญรุ่งเรืองมาหลายร้อยปี แต่ภายในพื้นที่ส่วนตัวกลับสกปรกสิ้นดี
ต่างจากตระกูลหวง ที่เป็นข้าราชากรรมาตั้งแต่บรรพบุรุษ และมีมรดกตกทอดมาอย่างยาวนาน แม้ว่าตระกูลหวงจะละทิ้งงานวิชาการและเข้าสู่วงการธุรกิจหลังจากวันเวลาแปรผัน มรดกของตระกูลก็ยังอยู่ที่เดิม อารยธรรมและวัฒนธรรมของตระกูลก็ยังอยู่เหมือนเดิม
ส่วนบรรพบุรุษของตระกูลจูเป็นพ่อค้ามาตั้งแต่แรก บรรพบุรุษของตระกูลจูเป็นคนเก่งเรื่องการจัดการ ทว่าการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยและการปฏิรูปประวัติศาสตร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ได้ทำให้ตระกูลเขาตกต่ำลงไปเลย
ตระกูลจูเจริญรุ่งเรืองมาเป็นเวลาร้อยปีและมีตระกูลดั้งเดิมมาจากเมืองปิงในจังหวัด A ทุกกิ่งก้านของตระกูลจูนั้นซับซ้อน ไม่ต่างไปจากตรอกที่เขาเคยผ่านมาในตอนเช้า
อย่างน้อยทุกเส้นทางในตรอกก็ยังสว่างไสว ลู่ชิงสีไม่รู้ว่าจะอธิบายตระกูลจูไว้อย่างไร
“สถานะของจูเฉียนหลานในตระกูลหลักไม่ได้สูงนี่” หลังจากที่กู้ฮ่าวอวี้อ่านข้อมูลเสร็จ เขายิ้มเบา ๆ “ในอดีต แม้ว่าเธอจะเป็นลูกสาวของสายเลือดโดยตรง แต่ปู่ของจูเฉียนหลานไม่ใช่หัวหน้าครอบครัวจูคนปัจจุบัน เขาไม่ได้เป็นคนจัดการอะไรทั้งนั้น พ่อของจูเฉียนหลานเองก็ไม่ใช่ผู้สืบทอดที่หัวหน้าครอบครัวคนปัจจุบันคิดจะฝากฝัง ก็แค่มีตำแหน่ง แต่ไม่มีอำนาจอะไร”
หัวหน้าครอบครัวคนปัจจุบันของตระกูลจูคือปู่คนที่สามของจูเฉียนหลาน ซึ่งเป็นน้องชายคนที่สามของปู่ของจูเฉียนหลาน
ปู่ของจูเฉียนหลานอยู่ในอันดับที่ห้าในรุ่นของเขา แม้ว่าเขาจะเป็นลูกของภรรยาเอก แต่เขาไม่ใช่ลูกชายคนโต ดังนั้นเขาจึงไม่มีคุณสมบัติที่จะสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวในตอนนั้นได้
เมื่อพูดถึงรุ่นพ่อของจูเฉียนหลาน มีลูกหลานมากขึ้น พ่อของจูเฉียนหลานอยู่ในอันดับที่สิบสามในครอบครัว ไม่ต้องพูดถึงรุ่นของจูเฉียนหลานและจูเฉียนเหลียง ประมาณว่า ... หัวหน้าครอบครัวคนปัจจุบันเองอาจจะจำลูกหลานของเขาไม่ได้ทั้งหมดด้วยซ้ำ
ข้อได้เปรียบของจูเฉียนหลานในตระกูลจู คือปู่ของจูเฉียนหลานและหัวหน้าครอบครัวคนปัจจุบันเป็นพี่น้องกัน ดังนั้นจูเฉียนหลานจึงมักจะทำตัววางอำนาจมากกว่าคนอื่นในตระกูลจู
“จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่าไม่ง่ายก็ไม่ง่าย” กู้ฮ่าวอวี้วางข้อมูลในมือลงด้านข้าง “นายอยากจะทำอะไร”
“ผมแค่จะจัดการกับจูเฉียนหลาน ไม่ใช่ตระกูลจูทั้งหมด ทำไมต้องจัดการตระกูลจูทั้งหมดด้วย?” ลู่ชิงสีตอบอย่างชัดเจนเกี่ยวกับจุดประสงค์ของเขา “ท้ายที่สุด ตระกูลจูไม่ใช่ตระกูลเล็ก ๆ เหมือนกับตระกูลจาง ตอนนี้ ถ้าผมจะจัดการกับตระกูลจูทั้งหมด มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อีกอย่างถ้าตระกูลจูตอบโต้ขึ้นมา ด้วยความสามารถของผมในตอนนี้ ผมคงไม่สามารถปกป้องเจียงเหยาและครอบครัวของตัวเองได้ แล้วทำไมผมต้องเสี่ยงด้วยล่ะ?”