ตอนที่แล้วเกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 18
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 20

เกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 19


เกิดใหม่เป็นลิโป้ ตอนที่ 19

วันรุ่งขึ้น หลังจากหารือกันแล้ว ลิโป้และลิซกก็เดินออกจากบ้าน

แม้ว่าเมืองลั่วหยางในเวลานี้จะวุ่นวาย แต่ถนนเส้นที่บ้านของลิซกตั้งอยู่มีนายทหารระดับสูงเฝ้าดูแล จึงเงียบสงบต่างจากส่วนอื่นของเมือง ไม่มีทหารปลายแถวกล้ามารังควานแต่อย่างใด

ตอนนี้เป็นเวลาสายแล้ว กระนั้นบนถนนกลับมีผู้คนเดินอยู่อย่างบางตา แม้ว่าการเดินทางมาครั้งนี้จะไม่อาจชักชวนกาเซี่ยงเข้าร่วมได้สำเร็จ แต่เขาก็ได้ลิซกมา และกาเซี่ยงก็มีความประทับใจที่ดีต่อตัวเขา ไม่นับว่าขาดทุนแต่อย่างใด

"เฮ้อ ในที่สุดก็ได้ออกมาข้างนอกเสียที ขอบใจเจ้ามากซิ่วเอ๋อร์"

"พี่หญิงหลานเอ๋อร์ ตอนนี้เมืองลั่วหยางเต็มไปด้วยความวุ่นวาย พวกเราควรระมัดระวัง ไม่อย่างนั้นจะต้องถูกท่านซือถู(อุปราช)ตำหนิแน่"

เสียงเจื้อยแจ้วที่ดังขึ้นพลันเพิ่มความมีชีวิตชีวาให้ถนนอันเงียบเหงาเส้นนี้

ลิโป้ที่กำลังก้าวเดินอยู่พลันแข็งทื่อ เงาร่างที่อยู่ห่างออกไปให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยแก่เขา คล้ายคลึงกับน้องสาวพลัดพรากจากกันไปเมื่อนานมาแล้ว

"ซิ่วเอ๋อร์ นั่นเจ้าหรือ?" ลิโป้พึมพำ

"ซิ่วเอ๋อร์นี่เสน่ห์แรงจริงๆ ทุกครั้งที่ออกมา ผู้คนล้วนแต่พากันจ้องมองจนไม่ละสายตา ไม่รู้ว่าผู้ใดจะโชคดีได้แต่งงานกับเจ้าในอนาคตกันนะ"

"พี่สาวหลานเอ๋อร์อย่าได้พูดแล้ว" ซิ่วเอ๋อร์หน้าขึ้นสี

ด้วยผ้าพันแผลที่พันอยู่ทั่วใบหน้า ลิโป้จึงเดินอยู่บนถนนอย่างไม่หวั่นเกรงว่าจะมีผู้ใดจดจำออก อย่างไรเสียเวลานี้เมืองลั่วหยางก็วุ่นวายเกินไป ผู้คนย่อมไม่มีเวลามาสนใจผู้อื่น

ซิ่วเอ๋อร์ที่เดินอยู่ในกลุ่มคนสังเกตเห็นลิโป้ที่ห่างออกไปไม่ไกล ใบหน้าอันคุ้นเคยนั้นทำให้นางชะงักในทันที นางย่อมไม่ลืม แม้จะผ่านมานานหลายปี นางก็ยังไม่อาจลืมเลือนเด็กชายที่เสียสละตัวเอง ปกป้องนางจากกลุ่มโจร ช่วงเวลาที่ทั้งสองได้ใช้ร่วมกันนั้น เป็นช่วงเวลาที่นางไม่เคยลบเลือนจากใจ

"หลีกทาง หลีกทาง เจ้าหน้าที่กำลังออกปฏิบัติการ" ทหารม้ากลุ่มหนึ่งควบม้าพลางตะโกนมาแต่ไกล

ลิโป้ที่กำลังเดินอยู่จึงรีบหยุดเท้า เขาก้มหัวลงต่ำก่อนจะเดินหลีกทางไป

"นั่นใช่เขาหรือไม่?" แม้จะมองดูลิโป้เดินหายลับจากสายตาแล้ว ซิ่วเอ๋อร์ก็ยังไม่รั้งสายตากลับมา

"น้องซิ่วเอ๋อร์ เจ้าชอบคนผู้นั้นหรือ?"

"เหลวไหล" ซิ่วเอ๋อร์ตอบอย่างขุ่นเคือง

วันที่สี่หลังจากลิโป้ออกจากค่ายของกองทัพพันธมิตร ภายใต้การ "โหมบุก" ของกองกำลังผสม ด่านกิสุยก๋วนที่ตั๋งโต๊ะสละละทิ้งก็ถูกตีแตก

หลังจากตีด่านกิสุยก๋วนแตก เหล่าเจ้าเมืองก็ตั้งค่ายจัดเลี้ยงขึ้นที่นอกด่านเฮาโลก๋วนทุกวี่วัน ทั้งหมดสังสรรค์เฮฮา ไม่มีความคิดบุกตีลั่วหยางแต่อย่างใด

อันที่จริง เรื่องที่ตั๋งโต๊ะกำลังจะย้ายเมืองหลวงไปยังฉางอันนั้นล่วงรู้มาถึงหูของเหล่าบรรดาเจ้าเมืองแล้ว ทว่าผู้ใดก็ไม่ต้องการส่งไพร่พลออกไปตายเพื่อบุกยึดด่าน เมื่อเมืองลั่วหยางตั้งอยู่เบื้องหน้า บรรดาเจ้าเมืองก็เริ่มระมัดระวังตัว ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ต่างก็ไม่โง่เขลา หากออกรบจนสูญเสียกำลังคนและม้าจนสิ้น ถึงตอนนั้นยังจะมีสิทธิ์มีเสียง ร้องขอความดีความชอบอีกหรือ?

ยิ่งกว่านั้นด่านเฮาโลก๋วนยังเป็นปราการด่านสุดท้ายที่ปกป้องคุ้มครองเมืองลั่วหยาง ความอันตรายในการเข้าตีย่อมไม่ใช่สิ่งที่ด่านกิสุยก๋วนจะเทียบเปรียบได้

"ท่านแม่ทัพกลับมาแล้วหรือ?" เมื่อได้รับข่าวว่าลิโป้กลับมาแล้ว โกซุ่นก็ดีใจ

"ซุ่นจื่อ ไม่พบหน้าไม่กี่วัน ดูเจ้าผอมลงนะ" ลิโป้กล่าวสัพยอก

"หลายวันมานี้ แม่ทัพซุน แม่ทัพกองซุน และแม่ทัพโจต่างก็แวะเวียนมาเยี่ยมท่านแม่ทัพหลายครั้ง โจเส็งจึงเป็นตัวแทนท่านแม่ทัพออกไปหารือ" โกซุ่นเป็นคนสัตย์ซื่อ ดังนั้นจึงฟังคำหยอกเย้าของลิโป้ไม่ออก ได้แต่ปล่อยจางไป

"ในทัพมีเรื่องใดเกิดขึ้นหรือไม่?"

"ตอนนี้กองทัพเรามีทหารที่สามารถต่อสู้ได้แปดพันสองร้อยสามสิบคน เหล่าทหารที่บาดเจ็บกำลังได้รับการดูแลตามคำสั่งของท่านแม่ทัพ แต่แม่ทัพอ้วนสุดมาหาเรื่องที่ค่ายอยู่บ่อยครั้ง บอกว่าท่านแม่ทัพกลัวว่าจะต้องเข้าสู่สนามรบ ดังนั้นจึงแสร้งว่าล้มป่วย ช่างน่ารังเกียจนัก" โกซุ่นกล่าวอย่างเดือดดาล

"ยึดด่านกิสุยก๋วน ปิงโจวต้องสูญเสียไพร่พลถึงสองพันกว่า แล้วข้าจะกลับไปอธิบายต่อครอบครัวของพี่น้องเหล่านั้นว่าอย่างไร" ลิโป้ถอนหายใจ

"ส่วนอ้วนสุด ช่างเขาเถอะ"

"ท่านแม่ทัพช่างมีน้ำใจและเปี่ยมไปด้วยคุณธรรม เหล่าทหารที่ตายก็ตายอย่างไม่นึกเสียใจแล้ว" โกซุ่นตาแดงก่ำ

ลิโป้ส่ายหน้า "ผู้ใดจะไม่ต้องการมีชีวิตอยู่กัน? จดชื่อผู้ที่ตายให้ดี หลังจากกลับไปปิงโจวแล้ว ครอบครัวของพวกเขาจะได้รับการชดเชย ไม่ควรผิดต่อเหล่าทหารหาญที่พลีชีพในสงคราม"

โกซุ่นร่างสั่นสะท้าน วินาทีนี้ เขารู้สึกราวกับว่าร่างกายของลิโป้ดูสูงใหญ่นัก หลังจากใช้ชีวิตอยู่ในกองทัพพันธมิตรมาหลายวัน เขาก็ทำความเข้าใจเกี่ยวกับทหารของเจ้าเมืองคนอื่นๆ หากว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่รอพวกเขาอยู่ไม่ใช่หอมรักษา หากแต่เป็นกระบี่ปลิดปลง นี่เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะไพร่พลที่บาดเจ็บสาหัสเหล่านี้ มีชีวิตอยู่ต่อก็จะเป็นภาระของกองทัพไปเปล่าๆ

ไม่เพียงจะเลือกรักษาไพร่พลที่บาดเจ็บสาหัส หากแต่ลิโป้ยังให้จดบันทึกชื่อแซ่ของทหารที่ตาย ตระเตรียมมอบค่าชดเชยให้กับครอบครัวของพวกเขา สิ่งนี้ทำให้เหล่าทหารซาบซึ้งใจอย่างมาก สุดท้ายแล้วก็ไม่มีไพร่พลคนไหนอยากจะตายที่ต่างแดนโดยที่ครอบครัวของพวกเขาไม่ทราบข่าว หากพวกเขาได้รู้ว่าจะได้รับเงินบำนาญอย่างใจกว้างเช่นนี้ ขวัญกำลังใจของไพร่พลทั้งหมดจะต้องสูงขึ้นอย่างแน่นอน

"ข้าน้อยจะจัดการไม่ให้ผิดพลาดขอรับ" โกซุ่นกุมหมัดเอ่ยรับอย่างหนักแน่น

"ดี ต้องลำบากเจ้าแล้ว" ลิโป้ตบบ่าโกซุ่นเบาๆ ไม่มีเวลาให้เขาได้พักผ่อนแต่อย่างใด ดังนั้นเขาจึงผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะเดินทางไปยังกระโจมหลักของค่ายพันธิมตร

"หลังจากด่านกิสุยก๋วนถูกตีแตก อาการป่วยของแม่ทัพลิก็ดีขึ้นทันตาเลยงั้นรึ? ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ" คนแรกที่เห็นลิโป้เดินเข้ามาก็คืออ้วนสุด คนผู้นี้ฉวยโอกาสช่วงที่ลิโป้ "ล้มป่วย" ออกคำสั่งให้ทหารทัพปิงโจวออกรบไม่หยุด หากไม่ใช่เพราะโจเส็งและโกซุ่นตื่นตัวและยับยั้งไว้ได้ทัน ทัพปิงโจวคงเสียหายหนักกว่านี้

"ขอบคุณสำหรับความห่วงใยของแม่ทัพอ้วน อาการของข้าดีขึ้นมากแล้ว" ลิโป้จ้องหน้าอ้วนสุดอย่างโมโห

"ท่านแม่ทัพ" โจเส็งรีบเดินมาอยู่ทางด้านหลังของลิโป้

"ท่านแม่ทัพลิเพิ่งหายดี ควรดื่มสามจอกใหญ่" อ้วนเสี้ยวเวลานี้ดูมีความสุขอย่างมาก ในฐานะผู้นำพันธมิตร เขาสามารถบีบให้ตั๋งโต๊ะต้องหลบหนี เวลานี้เขาจึงรู้สึกราวกับในมือกำลังกุมโลกไว้ทั้งใบ ส่วนฮ่องเต้นั้น เขาไม่ได้คิดจะช่วยเหลือแต่อย่างใด ตราบที่ยังชูธงอ้างว่ายกทัพมาช่วยเหลือฮ่องเต้ เขาก็จะดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำแห่งกองทัพพันธมิตร

"ขอบคุณท่านผู้นำ" ลิโป้พยักหน้าให้ซุนเกี๋ยนและคนอื่นๆ จากนั้นจึงรินเหล้าใส่จอกอย่างไม่ยินดียินร้าย ตัวเขาพบว่าระหว่างเจ้าเมืองนั้นเกิดบรรยากาศอันแปลกประหลาดขึ้นมา อ้วนสุดยกจอกสุรา เอ่ยปากยกยอกันไปมากับเจ้าเมืองที่มาร่วมยินดี ส่วนกองซุนจ้านนั้นเหมือนกับเขา เพียงรินเหล้าดื่มกับตนเองเงียบๆ ม้าเท้งก็เช่นกัน ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เจ้าเมืองภาคกลางคล้ายมีท่าทีกีดกันเหล่าเจ้าเมืองชายแดน

งานเลี้ยงจบลงด้วยบรรยากาศแปลกประหลาด ไม่มีผู้ใดเอ่ยถึงเรื่องการบุกเข้าตีด่านเฮาโลก๋วนแต่อย่างใด

ขณะที่ลิโป้กำลังเดินกลับค่าย ซุนเกี๋ยนก็เดินเข้ามาหา

สำหรับซุนเกี๋ยนนั้น ลิโป้มีความประทับใจที่ดีต่อเขาอยู่บ้าง จึงเอ่ยถามไป "แม่ทัพซุน มีเรื่องอะไรรึ?"

สัมผัสได้ถึงความเฉยชาในน้ำเสียงของลิโป้ ซุนเกี๋ยนก็ยิ้มอย่างขมขื่น "แม่ทัพลิ ท่านก็ได้เห็นสถานการณ์ของพวกเจ้าเมืองแล้ว พวกเขาเอาแต่ปกป้องตัวเอง ข้าก็เช่นกัน จากไพร่พลสองหมื่น ตอนนี้เหลือเพียงหกพัน ที่น่ารังเกียจยิ่งกว่านั้นคือ อ้วนสุดยังมักจะหักเสบียงของกองกำลังต่างๆอยู่บ่อยครั้ง"

"ตระกูลอ้วนสืบเชื้อสายขุนนางมาสี่สมัย คิดไม่ถึงว่าจะปรากฏคนชั่วช้าอย่างอ้วนสุดขึ้นมา สถานการณ์ของทัพปิงโจวข้าก็ไม่ดีกว่ากันสักเท่าใด" ลิโป้ถอนหายใจ

"น้องเฟิ่งเสียน ข้าได้ยินมาว่าโจรเฒ่าตั๋งโต๊ะกำลังจะย้ายเมืองหลวงไปยังฉางอัน เมื่อยึดด่านกิสุยก๋วนได้แล้ว ทำไมพวกเราจึงไม่เคลื่อนทัพ บุกตีด่านเฮาโลก๋วน กำจัดขุนนางโฉดข้างองค์ฮ่องเต้ กอบกู้ต้าฮั่นในคราเดียวเล่า?" นี่เป็นคำถามที่ค้างคาอยู่ในใจซุนเกี๋ยนมาตลอดหลายวัน

"พี่เหวินไถ เรื่องนี้ท่านคงต้องไปท่านผู้นำเองแล้วล่ะ ข้าไม่ขอออกความเห็น" หลังจากได้ฟังคำพูดของกาเซี่ยง ลิโป้แน่นอนว่าย่อมไม่ประมาท ที่เขาคิดตอนนี้คือการรักษากำลังไว้และกลับไปยังปิงโจว

"ข้ามีเรื่องกังวล อยากขอความช่วยเหลือจากน้องเฟิ่งเสียน" ซุนเกี๋ยนกล่าวด้วยความลำบากใจ