STBI : ตอนที่ 59 โลกโบราณ
ชิวเสิ่น เป็นศิษย์อาวุโสของ ยอดเขาเทียนเหว่ยเฟิง แม้ว่าเขาจะแปลกใจเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกเกรงกลัว
หากเปรียบเทียบสถานการณ์ตอนอีกฝ่ายยังเป็นศิษย์ใหม่ อีกฝ่าย มีความสามารถที่จะติดอยู่ในรายชื่ออันดับต้น ๆ งั้นหรือไม่? อีกอย่าง เหล่าศิษย์ของนิกายศักดิ์สิทธิ์ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีความสามารถ หากพวกเขากลัวที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ก็คงไม่อาจบ่มเพาะพลังได้อย่างราบรื่นเป็นเส้นทางนั้น
ความมั่นใจไม่ใช่ความหยิ่งทะนง แม้จะบอกว่าไม่กลัวแต่ก็ควรจะให้เกียรติ นี่แหล่ะคือวิถีการฝึกฝนที่ไร้เทียมทาน
นี่เป็นเหตุผลที่ เหตุใด ชิวเสิ่น ถึงสุภาพต่อทั้ง 3 คน ไม่เพียงแต่อีกฝ่ายมีความสามารถโดดเด่น อีกทั้งยังเป็น 3 คนที่โดดเด่นในหมู่เหล่าศิษย์ใหม่ด้วยหรือก็คือพวกเขามีอนาคตที่ไร้ขีดจำกัด
หลังจาก ชิวเสิ่น ได้แนะนำตัวเอง เขาก็หันหน้าไปมองอีกคนนึงที่มีผมยาวสีดำและกล่าวแนะนำ :
“นี่คือศิษย์น้อง เสิ่นอู๋เหว่ย ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้าเคยเจอกันหรือเปล่า แต่ความแข็งแกร่งของศิษย์น้องเสิ่นเป็นรองเพียงแค่ศิษย์น้องไป๋เท่านั้น”
ไป๋ตงหลิน มองไปที่ เสิ่นอู๋เหว่ย เขารู้สึกว่าคนตรงหน้ามีกลิ่นอายที่เย็นชาจนเสียดแทงกระดูกตามข่าวลือ อีกทั้งรูปร่างหน้าตาของเขาก็สวยงามผิดปกติ ดังนั้นเขาจึงโค้งเล็กน้อยและยื่นมือออกไปทักทายอย่างสุภาพ :
“ยินดีที่ได้พบ พี่เสิ่น ได้ยินชื่อเสียงมานานในที่สุดวันนี้ก็ได้เจอกันสักที”
เสิ่นอู๋เหว่ย ที่ได้ยิน เขาได้คลายความเคร่งขรึมของเขาลงเล็กน้อยและตอบกลับอย่างสุภาพ :
“พี่ไป๋ ก็ยกย่องมากเกินไป ในฐานะ ผู้นำผังรายชื่อคนใหม่ ขอแสดงความยินดีด้วย!”
“ฮ่าฮ่า มิกล้า มิกล้า เป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ!”
ทั้งสองคนได้ทักทายกันอย่างเป็นมิตรในเวลานี้
“ส่วนนี่คือ ศิษย์น้องถู๋หยา เขาเองก็แข็งแกร่งมาก และ เป็นรองเพียงพวกเจ้าสองคนเท่านั้น”
ถู๋หยา ขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังจากได้ยินสิ่งนี้ เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แม้แต่ ไป๋ตงหลิน ก็เข้าใจถึงเจตนารมณ์ของอีกฝ่ายผ่านระหว่างคิ้วของเขา อีกฝ่ายดูเหมือนคนก้าวร้าว คนประเภทนี้จะมีบุคลิกที่แข็งแกร่งและไม่สามารถสื่อสารได้โดยง่าย
“สวัสดี พี่ถู๋”
อีกฝ่าย ได้พยักหน้า เล็กน้อย แต่ ไป๋ตงหลิน ไม่ได้ใส่ใจ เพราะคนที่เรียกเขามาวันนี้ไม่ใช่อีกฝ่าย
“เอาล่ะ ศิษย์น้องทั้งสาม ในเมื่อทำความรู้จักกันแล้ว พวกเราก็มาดื่มไปพูดคุยไปเป็นไง?”
ชิวเสิ่น ได้เติมเหล้าให้ทั้ง 3 คนเป็นการส่วนตัว ดูเหมือนว่าเรื่องที่จะพูดคุยกันนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย แม้แต่สาวใช้ ก็ยังถูกไล่ออกไป จิตวิญญาณของ ไป๋ตงหลิน ได้ขยับเล็กน้อย เขารู้สึกว่าบนร้านอาหารชั้นนี้ถูกปกคลุมไปด้วยข่ายอาคมที่แยกเป็นพื้นที่ส่วนตัว
หลังจากดื่มเหล้าไป 3 แก้ว และ ลิ้มลองรสชาติอาหาร ชิวเสิ่น ก็วางตะเกียบลง หัวใจของ ไป๋ตงหลิน ได้สั่นไหวไปชั่วขณะ ดูเหมือนว่า จุดสำคัญของเรื่องจะมาถึงแล้ว ในเวลานี้ ชิวเสิ่น ได้กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม :
“ศิษย์น้องทั้ง 3 ข้าเพิ่งได้รับข้อมูลบางอย่างมา ในไม่ช้า นิกายศักดิ์สิทธิ์ จะประกาศงานใหญ่ สำหรับ ศิษย์ใหม่อย่างพวกเจ้า เหตุการณ์นี้ อาจจะเป็น หายนะของชีวิต ความตาย หรือ กระทั่ง โชคลาภ!”
ดวงตาของทั้ง 3 คนได้หรี่ลง แน่นอนว่า ชิวเสิ่น ไม่มีทางล้อเล่นกับพวกเขา แต่เพราะพวกเขาอยากรู้ว่าเหตุใด ถึงทำให้ ศิษย์พี่ชิวเสิ่น คนนี้ให้ความสนใจอย่างมาก
ชิวเสิ่น ที่เห็นทั้ง 3 คนดูเคร่งขรึม เขาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและพูดต่อ :
“หลังจากได้ยินข่าวนี้เหล่าผู้อาวุโสของนิกายศักดิ์สิทธิ์ต่างประหลาดใจเป็นอย่างมาก เพราะสถานที่แห่งนั้นจะปรากฏขึ้นเพียงครั้งเดียวในรอบหมื่นปี เพียงแต่ ไม่คาดคิดเลยว่าครั้งนี้ มันจะปรากฏขึ้นเร็วก่อนกำหนด”
“เหตุผลที่ ข้ากล้าพูดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นเพราะอีกไม่นาน นิกายศักดิ์สิทธิ์จะประกาศเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ดังนั้นหวังว่าพวกเจ้าจะเข้าใจ”
ชิวเสิ่น ได้หยิบหลอดหยกสีขาวออกมา 3 หลอด แล้ววางลงบนโต๊ะ พร้อมกับกล่าวออกมา :
“ศิษย์น้องทั้ง 3 เหตุผลที่ข้าเชิญพวกเจ้าทั้ง 3 คนมาก็เพื่อทำข้อตกลงบางอย่างเพราะข้าต้องการของบางอย่างจากที่นั่น แน่นอนว่า ข้าคนนี้ จะจ่ายด้วยแต้มผลงาน 100,000 แต้ม สำหรับของชิ้นนั้น!”
ดวงตาของพวก ไป๋ตงหลิน ทั้ง 3 ได้ตกตะลึง แต้มผลงาน 100,000 แต้ม ช่างเป็นอะไรที่ค่อนข้างมากมายจริง ๆ
ดูเหมือนว่าสิ่งของที่ ชิวเสิ่น กำลังมองหา ไม่ใช่สิ่งของธรรมดาอย่างแน่นอน
และสถานที่ที่อีกฝ่ายพูดถึงคืออะไรกัน?
“ข้ารู้ว่า ศิษย์น้องทั้ง 3 คงยังมีข้อสงสัยมากมายในใจ และ พวกเจ้าจะเข้าใจโดยธรรมชาติในอนาคตอันใกล้นี้ ส่วนนี่ คือแผนที่ทั้ง 3 และ มันมีข้อมูลของสิ่งของที่ข้าต้องการอยู่ในนี้”
“ไม่ว่าพวกเจ้าทั้ง 3 จะยินยอม ค้นหาสิ่งที่ข้าต้องการหรือไม่ อันนี้ข้าไม่ได้บังคับพวกเจ้า แต่อย่างน้อยหลังจากรับแผนที่นี้ไปก็ถือซะว่า พวกเราได้ตกลงเป็นสหายกันแล้ว”
“เพราะถึงอย่างไรพวกเจ้าทั้ง 3 คนก็ต้องไปที่นั่นอยู่ดี”
หลังจาก ชิวเสิ่น พูดจบ เขาก็ยื่นหลอดหยกให้ทั้ง 3 คน ไป๋ตงหลิน ได้พิจารณาและหยิบหลอดหยกขึ้นมา เขารู้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้น้อยเกินไป ดังนั้นจึงยังไม่ได้ตอบตกลง
แน่นอนว่าหลังจากที่ทั้ง 3 คนรับหลอดหยกไปแล้ว ชิวเสิ่น ก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อ เขาแค่พูดเรื่องเล็กน้อยเกี่ยวกับนิกายศักดิ์สิทธิ์ด้วยรอยยิ้ม หลังจากที่ทั้ง 4 คนกินและดื่มกันเป็นเวลา ครึ่งชั่วยาม ไป๋ตงหลิน และ คนอื่น ๆ ก็ทยอยจากกันไปทีละคน
“พี่ไป๋ โปรดรอก่อน!”
ขณะที่ ไป๋ตงหลิน กำลังจะจากไปบนถนน เขาได้ถูกหยุดโดยใครบางคน และ เมื่อเขามองย้อนกลับไป ก็พบ บุรุษผมยาวสีดำที่มีผิวพรรณสีขาว แม้ว่าคนผู้นี้จะค่อนข้างเย็นชา แต่ก็ให้ความรู้สึกที่น่าประทับใจ ดังนั้นเขาจึงได้กล่าวออกมา
“พี่เสิ่น ยังมีธุระอะไรกับข้าอีกงั้นหรือ?”
“พี่ไป๋ ข้าจะเข้าท้าทายเจดีย์ถงเทียนใน 1 เดือนนี้ และ ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง!”
เสิ่นอู๋เหว่ย ได้พูดจบและจากไปในทันที
ไป๋ตงหลิน ผงะไปชั่วครู่ นี่มันคือการท้าทายโดยตรงงั้นหรือไม่?
ดูเหมือนว่าเขาจะต้องเร่งรีบค้นหาวิธีแก้ไขปัญหาซอมบี้หน้าเขียวแล้ว หลังจากครุ่นคิด เขาก็สั่นศีรษะและไม่สนใจมัน เขาได้เปิดประตูแสงและก้าวเข้าไปในพื้นที่ทันที
…
ภายในพื้นที่มิติไร้สิ้นสุด มีเศษของสิ่งของจำนวนมากกำลังลอยอยู่ และ มีความปั่นป่วนทางพื้นที่มิติเป็นครั้งคราว กระทั่ง พายุที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าถูกซ่อนเอาไว้
ในเวลานี้ สัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ค่อย ๆ ปรากฏขึ้น ในส่วนลึกของมิติ ที่นี่คือโลกอันกว้างใหญ่ มันเปล่งประกายไปด้วยแสงระยิบระยับที่ไม่สามารถมองเห็นได้โดยตรง และ นี่คือกำแพงที่ไม่อาจทำลายได้ของโลก
ภายในโลกอันกว้างใหญ่นี้ ทุกสิ่งอย่าง ล้วนถูกบดขยี้และหวนคืนสู่ความว่างเปล่า
พื้นที่มิตินี้เต็มไปด้วยความโกลาหล แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่อาจทิ้งร่องรอยไว้บนกำแพงโลกได้
และในทิศทางตรงข้ามของโลกอันกว้างใหญ่นี้ก็มีโลกที่ใหญ่กว่ามากมายนับไม่ถ้วน
โลกพวกนี้กำลังระงับพื้นที่มิติที่เต็มไปด้วยความโกลาหลและโอบล้อมมันเอาไว้
โลกแห่งนี้คล้ายกับว่ามันกำลังมีชีวิต ทุกการหายใจของพวกมันล้วนปล่อยพลังงานจำนวนมากออกมา อีกทั้งยังทำให้เกิดกระแสน้ำวนนับไม่ถ้วน สิ่งใดก็ตามที่ลอยอยู่ในมิตินี้จะถูกกระแสน้ำวนหั่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและเปลี่ยนเป็นพลังงานอันบริสุทธิ์ไว้ให้โลกคอยดูดซับ
นี่คือวิถีการดำเนินการของโลกใบนี้
…
ณ ดินแดนแห่งนึง
ขั้วตะวันออกเหนือมหาสมุทรไร้ขอบเขต
ชายชราในชุดยาวสีขาวที่มีเครา ได้ยืนอยู่ในความว่างเปล่า เสื้อคลุมของเขาปักไปด้วยลวดลายสีทองอันงดงาม ในเวลานี้ เขาได้ทอดตามองผ่านโลกหล้า ราวกับว่าเขาสามารถมองผ่านทุกสิ่งในโลกได้
ชายชราได้เหยียดมือขวาออกมาพร้อมกับเข็มทิศทองเหลือง มีอักขระจำนวนมากบนเข็มทิศและมันกำลังหมุนวนเป็นลูกบอลแสงขนาดใหญ่ จากนั้นก็มีจุดแสงจำนวนมากปรากฏขึ้นในเข็มทิศและลอยอย่างไม่มีกำหนด
ชายชราจ้องไปที่ลูกบอลแสงเหนือเข็มทิศ และ ทันใดนั้น ก็มีตัวตนลึกลับปรากฏขึ้นภายใต้กรอบสายตาของเขา
“เฒ่าเทียนจี เจ้าประเมินเวลาเฉพาะเจาะจงของการมาถึงของโลกยุคโบราณได้แล้วงั้นหรือไม่?”
เสียงชราได้ดังมาจากความว่างเปล่า จากนั้น ชายชราในชุดดำ ก็ก้าวผ่านมิติอวกาศและปรากฏตัวที่ด้านข้างชายชราในชุดขาวที่มีนามว่า เทียนจี
“แปลก นี่มันแปลกเกินไปแล้ว เหตุใดมันถึงปรากฏขึ้นเร็วกว่ากำหนดตั้ง 10,000 ปี นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยโบราณ…”
ผู้เฒ่าเทียนจี ไม่ได้ตอบชายชราในชุดดำ ดวงตาของเขายังคงจดจ้องไปที่ เข็มทิศและพึมพัมกับตัวเอง
ชายชราในชุดดำสั่นศีรษะ จากนั้นเขาก็รีบเข้าไปในความว่างเปล่าและกล่าวพูดขึ้น :
“พวกเจ้าเหล่าผู้เฒ่า เหตุใดถึงยังซ่อนตัวอยู่อีก ไม่ได้พบพวกเจ้าเป็น หมื่น ๆ ปี ไม่คิดจะออกมาพบหน้าหสายเก่ากันหน่อยหรือ?”
ทันทีที่ เสียงของชายชราดังขึ้น พื้นที่โดยรอบก็สั่นสะเทือน จากนั้นร่างจำนวนนึง ก็ก้าวออกมาและยืนอยู่ในความว่างเปล่า เมื่อทุกคนปรากฏตัวขึ้น เวลาและพื้นที่โดยรอบก็บิดเบี้ยวเล็กน้อย ราวกับว่ามันถูกรบกวนด้วยรัศมีพลังที่มองไม่เห็น
ในบรรดาคนเหล่านี้ที่มีมากกว่า 10 คน มีทั้ง ชายและหญิง เด็กและผู้ใหญ่ กระทั่งบางคน ยังเป็นปีศาจเฒ่าหัวโบราณ นักปราชญ์ นักบวชเฒ่า ฯลฯ …
“หลังจากเดือน ซานเยว่ โลกโบราณจะปรากฏขึ้นอีกครั้ง”
“อย่างไรก็ตาม ข้ายังคงมีข้อสงสัย เป็นไปไม่ได้ที่โลกโบราณจะปรากฏขึ้นล่วงหน้าถึงหมื่นปีโดยไม่มีเหตุผล ข้าคิดว่าเรื่องนี้มันแปลกมาก”
หญิงงามในชุดพระราชวังได้แสดงท่าทางของนางและกล่าวออกมา :
“เทียนจี เจ้าหมายความว่าเจ้าพวกนั้นเป็นคนทำงั้นหรือไม่?”
“เป็นไปไม่ได้ ซวนจี เจ้าประเมินพวกมันสูงเกินไป แม้แต่พวกเราก็ไม่อาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการดำเนินตามวิถีของโลกยุคโบราณได้ พวกมันก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้!”ชายชราในชุดดำได้ขมวดคิ้วและตะโกนเสียงดัง
ในเวลานี้ นักบวชเฒ่าที่มีแสงพุทธเก้ารอบปรากฏขึ้นอยู่ที่ด้านหลังเศียร ได้ประสานพระหัตถ์เข้าด้วยกันและกล่าวออกมา :
“อมิตาภพุทธ ในความเห็นของข้า ทุกสิ่งอย่างล้วนมีเหตุและผล ในเมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นกับโลกโบราณ มันย่อมมีบางสิ่งตามมาอย่างแน่นอน และ พวกเราจะต้องระวังตัวเอาไว้”
“หึ่ม เรื่องนี้ พวกเราต้องกลับไปรายงานต่อบรรพบุรุษหมิง หากพวกมันกล้าที่จะเข้าไปยังโลกโบราณ พวกเราจะกำจัดมันทิ้งซะ!”
“อมิตาภพุทธ!”
“ข้าเห็นด้วย!”
ทุกคนได้หายตัวไปในทันที เวลาและพื้นที่ที่ถูกรบกวน ค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
ผู้เฒ่าเทียนจี ที่ถูกทิ้งเอาไว้ให้อยู่ตามลำพัง ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาสัมผัสได้ถึงความลับที่วุ่นวาย ทำให้เขาถอนหายใจออกมาและหายตัวไป