STBI : ตอนที่ 57 พ่ายแพ้
ไป๋ตงหลิน ปรากฏตัวบนชั้นที่ 37 ของ เจดีย์ถงเทียน
เขามองไปยังพื้นที่โดยรอบ และ พบหลุมฝังศพ ที่มีดวงจันทร์สีโลหิตแขวนอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืน
สภาพของหลุมศพของที่นี่ ค่อนข้างเละเทะ ที่นี่ มีสายลมที่มืดมนไหลผ่าน และ หมอกที่หนาเต๊อะปกคลุมพื้นที่โดยรอบพื้นที่แห่งนี้ กระทั่งมีเศษประกายเปลวไฟสีเขียวส่องประกายอยู่ในหมอกเป็นครั้งคราว
นี่มันอะไรกัน?
ไป๋ตงหลิน ขมวดคิ้วแน่น เขาหวังว่าจะไม่ได้เจอพวกตัวประหลาด เพราะมันจะเป็นการต่อสู้ที่น่ารำคาญที่สุด
สัมผัสวิญญาณของเขาได้หลั่งไหลออกมาและตรวจสอบการเคลื่อนไหวโดยรอบ จากนั้น ไป๋ตงหลิน ก็มองไปที่ สุสานขนาดใหญ่ เขาสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่เย็นยะเยือกและทรงพลังอยู่เบื้องลึก
กึก—
ราวกับว่าการจ้องมองของ ไป๋ตงหลิน ได้ปลุกสิ่งมีชีวิตที่อยู่ข้างใต้หลุมศพ ทำให้มันพยายามตะเกียกตะกายออกมา
ในเวลานี้ มีโลงศพสีแดงขนาดใหญ่ที่ปรากฏเสียงอันเด่นชัด ไป๋ตงหลิน ได้หรี่ตาลง เขาได้ระเบิดพละกำลังของเขาใส่โลงศพสีแดงด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี
บึ้ม!
โลงศพสีแดงที่ถูกฉีกออกเป็นชั้น ๆ ทันใดนั้น ร่างที่สง่างามของมันก็กระโดดออกมาและตกลงในระยะไกล
ผีดิบ?
ไป๋ตงหลิน ได้มองไปที่มันครู่นึง สิ่งมีชีวิตที่ไม่เป็นที่รู้จัก ได้กระโดดออกมาจากโลงศพสีแดง นอกจากใบหน้าสีเขียวคล้ำแล้ว ทั่วร่างของมันยังแผ่กลิ่นอายอันเย็นยะเยือกออกมา
ยกเว้นเสื้อผ้าของมันที่ดูไม่ขาดหลุดรุ่ย ทุกสิ่งอย่างของมันล้วนเหมือนกับ ผีดิบ เป็นอย่างมาก
ถ้าเกิดเป็นผีดิบจริง มันก็ค่อนข้างลำบาก
อย่างที่ทราบกันดีว่า ผีดิบ นั้นเป็นสัตว์ประหลาดที่เกิดขึ้นภายใต้การหล่อเลี้ยงของพลังหยินแห่งสวรรค์และปฐพี สิ่งเหล่านี้ ถือกำเนิดขึ้นจากศพของคนที่เสียชีวิตและยังมีความคับข้องใจ เพราะพวกเขากระหายเลือดอย่างไร้สิ้นสุด ทำให้ฟื้นคืนความอาฆาตกลับมาอย่างท่วมท้น ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่สิ่งเหล่านี้กลับไม่มีจิตวิญญาณหลงเหลืออยู่
ทำให้เจ้าสิ่งนี้ไม่มีสตินึกคิดมีเพียงสัญชาตญาณเพียงเท่านั้น
เพื่อป้องกันความผิดพลาด ไป๋ตงหลิน ได้ตัดสินใจที่จะลองทดสอบดู เขาได้เปิดใช้เนตรจิตวิญญาณและโจมตีจิตวิญญาณของอีกฝ่าย
เพียงแต่ ผีดิบหน้าเขียวที่ถูกโจมตีทางจิตวิญญาณไม่ได้ตอบสนอง มันสังเกตุได้ว่า ไป๋ตงหลิน กำลังโจมตีตนเอง ทำให้มันโกรธจัดและคำรามออกมา
ร่างของมันได้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และ ไม่มีจุดติดขัดเหมือนกับ ผีดิบทั่วไป เห็นได้ชัดว่าร่างนี้เป็นร่างของผู้อาวุโสที่ทรงพลัง
หลังจากที่ตายไป แม้จะสูญเสียพลังในร่างไป แต่ร่างกายก็ยังคงความแข็งแกร่งเอาไว้
บูม! 1 คน และ 1 ร่าง ได้ปะทะกันอย่างดุเดือด สิ่งนี้ทำให้ พื้นที่หลุมฝังศพโดยรอบพลันระเบิดออกจากกัน
ความแข็งแกร่งของ ซอมบี้หน้าเขียวตัวนี้ แข็งแกร่งกว่า ปีศาจโลหิตอย่างมาก และ สิ่งสำคัญที่สุดของมันคือพลังป้องกันที่ไม่สนใจความเสียหายจากการโจมตีของ ไป๋ตงหลิน สิ่งนี้ทำให้ ไป๋ตงหลิน ตระหนักได้ถึงบางสิ่งที่น่าขยะแขยงในทันที
การเผชิญหน้ากับตัวอันตรายแบบนี้ ทำให้ พลังในการฟื้นฟูและเทคนิคลับของเขาไม่สามารถทำงานภายใต้การโจมตีของ ซอมบี้หน้าเขียว ตัวนี้ได้ และ ทุกครั้งที่มันโจมตี พลังงานชั่วร้ายบางอย่างก็จะแทรกซึมเข้าไปในร่า่งกาย และ ค่อย ๆ ระงับความสามารถในการฟื้นฟูของเขา
ในเวลานี้ จิตใจของ ไป๋ตงหลิน แทบจะกลายเป็นบ้า เขาพยายามมองหาทุกวิถีทางในการทำลายความได้เปรียบของอีกฝ่าย เผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีสตินึกคิดเช่นนี้ การโจมตีที่เด็ดขาดล้วนเป็นวิธีการที่ดีที่สุด
ไป๋ตงหลิน คิดจะใช้เทคนิคลับในการยับยั้งอีกฝ่าย ทันใดนั้น ทั่วร่างของเขา ก็ไหลเวียนไปด้วยพลังงานมหาศาล เซลล์เม็ดโลหิตในร่างกายได้เปลี่ยนเป็นสีขาวแพรวพราว
กำปั้นของ ไป๋ตงหลิน เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ดวงน้อยสองดวง
นี่คือเทคนิคลับต้าฉวน
ด้วยพลังอันร้อนระอุในร่างกาย สิ่งเหล่านี้ ได้แผดเผาพลังงานชั่วร้ายในร่างกายของเขาในทันที
อีกทั้งมันได้ระงับพลังงานชั่วร้ายรอบตัวของเขาอีกด้วย ผีดิบหน้าเขียว รู้สึกเบื่อหน่ายกับพลังงานอันสดใสนี้ มันได้พุ่งออกไปหวังจะทุบศีรษะของ ไป๋ตงหลิน
ไป๋ตงหลิน ไม่ได้หลบเลี่ยง เขาได้ใช้กำปั้นโจมตีสวนกลับโดยตรง และ ผลที่ตามมา ก็ไม่ได้ดีเท่าที่เขาคิด นอกจากการชดเชยพลังที่เข้าสู่ร่างกายแล้ว ความเสียหายที่ส่งผลถึง ผีดิบหน้าเขียว ก็ยังคงมีจำกัด
ช่องว่างความแข็งแกร่งของทั้งสองคนนั้นใหญ่เกินไป และ เขาได้พึ่งพาความแข็งแกร่งทางกายภาพและการฟื้นตัวเพียงเท่านั้น
ตอนนี้ พลังงานชั่วร้ายในร่างกายได้หายไป ทำให้ความสามารถในการฟื้นฟูของเขาดีขึ้น แต่มัน ก็แทบจะไม่สามารถต้านทานการโจมตีของ ซอมบี้หน้าเขียวได้ จนทำให้เกิดบาดแผลนับไม่ถ้วนบนร่างกายของเขาอย่างไม่รู้จบ
ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
หลังจากเผชิญหน้ากันหลาย 10 กระบวนท่า ไป๋ตงหลิน ก็แทบจะไม่เหลือพละกำลังมากพอที่จะป้องกันศีรษะของเขา ตอนนี้ ไป๋ตงหลิน กำลังตกที่นั่งลำบาก ซอมบี้หน้าเขียวนอกจากมันจะมีพละกำลังทางกายที่น่ากลัว มันยังสามารถเมินเฉยจากการโจมตีทางจิตวิญญาณได้อีกด้วย
ในที่สุด พลังโลหิตในร่างกายของ ไป๋ตงหลิน ก็หมัดลง และ กำปั้นตะวัน ก็ไม่สามารถรักษาไว้ได้อีกต่อไป ร่างกายของเขาได้ถูกพลังงานชั่วร้ายแทรกแซงอีกครั้ง ทำให้ ความสามารถในการฟื้นฟูของเขาถูกระงับ
ซอมบี้หน้าเขียว ได้แทงเข้าไปที่หน้าอกของ ไป๋ตงหลิน ด้วยมือของมัน ไป๋ตงหลิน ที่ไม่เหลือความสามารถในการฟื้นฟู เขาได้ตายลงในทันที
ทันทีที่ ไป๋ตงหลิน ถูกสังหาร ในโลกชั้นที่ 37 ของเจดีย์ถงเทียน ก็พลันหยุดชะงัก
การเคลื่อนไหวของทั้งสองฝ่ายได้หยุดลง แม้แต่ โลหิตที่สาดกระเซ็นก็เช่นเดียวกัน
ราวกับว่าทุกสิ่งอย่างล้วนถูกหยุดโดยปุ่มหยุดชั่วคราว จากนั้น หน้าจออันแข็งค้าง ก็เหมือนกับถูกย้อนเวลากลับไป กลับไปยังช่วงเวลาที่ ผีดิบหน้าเขียว ยังไม่ตื่นขึ้นมา และ ไป๋ตงหลิน ก็กลับมามีชีวิต จากนั้นเขาก็ถูกขับออกจาก เจดีย์ถงเทียน
เขาท้าทายล้มเหลว
เจดีย์ถงเทียน นั้นมีความสามารถมากมายที่ไม่อาจคาดเดา นอกจากความสามารถในการควบคุมพื้นที่มิติและเวลาแล้ว มันยังสามารถทำให้ศิษย์นับไม่ถ้วนสามารถท้าทายสนามรบเดียวกันได้
หลังจากที่ตาย ก็จะสามารถฟื้นคืนชีพ นี่เป็นการตั้งค่าของเจดีย์ถงเทียน สิ่งนี้ ก็เพื่อฝึกฝนการต่อสู้ของเหล่าศิษย์ อีกทั้ง นิกายศักดิ์สิทธิ์ ยังทำให้พวกเขารู้สึกราวกับว่าถูกฆ่าตายไปจริง ๆ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ตายจริงก็ตาม
แม้ว่าการตายในโลกใบเล็กนี้จะไม่ใช่การตายจริง แต่มันก็เป็นการตายที่มีความหมาย
โลกใบเล็กที่มีความสามารถนี้ทำให้ ไป๋ตงหลิน รู้สึกอิจฉามาก
เพราะความทรงจำที่เกิดขึ้นหลังจากที่ตายของเขาไม่ได้ถูกลบ ดังนั้นเขาจึงสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นตอนนั้น
เขาไม่ได้รู้สึกหงุดหงิด เพราะท้าทายล้มเหลว เพราะอย่างไรก็ตาม เขาก็ได้ฝึกฝนตัวเองไปในตัวด้วย ยังไงการเดินทางครั้งนี้ก็ไม่ได้ขาดทุน
สำหรับ ซอมบี้หน้าเขียว ตัวนี้ เมื่อเขาแข็งแกร่งขึ้น เขาจะกลับไปหามันเพื่อชำระบัญชีแค้น จากนั้น เขาก็จะถล่มหลุมฝังศพนั้นให้ยับ
ในเวลานี้ สร้อยข้อมือจี้เต๋า ได้เปล่งแสงสีแดงออกมา จากนั้น ก็มีข้อความไหลเข้ามาในความคิดของเขา
ท้าทายชั้นที่ 10 สำเร็จ ได้รับแต้มผลงาน 1,000 แต้ม
…
ท้าทายชั้นที่ 20 สำเร็จ ได้รับแต้มผลงาน 2,000 แต้ม
…
ท้าทายชั้นที่ 30 สำเร็จ ได้รับแต้มผลงาน 5,000 แต้ม
…
หากสามารถรักษาตำแหน่งได้เป็นเวลา 1 เดือน จะได้รับรางวัลเป็น พลังเหนือธรรมชาติ สามารถรับได้ที่โลกแห่งหลักจารึก
1,000 อันดับแรกในรายชื่อดาราดวงใหม่ ทุกสิ้นเดือน พวกเขาจะได้รับรางวัลที่แตกต่างกันไปตามอันดับ
และ นี่เป็นเหตุผลที่ เหล่าศิษย์จำนวนมากพยายามที่จะไต่เต้าอันดับของพวกเขา
หลังจากที่ ไป๋ตงหลิน ได้รับข้อมูล เขาก็รู้สึกว่ามีสิ่งของหลายรายการปรากฏขึ้นในสร้อยข้อมือจี้เต๋าของเขา ปรากฏว่าหลังจากชั้นที่ 10 ทุกด่านล้วนมีรางวัลให้ ยกเว้น ทุก ๆ 10 ด่าน ที่รางวัลเป็นแต้มผลงาน ในชั้นอื่น ๆ รางวัลล้วนเป็นสิ่งของจำพวก โอสถ เครื่องมือวิเศษ วัตถุดิบ ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม หากเขาคิดจะรับเอาพลังเหนือธรรมชาติ เขาจะต้องรักษาตำแหน่งไว้ให้ได้เป็นเวลา 1 เดือน ดังนั้น มันคงจะปลอดภัยกว่า หากเขาสามารถฆ่า ซอมบี้หน้าเขียวได้
“เขานั่นไง ไป๋ตงหลิน!”
ในเวลานี้ เสียงตะโกนได้ขัดจังหวะความคิดของ ไป๋ตงหลิน เขาได้เงยหน้าขึ้นและพบว่าคนที่ตะโกนนั้นเป็นศิษย์ของเขาไท่ซาง ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับเขาหลายครั้ง
“ไหน เขาอยู่ไหน ไป๋ตงหลิน อยู่ที่ไหน?”
“ถอยไป ให้ข้าได้แสดงความเคารพต่อเขาหน่อย!”
“สวัสดี พี่ไป๋ ข้า…”
“พี่ไป๋ ท่านทำได้ยังไง?”
“...”
ในชั่วขณะนึง ไป๋ตงหลิน รายล้อมไปด้วยฝูงชนจำนวนมาก กระทั่งเหล่าศิษย์ที่ไม่สามารถเข้าไปถึงตัวเขาได้ต่างเขย่งเท้าเพื่อมองดู
ไป๋ตงหลิน ได้ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ และ โบกมือพร้อมกับพูดว่า :
“สหายทุกคนชมเกินไปแล้ว มันก็แค่เรื่องบังเอิญที่ข้าขึ้นไปอยู่อันดับต้น ๆ ของผังรายชื่อ เพราะความสามารถระดับปานกลางที่มี ดังนั้นข้าไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าข้าแข็งแกร่ง”
หลังจากพูดจบ เขาก็เปิดประตูแสงและหายตัวไปในทันที
“ว้าว! ช่างถ่อมตัวยิ่งนัก!”
“ใช่! ใช่! มันช่างแตกต่างโดยสิ้นเชิงไม่เหมือนกับ ถู๋หยา ที่ทั้งหยิ่งทะนง และ อู๋เหล่ย ที่เอาแต่นิ่งเงียบ”
“ข้าชักจะชอบเขาซะแล้วสิ่!”
ไป๋ตงหลิน ไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับคนเหล่านี้มากนัก เหล่าศิษย์ของนิกายศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถมองเพียงแค่รูปลักษณ์ได้ เพราะพวกเขาทุกคนต่างก็มีความสามารถที่ไม่ธรรมดา
ไป๋ตงหลิน ไม่ได้กลับไปที่เรือนพักของเขา แต่ไปที่ภูเขาหนังสือเซิงจง
หลังจากการต่อสู้กับ ซอมบี้หน้าเขียว และ หมอกสีเทาแปลก ๆ ที่เต็มไปด้วยพลังชั่วร้าย เขาก็ค้นพบว่าเขามีความรู้น้อยเกินไปเกี่ยวบางสิ่งที่แปลกประหลาดและชั่วร้ายเหล่านี้ อีกทั้งเขายังไม่มีวิธีการจัดการกับอีกฝ่ายโดยตรง
ครั้งนี้จุดประสงค์ที่เขาเข้าไปในภูเขาหนังสือมี 2 อย่าง 1 คือ มองหาวิธีการต่อต้านบางสิ่งที่ชั่วร้าย และ อีกอย่างคือ การพัฒนาจิตวิญญาณของเขา
การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด และ ไป๋ตงหลิน ไม่เคยหยุดที่จะมองหาความรู้ เขาต้องการเรียนรู้ให้ได้มากที่สุด เพื่อวันนึง เขาจะได้นำความรู้เหล่านี้มาใช้
หลังจากสร้อยข้อมือกระพริบวาบ เขาก็ก้าวเข้าไปในภูเขาหนังสือ