STBI : ตอนที่ 56 อันดับหนึ่งในรายชื่อ

เจดีย์ถงเทียนชั้นที่ 36

แสงสีขาวได้ส่องประกาย และ ไป๋ตงหลิน ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ลานประลองขนาดใหญ่ ณ ใจกลางของ ลานประลอง ที่นี่ปูพรมไปด้วยผลึกสีฟ้า และ มีรังไหมโลหิตขนาดใหญ่ ที่เต้นตุบตับ เหมือนกับ หัวใจเล็กน้อย

ไป๋ตงหลิน จ้องไปที่ รังไหมโลหิต อย่างรุนแรง ความรู้สึกถึงวิกฤติอย่างรุนแรงทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงเป็นอย่างมาก

กึก—

จากนั้นไม่นานก็มีกรงเล็บสีแดงสองอันเจาะรังไหมโลหิตออกมา จากนั้น ร่างสูงสีแดงโลหิตก็ก้าวออกมาพร้อมกับรัศมีอันทรงพลังที่ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า

อีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก!

อีกฝ่ายย่อมเป็นผู้แข็งแกร่งที่เหนือกว่าดินแดนเปิดปากทางเดินจิตวิญญาณไปแล้ว

ด้วยรัศมีพลังที่อีกฝ่ายปลดปล่อยออกมาเห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่สิ่งเรียบง่ายที่จะจัดการเหมือนก่อนหน้านี้

เผชิญหน้ากับสิ่งนี้ ไป๋ตงหลิน ได้แสดงออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ปีศาจโลหิตตัวนี้มีความแข็งแกร่งเหนือกว่าเขา 3 ขั้น แม้ว่าสิ่งนี้จะเป็นการประเมินความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย แต่มันก็ไม่ง่ายที่จะเผชิญหน้าเหมือนกับปีศาจผิวดำ

หากความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้สูงเกินไป มันจะไม่เอื้อต่อการเก็บเกี่ยวพลังงานของเขา ในกรณีนี้ เขาอาจจะพิการลงก่อนด้วยซ้ำ

ดังนั้น โลหิตภายในร่างกายของเขาก็ปะทุขึ้นในทันที เขาได้เปิดใช้ เทคนิคลับเผาไหม้โลหิต ทำให้ร่างกายของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงดุจเปลวไฟ กระทั่งมีกลิ่นอายความร้อนโอบล้อมร่างกาย

ในเวลานี้ ดวงตาทั้งสองข้างของเขาได้เป็นประกายสีแดง นี่คือการเผาผลาญโหลิตในร่าง ทำให้ร่างกายของเขาถูกกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง

“เข้ามา!”

ไป๋ตงหลิน ได้ขยับความคิด ทันใดนั้น เขาก็พุ่งเข้าไปใส่ ปีศาจโลหิต และ ออกหมัดโจมตีอย่างรุนแรง

ก๊ากก—

ปีศาจโลหิต ได้เงยหน้าขึ้นและกรีดร้อง มันไม่คิดเลยว่า มนุษย์ที่อ่อนแอเช่นนี้จะกล้าริเริ่มที่จะโจมตีใส่มันก่อน ดังนั้น กรงเล็บสีแดงของมันจึงได้หวดเข้าใส่กำปั้นของ ไป๋ตงหลิน

ปั้ง—

การปะทะกันที่รุนแรงได้ระเบิดพื้นที่พรมที่เต็มไปด้วยผลึกสีฟ้า รอยแตกขนาดใหญ่ได้กระจายไปทั่วบริเวณ

ปีศาจโลหิตได้ก้าวถอยหลังไป 2-3 ก้าว หลังจากปะทะกัน เท้าแต่ละข้างของมันได้เหยียบย่ำเข้าไปในหลุมลึก

สำหรับ ไป๋ตงหลิน เขาได้ยืนอยู่นิ่งกับที่ ร่างกายของเขาพลันหยุดชะงักเล็กน้อย ในช่วงระหว่างการปะทะกันก่อนหน้านี้ ไป๋ตงหลิน ได้ระเบิดพลังเต็มที่ของเขาออกมา

ด้วยพละกำลังทั้งหมดของเขา ควบคู่ไปกับเทคนิคการเผาไหม้โลหิต ทำให้แขนแต่ละข้างของเขามีพละกำลังมากกว่า 360,000 จิน

พละกำลังของเขาสามารถที่จะบดขยี้ร่างกายของคนผู้นึงได้อย่างง่ายดาย แต่ทว่า ปีศาจโลหิตตัวนี้ กลับสามารถรับมันเอาไว้ได้

ปีศาจโลหิต ได้หยุดร่างกายเล็กน้อย และ มองดูอาการบาดเจ็บของมัน แท้จริงแล้วมันกลับถูกมนุษย์คนนึงบังคับให้ต้องล่าถอย สิ่งนี้ทำให้ ปีศาจโลหิต รู้สึกสูญเสียศักดิ์ศรี มันไม่ได้คิดออมมืออีกต่อไป พลันเปลี่ยนร่างของตัวเองกลายเป็นเงา และ ใช้กรงเล็บโจมตีไปที่คอของ ไป๋ตงหลิน

โชคดีที่ ไป๋ตงหลิน มีเซ้นส์ตรวจจับที่ดี ทำให้เขาหายตัวไปและหลบเลี่ยงการโจมตีที่ร้ายแรงนี้ได้

ไป๋ตงหลิน ผู้ซึ่งได้เรียนรู้เทคนิคมากมาย ทำให้เขามีทักษะการต่อสู้ที่เหนือชั้นกว่าแต่ก่อนมาก ตราบใดที่ คู่ต่อสู้ไม่สามารถปราบปรามเขาได้อย่างสมบูรณ์ เขาก็ยังมีพลังมากพอที่จะต่อสู้

ด้วยสัมผัสที่ทรงพลังของเขา ทำให้ การโจมตีของ ปีศาจโลหิต ช้าลงอย่างเห็นได้ชัด

ร่างนึงได้เคลื่อนไหว ส่วนอีกร่างได้หลบเลี่ยง ไม่ว่าพวกเขาจะผ่านไปที่ใด พื้นที่ของบริเวณนั้นล้วนถูกทำลายลงในทันที

ทุกการต่อสู้เองก็ทำให้ ไป๋ตงหลิน ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เพราะการพลิกฟื้นที่แข็งแกร่งของเขา มันทำให้เขา พัฒนาความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

ปั้ง ปั้ง

ที่นี่มันเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัวที่รุนแรง กำปั้นและกรงเล็บที่ทรงพลัง ได้ปะทะกันหลาย 10 กระบวนท่า จนกระทั่ง กระดูกมือทั้งสองของ ไป๋ตงหลิน ได้แตกละเอียด พลังการป้องกันของ ปีศาจโลหิต นั้นแข็งแกร่งกว่าเขา ทำให้อาการบาดเจ็บของมันเบากว่าเขามาก

อีกอย่าง ปีศาจโลหิต ก็มีความเร็วที่ไม่ธรรมดา แม้ว่า ปฏิกิริยาของ ไป๋ตงหลิน จะตอบสนองได้ทัน แต่เขาก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงการโจมตีของมันได้ทั้งหมด

ไป๋ตงหลิน ขมวดคิ้วเล็กน้อย พวกเขาต่อสู้กันอย่างดุเดือดมาเป็นเวลานาน เขารู้สึกว่าเซลล์โลหิตในร่างกายของเขาเหลืออยู่ไม่มากนัก กระทั่งความแข็งแกร่งโดยรวมก็ลดลงเช่นเดียวกัน

แม้ว่าอาการบาดเจ็บของเขาจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว แต่ความแข็งแกร่งในการเผาไหม้โลหิตไปนั้นจะไม่ฟื้นตัวในเวลานี้ อีกอย่าง ร่างของปีศาจโลหิต ก็มีเซลล์โลหิตมากกว่าเขา ทำเขาไม่สามารถต่อสู้กับอีกฝ่ายด้วยสภาพที่อ่อนล้าได้

มันไม่ดีสำหรับเขาที่จะเป็นฝ่ายตั้งรับต่อไป เขาจำเป็นจะต้องรีบปลิดฉากศัตรู

ร่างของเขาได้เคลื่อนไหว และ เข้าไปพัวพันกับ ปีศาจโลหิตอีกครั้ง

ไป๋ตงหลิน ได้เปิดใช้ เนตรจิตวิญญาณของตัวเอง ทันใดนั้น เส้นแนวตั้งสีทองก็ปรากฏขึ้นบนหน้าผาก จนเผยให้เห็น ดวงตาสีทองที่ซ่อนอยู่ข้างใน

“ย๊าา!”

ไป๋ตงหลิน ได้อ้าปาก และปลดปล่อยเสียงคำรามออกมา ในเวลานี้ เนตรสีทองได้ส่องประกายไปด้วยสีสันเจิดจ้า

ช่วงเวลาที่แสงสีทองพุ่งออกมาจากหน้าผากของ ไป๋ตงหลิน มันก็กลายเป็นลำแสงไร้สีที่มองไม่เห็น และ พุ่งเข้าใส่หน้าผากของ ปีศาจโลหิต อย่างดุเดือด

ช่วงเวลาที่ ปีศาจโลหิต ถูกโจมตีด้วย เนตรจิตวิญญาณ มันก็ยืนนิ่ง อยู่กับที่ แม้ว่าร่างกายของมันจะแข็งแกร่ง แต่จิตวิญญาณของมันก็ไม่ได้แข็งแกร่งตาม อีกอย่าง การพัฒนาจิตวิญญาณของตนเองนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ในแง่ของความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณอีกฝ่ายด้อยกว่าเขามาก

เขากลัวว่า ปีศาจโลหิตตัวนี้ จะถูกทำลายโดยเนตรจิตวิญญาณของเขาโดยตรง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ใช้กำลังอย่างเต็มที่ เพราะเขายังไม่ลืมจุดประสงค์ที่เขาเข้ามาในสถานที่แห่งนี้

หลังจากหายใจไปไม่กี่ครั้ง ในที่สุด ปีศาจโลหิต ก็รอดชีวิตมาจากการโจมตีทางจิตวิญญาณ ดวงตาของมันได้หรี่ลง และ สีหน้าของมันได้กลายเป็นน่าเกลียดเล็กน้อย

ไป๋ตงหลิน พลันยิ้มเมื่อเห็นฉากนี้ เขาได้ใช้เทคนิคลับในการโจมตีมัน และ ด้วยสภาพในปัจจุบันของ ปีศาจโลหิต มันย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าเขาในไม่กี่วินาที

ในเวลานี้ เซลล์โลหิตในร่างกายของ ไป๋ตงหลิน ได้ปะทุขึ้นอย่างดุเดือดอีกครั้ง พลังการป้องกันของเขาได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น

ต่อไปเป็นเวลาที่เขาจะ ‘สนุก’ แล้ว

ความแข็งแกร่งของปีศาจโลหิตได้ลดลง เพราะมันตกใจกับการโจมตีของเนตรวิญญาณ ทว่าวันนี้ จะต้องมีคนใดคนนึงตายในเจดีย์ถงเทียน ทำให้มันไม่มีทางที่จะถอยหลังกลับได้ ดังนั้นมันจึงได้พุ่งเข้าหา ไป๋ตงหลิน

ไป๋ตงหลิน ไม่ได้ดำเนินการป้องกัน แต่เขากลับใช้ความคิดริ่เริ่มที่จะตอบสนองการโจมตีของ ปีศาจโลหิต ทันใดนั้น กรงเล็บอันแหลมคมของมันก็แทงเข้าตรงหน้าท้องของเขา และ พลังประหลาดก็แทรกซึมเข้าไปในร่างกายของเขาพร้อมกับเริ่มบ่มทำลายอย่างไร้ความปราณี

ในเวลานี้ ปีศาจโลหิต ได้แสดงการโจมตีออกมาอย่างเมามัน แต่ทว่ามันก็หลีกเลี่ยงการโจมตีจุดสำคัญอย่างศีรษะของเขา

สถานการณ์ทุกอย่างล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของ ไป๋ตงหลิน ด้วยสถานะทางจิตวิญญาณสูงสุด ทำให้เขาสามารถรักษาสมดุลและการฟื้นตัวของร่างกายเอาไว้ได้ อีกทั้งเขายังได้เพิ่มพลังงานภายในร่างกายจำนวนมาก ปีศาจโลหิตตัวนี้ ได้กลายเป็นเครื่องมือแปรพลังสำหรับร่างกายของเขาในทันที

แม้ว่าทั่วร่างของเขาจะเจ็บปวดแต่เขาก็ฝืนยิ้มออกมา อีกอย่าง ด้วยพลังที่เพิ่มมากนี้ เขาสามารถนำไปปรับแต่งจิตวิญญาณให้แข็งแกร่งขึ้นได้อย่างมาก

“สบายตัวชะมัด!”

“เอ้า โจมตีเข้ามาอีกเส้!”

เวลาที่น่าเบื่อเช่นนี้ได้กินระยะเวลาไปกว่า 1 ชั่วยาม

จนกระทั่ง ปีศาจโลหิตตัวสูง ได้คุกเข่าลง กรงเล็บอันแหลมคมของมันได้เจาะลึกลงไปบนพื้น มันได้แหงนหน้ามองท้องฟ้า ด้วยดวงตาที่สูญเสียสติ

จิตวิญญาณแห่งการมีชีวิตอยู่ของมันได้หายไปในทันที

ดูเหมือนว่าปีศาจโลหิตจะตายไปแล้ว

มันใช้พลังทั้งหมดที่มีจนกระทั่งสิ้นใจตาย

กระทั่ง จิตวิญญาณของมัน ก็ยังถูก ไป๋ตงหลิน กลืนกิน จนหลงเหลือเพียงร่างกายที่ไร้ค่า

ไป๋ตงหลิน ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ได้มองดู นี่เขาโหดร้ายเกินไปหรือไม่?

เขาฆ่าปีศาจตัวนี้โดยการทำให้มันสูญสิ้นความตั้งใจและสูญเสียพลังกายทั้งหมดไป

นี่เป็นการจัดการที่โหดเหี้ยมอย่างมาก

ทว่าผลตอบแทนที่ได้รับก็ค่อนข้างคุ้มค่า

เพราะเขาสัมผัสได้ถึงพลังจิตวิญญาณมากมายที่ได้รับมา

ด้วยการตัดสินใจ ไป๋ตงหลิน ได้เดินเข้าไปยังชั้นที่ 37 ของเจดีย์ถงเทียนต่อ

…

พื้นที่ชั้นล่างของ เจดีย์ถงเทียน

รายชื่อดาราดวงใหม่ ได้สลับขึ้นมา ชื่อของ ไป๋ตงหลิน ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ร้อยได้ปรากฏขึ้นบนจุดสูงสุดในทันที

เขาได้เหยียบหัว อู๋เหว่ย และ กลายเป็น ผู้นำรายชื่อคนใหม่

แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่า อู๋เหว่ย เอาชนะ ปีศาจโลหิตได้อย่างไร แต่มันก็ชัดเจนว่า ไป๋ตงหลิน ใช้เวลาน้อยกว่าในการผ่านชั้นที่ 36

การเปลี่ยนแปลงรายชื่อของดาราดวงใหม่ ได้ดึงดูดความสนใจของศิษย์นิกายศักดิ์สิทธิ์จำนวนมาก ต้องบอกว่า อันดับอื่น ๆ ล้วนไม่น่าสนใจเท่ากับการเปลี่ยนแปลงของอันดับหนึ่งเช่นนี้

“อะไร ดูรายชื่อดาราดวงใหม่นั่นสิ่!”

“ไป๋ตงหลิน? ไป๋ตงหลิน เป็นใครกัน?”

“ไป๋ตงหลิน นี่ใคร ข้าเพิ่งเห็นเขาปรากฏในรายชื่อ 100 อันดับแรก แต่แล้วเหตุใด ถึงมาอยู่บนจุดสูงสุดได้?”

ทุกคนต่างตกอยู่ในความโกลาหล รายชื่อดาราดวงใหม่นี้ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมาเกือบ 2 เดือนแล้ว แม้ว่าจะมีคนที่ก้าวข้ามชื่อของ อู๋เหว่ย ไปได้ แต่พวกเขาก็คิดว่าเป็น ถู๋หยา ที่อยู่ข้าง ๆ

แต่น่าเสียดาย ที่ ถู๋หยา ท้าทายเจดีย์ถงเทียน ล้มเหลว ซึ่งมันได้พิสูจน์ความแข็งแกร่งของ อู๋เหว่ย ว่าเหนือกว่าเขาอีกครั้ง

และตอนนี้การที่พวกเขาเห็นรายชื่อที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทำให้พวกเขารู้สึกตกใจ

นี่มันเหลือเชื่อมากจริง ๆ ทุกคนต่างพยายามถามถึงข่าวคราวและพยายามค้นหารายละเอียดเกี่ยวกับตัวตนของ รายชื่อที่ปรากฏ

ไป๋ตงหลิน คนผู้นี้มีภูมิหลังความเป็นมายังไงกันแน่?