เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 107
ตอนที่ 107
“จำแท่นบูชาห้าสีนั่นได้หรือไม่? ข้านำมันออกมาจากที่แห่งนั้น และมันสามารถช่วยในการบ่มเพาะได้” จากนั้นหลินซวนก็ส่งกลุ่มก้อนแสงในมือให้กับบิดาและมารดาของตน
ซวนยู่รีบปฏิเสธทันที
“ซวนเอ๋อร์ เจ้าได้รับมันมาด้วยตนเอง เจ้าควรจะได้ดูดซับมันเอง สมบัติเช่นนี้จะส่งผลดีแก่เจ้ามากมาย”
หลินเฮ่าเองก็พยักหน้าเห็นด้วย
“จริงของมารดาเจ้า ซวนเอ๋อร์ ข้าเข้าใจในความกังวลของเจ้าดี ข้าเองก็ยินดียิ่งนักที่เจ้าทำเช่นนี้ ทว่าตราบเท่าที่เจ้าแข็งแกร่งมากพอ ข้าย่อมวางใจ จงดูดซับมันเองเถิด”
“ท่านพ่อ ท่านแม่ นี่ยังไม่เชื่อข้าอีกเช่นนั้นหรือ? ข้ามีแท่นบูชามากมายให้ใช้สอย!”
หลังจากพูดจบประโยค หลินซวนก็มิได้รอให้ทั้งสองคนปฏิเสธอีกครั้ง เขาผลักมือของตนออก ก่อนที่กลุ่มแสงห้าสีนั้นจะลอยเข้าไปในร่างของทั้งคู่
กลุ่มก้อนแสงนั้นแปรเปลี่ยนไปเป็นปราณวิญญาณบริสุทธิ์ที่มีขนาดมหึมา ก่อนที่มันจะทำการชำระล้างร่างกายของทั้งสองด้วยความอ่อนโยน หลังจากผ่านไปไม่นาน พวกเขาก็สัมผัสได้ว่ามีแสงจางๆ ปรากฏขึ้นบริเวณปากและจมูกของตน!
เพราะพวกเขาย่อมรู้ดีว่าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้แล้ว ซวนยู่และหลินเฮ่าจึงนั่งขัดสมาธิอย่างปวดใจและเริ่มบ่มเพาะปราณของตน ดูดซับปราณวิญญาณนับไม่ถ้วนที่มาจากกลุ่มแสงห้าสีนั้น
หลินซวนเองก็ลุกขึ้นอย่างช้าๆ และเดินไปด้านหลังของทั้งคู่ เขานำกลุ่มแสงออกมาอีกราวห้าถึงหกก้อนและส่งมันเข้าไปในร่างกายของบิดามารดาอย่างอ่อนโยน
สำหรับซวนยู่และหลินเฮ่าแล้ว หลินซวนเคารพพวกเขามากพอสมควร ในครานั้น เพื่อจะปกป้องเขาแล้ว ยามที่จ้าวห้วงเหวรุกรานตระกูลหลิน พวกเขาถึงขั้นยอมลำเส้นต่ำสุดของตนและเตรียมจะทรยศตระกูลหลินเพื่อช่วยชีวิตของเขาไว้
หลังจากนั้น ในตอนที่หลินซวนหายตัวไป หลินเฮ่าบ้าคลั่งราวกับเป็นปิศาจร้าย เขาเข้าปะทะกับเหล่าอสูรมากมายจากแดนรกร้างเพื่อตามหาตัวบุตรชาย!
แม้ว่าแท่นบูชาห้าสีนี้จะเป็นสมบัติที่ลำค้ามากมายมหาศาล แต่ในหัวใจของหลินซวน มันย่อมมีค่าน้อยกว่าบิดาและมารดาของเขาอย่างแน่นอน
ซวนยู่ที่บ่มเพาะปราณอย่างสงบใช้เวลาเพียงสามวันเท่านั้นในการดูดซึมลมปราณก่อนที่จะหลงเหลือส่วนใหญ่ไว้ในร่างกาย เพราะความเป็นห่วงบุตรชาย
ความแข็งแกร่งของนางเพิ่มขึ้นเยอะพอสมควร นางตัดผ่านขั้นปราณถึงสองระดับ จากขั้นแรกของแดนอาณาเขตม่วงขึ้นสู่ขั้นที่สาม!
หลินเฮ่ากลับทรงพลังกว่าภรรยาของตน เขาจึงดูดซับปราณวิญญาณได้ในจำนวนมากกว่า ในตอนนี้ เขายังคงอยู่ในห้วงสมาธิเพื่อบ่มเพาะปราณของตนอยู่
เห็นเช่นนั้น หัวใจของซวนยู่อดมิได้ที่จะเจ็บปวดและกรุ่นโกรธเล็กน้อย นางขโมยโอกาสอันดีของบุตรชายตนเข้าเสียแล้ว นางจึงตำหนิเขา และทำแม้กระทั่งบอกให้เขาส่งสมบัติทั้งหมดมาให้ตนเพราะเห็นว่าหลินซวนนั้นเยาว์วัยเกินไป ต่อให้ในตอนนี้เขายังไม่อาจจะใช้มันเองได้ แต่นางต้องการจะเก็บมันไว้ให้เขาใช้มันในอนาคต
นี่เป็นเพราะซวนยู่นั้นรู้ว่าแท่นบูชาห้าสีมีความสำคัญกับจ้าวห้วงเหวมากเพียงใด แล้วเหตุใดบุตรชายของนางจึงทำมันมาใช้กับตนเช่นนี้?
ทว่า ซวนยู่มิได้รับรู้ถึงความจริงที่นางได้รับกลุ่มก้อนปราณวิญญาณเข้มข้นถึงห้าก้อนเข้าไปแล้ว และนับเทียบได้กับแท่นบูชาของจ้าวหุบเหวถึงห้าแท่นเลยทีเดียว
ถ้าหากนางได้รู้ความจริงนั้นแล้วล่ะก็ หัวใจของนางย่อมต้องเจ็บปวดมากขึ้นอย่างแน่นอน....
หลินซวนเพียงยิ้มออกมาราวกับกำลังเห็นด้วย จากนั้นมือน้อยๆ ของเขาก็ขว้างก้อนแสงห้าสีเข้าใส่หลินเฮ่าที่กำลังบ่มเพาะอยู่ด้านข้างเขาอีกครั้ง
หลังจากนั้น หลินซวนก็ออดอ้อนมารดาพลางกอดนางแน่ก่อนจะขอร้องบางอย่าง
“ท่านแม่ พวกเราออกไปเดินเล่นกันเถิด!”
หลินซวนยิ้มร่าเริง มือน้อยๆ ดึงชายเสื้อของมารดา ซวนยู่บัดนี้ไร้ซึ่งทางเลือก ทำได้เพียงทำตามคำขอของบุตรชายเท่านั้น
“อย่างไรก็ตามแต่ เจ้าไม่ควรจะเปิดเผยสิ่งนี้ให้ใครรับรู้ หากพลั้งเผลอพูดออกไป ผู้คนย่อมมิสามารถรักษาสมบัติของตนไว้ได้ ซวนเอ๋อร์ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”
“ข้าทราบแล้ว!”
หลินซวนยิ้มแย้มก่อนเดินจูงมือมารดาออกจากห้องไป
“แขกผู้มีเกียรติทั้งสอง ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าท่านจะไปยังที่ใด? ข้ารับใช้ผู้นี้นามชุนฮวา และข้างๆ ข้าคือกุ้ยเยว่ พวกเราสามารถจะนำทางท่านทั้งสองได้เจ้าค่ะ”
ทันทีที่ทั้งสองคนเดินออกมาจากในห้อง พวกพบเจอกับสาวรับใช้ที่งดงามทั้งสองตรงเข้ามาและเอ่ยด้วยความนอบน้อม
“พวกเราแค่ต้องการเดินเล่นสูดอากาศไปรอบๆ เท่านั้น พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องติดตามมาหรอก” ซวนยู่โบกมือของตนและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ทว่า วินาทีถัดมา สาวใช้ทั้งสองกลับคุกเข่าลงกับพื้น เนื้อตัวสั่นเทา
ซวนยู่นิ่งงันไปชั่วขณะ จากนั้นนางต้องการช่วยพวกสาวใช้ให้ลุกขึ้น
“พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ ยืนขึ้นมาเถิด!”
“ท่านแขกผู้ทรงเกียรติ สาวใช้ผู้นี้ทำสิ่งใดผิดไปหรือ? หากมีสิ่งใดที่ทำให้พวกท่านมิพอใจ พวกเรายินดีจะปรับเปลี่ยนมันทันที ได้โปรดอย่าลงโทษพวกเราเลยเจ้าค่ะ!”
“ข้าไม่ได้จะทำอันใดพวกเจ้า!”
“เช่นนั้น ท่านแขกผู้ทรงเกียรติ... เหตุใดจึงไม่ต้องการให้พวกเรารับใช้เล่า? ฝ่าพระบาทกำชับมาอย่างหนักแน่นว่าพวกเราจำเป็นต้องรับรองความปลอดภัยของเหล่าแขกผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับท่านและฝ่าพระบาทเกิดปัญหาขึ้น พวกข้าต้องตกตายอย่างแน่นอน...”
ได้ยินประโยคของสาวใช้ทั้งสอง ซวนยู่รู้สึกช่วยมิได้ขึ้นมาเล็กน้อย เพราะเหตุนี้เองสินะ....
อย่างไรก็ตาม นี่ก็มิได้นับว่าเป็นเหตุการณ์นี้แปลกอันใด ฝ่ายกล่าวถึงด้านของยู่ตู่เฟยแล้ว หากมีสิ่งใดเกิดขึ้น โดยเฉพาะหากมันเกิดขึ้นกับหลินซวนแล้วล่ะก็ บรรพชนหลินย่อมต้องฉีกกระชากดวงวิญญาณสามในสิบส่วนที่ฝากไว้จนแหลกสลายอย่างแน่นอน...
“หากว่าเป็นเช่นนี้ งั้นพวกเจ้าก็ตามมาเถิด” ซวนยู่ยิ้มเล็กน้อย จากนั้นนางก็ช่วยให้สาวใช้ทั้งสองลุกขึ้นมา
“เอาล่ะ ลุกขึ้นมาเร็วเข้า เด็กสาวเช่นพวกเจ้ายังไม่ควรจะพูดเกี่ยวกับชีวิตและความตายเช่นนี้ ไม่เป็นมงคลเท่าใดนักหรอกนะ”
สาวใช้ทั้งสองยืนขึ้นด้วยเนื้อตัวสั่นสะท้าน และเดินตามหลังหลินซวนและมารดาไปอย่างนอบน้อมยิ่ง
“ขอบพระคุณที่ท่านเข้าใจ ท่านแขกผู้ทรงเกียรติ พวกเราจะคอยตามอยู่ห่างๆ ไม่เข้าไปรบกวนพวกท่านแน่นอนเจ้าค่ะ”
อันที่จริงแล้ว ซวนยู่ต้องการจะบอกทั้งสองว่าไม่เป็นไร หากแต่มองเห็นสาวใช้ทั้งคู่นั้นตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวเช่นนี้ นางจึงทำได้แค่ยิ้มน้อยๆ ออกมา
“ตกลง”
ซวนยู่อุ้มหลินซวนไว้ในอ้อมแขนและเดินตรงไปทางอาคารที่ดูมั่งคั่งที่สุดในวังลอยฟ้าแห่งนี้
ระหว่างสถานการณ์ก่อนหน้านี้ หลินซวนไม่ได้พูดสิ่งใด เขานอนอยู่ในห่อผ้าอย่างเงียบงัน
ทว่า ดวงตาของเขากำลังสำรวจทุกสิ่งที่เกิดขึ้น
วังเหว่ยต้าเต๋าแห่งนี้ย่อมเป็นเครื่องแสดงฐานะอันร่ำรวยของราชวงศ์อมตะได้เป็นอย่างดี อาคารทั้งหลายต่างก็ถูกสร้างขึ้นมาอย่างงดงามและส่องประกายระยิบระยับ
แม้ว่าบัดนี้ตัววังเองจะกำลังบินด้วยความเร็วสูง แต่ตัววังเองก็ยังคงมั่นคงเช่นเดิม ไม่มีความรู้สึกว่าพวกเขากำลังเคลื่อนที่แต่อย่างใด ราวกับยืนอยู่บนพื้นดินสามัญเท่านั้น
ซวนยู่อุ้มหลินซวนน้อยและเดินไปตามทางในวังแห่งนี้ มีผู้คนมากมายจากหลากหลายตระกูลและกองกำลังต่างๆ กำลังจับจ่ายซื้อของกันอยู่ พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้อาวุโสที่นำอัจฉริยะรุ่นเยาว์จากตระกูลของตนมาด้วย บ้างจ้องมองสินค้า บ้างก็กำลังต่อรองราคากับร้านขาย
โอกาสที่จะได้มาเหยียบยังวังลอยฟ้าแห่งนี้นับว่ามิได้ง่ายดายนัก พวกเขาย่อมต้องการผลประโยชน์บางอย่างจากมัน
ทว่า ซวนยู่หาได้มีความคิดเช่นนั้นไม่ นางเพียงพาหลินซวนเดินไปมาคล้ายต้องการจะหาซื้อสิ่งของ เมื่อนางมองเห็นจี้หยกที่แฝงไว้ด้วยคำอวยพรประกายหนึ่ง นางก็ซื้อมันมาก่อนจะคล้องไว้รอบคอของบุตรชาย
ซวนยู่เดินมายังร้านค้าอีกแห่ง และพบกับเครื่องรางที่มีความหมายถึงการมีอายุยืนยาว รูปลักษณ์ของมันดูหรูหราและเปล่งประกายตั้งอยู่บนโต๊ะยาวในร้านแห่งนั้น นางต้องการจะซื้อมันเพื่อให้หลินซวนได้เก็บไว้เป็นเครื่องรางป้องกันตัว ดังนั้นในตอนนี้นางจึงกำลังต่อรองราคากับผู้จัดการของร้านค้าแห่งนี้อยู่
“เอาล่ะ นี่คือราคาสูงสุดเท่าที่ข้าจะให้ได้แล้วเจ้าค่ะ” ซวนยู่เอ่ยออกมาอย่างนุ่มนวล
“ตลอดเวลาที่ข้าเปิดกิจการมา นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบเจอบุคคลซึ่งมีทักษะการต่อรองสูงเช่นนี้ ตกลง ตกลง ข้าจะขายให้กับท่าน... โปรดดูแลมันให้ดี!” เจ้าของร้านมิอาจทำสิ่งใดได้นอกจากห่อเครื่องรางอันนั้นและส่งมันให้กับซวนยู่