ตอนที่ 673+674 รากฐานของเธอ
ตอนที่ 673 รากฐานของเธอ
เธอไม่เข้าใจสถานการณ์ เธอจึงไปหาสามีของคนอื่นและตะโกนต่อหน้าสามีของเธอคนนั้น โดยบอกกับสามีของเธอว่าภรรยาของเขามีชู้ จูเฉียนเหลียงเยาะเย้ย หากเป็นเขา เขาจะสั่งให้คนเก็บข้าวของของเธอ
คนที่มีความสามารถอาจจะเย่อหยิ่ง นี่ล่ะสัจธรรม
เช่นเดียวกับจูเฉียนเหลียงตอนที่อยู่บ้านเกิดของตนเอง เขาก็เดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง เขาเคยเห็นใครอยู่ในสายตาตั้งแต่เมื่อไหร่
จูเฉียนเหลียงโยนบุหรี่ในมือทิ้ง “เรื่องนี้ พี่ไม่มีทางเลือก ให้ฉันบอกพี่ตามตรงนะ คนของเรายังไม่สามารถค้นหาตัวตนของสามีเจียงเหยาได้เลย ข้อมูลของเจียงเหยาเองก็คลุมเครือและไม่ชัดเจนเหมือนกัน อย่างที่พี่เข้าใจ ว่านี่หมายความว่าอะไร? ตัวตนของลู่ชิงสีไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน แม้จะใช้เงินไปเยอะแค่ไหน ก็ยังไม่ได้ข้อมูลของเขาเลย”
“พี่อยู่ที่เมืองหนานเจียงมาระยะหนึ่งแล้ว พี่เคยได้ยินเรื่องของตระกูลเจียงในเมืองหนานเจียงมาก่อนหรือเปล่า ตระกูลจางทั้งหมดตอนนี้อยู่ในห้องขัง และที่ต้องเข้าไปพัวพันกับคดีความก็เพราะพวกเขาไปทำให้ผู้หญิงไร้สาระในสายตาพี่ไม่พอใจ ต่อไปในอนาคต ถ้าจะดูคน ก็ลืมตาให้กว้างและดูด้วยว่าตัวเองรังแกใครได้ ไม่ได้บ้าง อย่าคิดว่าตัวเองเป็นลูกสาวของตระกูลจู เป็นเจ้าหญิงของวงการหยก แล้วจะทำอะไรก็ได้”
คำพูดเหล่านี้ที่มาจากน้องชายของเธอ ทำให้จูเฉียนหลานรู้สึกอัปยศ
สถานะของลูกสาวตระกูลจู นั่นเป็นความภาคภูมิใจของจูเฉียนหลานมาโดยตลอด ที่บ้านเกิด มีแต่คนอิจฉาในชาติกำเนิดของเธอ
แม้แต่ตอนที่เธอมาถึงเมืองหนานเจียงแรก ๆ เธอยังคงเป็นเป้าหมายของความอิจฉาของหลาย ๆ คน
แม้ว่าเธอจะหย่าร้าง แต่ก็ยังมีผู้ชายอีกนับไม่ถ้วนเข้ามาพัวพันและตกการแต่งงานกับเธอ!
เธอคิดเสมอว่าสถานะของลูกสาวตระกูลจูนั้นเทียบเท่ากับเจ้าหญิงในดินแดนโบราณ
แต่ตอนนี้ ที่น้องชายของเธอได้บอกกับเธอว่าสถานะของเธอในฐานะลูกสาวของตระกูลจูไร้ความหมายเมื่อออกจากบ้านเกิดเมืองนอน
เหมือนกับตอนที่เธอยืนอยู่บนก้อนเมฆและมองลงมายังผู้คนที่อยู่ใต้เธอ ในสายตาเธอ คนเหล่านั้นเป็นเพียงมดที่ดิ้นรนเอาชีวิตรอดที่ก้นบึ้ง
ในท้ายที่สุด ญาติสนิทของเธอก็หัวเราะเยาะเธอและบอกกับเธอว่า จูเฉียนหลานเป็นเพียงหนึ่งในคนเหล่านั้นที่เธอเคยดูถูก ในสายตาของผู้อื่น เธอยังเป็นเพียงหนึ่งในมดนับพัน
ดังนั้นเมื่อมีคนบอกให้ออกไปจากเมืองหนานเจียง เธอทำได้เพียงจากไปอย่างรวดเร็ว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้อยู่ในสายตาของพวกเขา
ความอัปยศอดสูนี้ เหมือนกับการตัดขนนกที่เธอรักและโยนทิ้งลงในกองขยะ
เธอเกลียดมัน จะไม่ให้เธอเกลียดมันได้อย่างไร!
เธอสามารถจินตนาการได้ว่ามีกี่คนที่จากตระกูลเดียวกันจะหัวเราะเยาะเธอ เมื่อเธอกลับไปที่บ้าน และลูกพี่ลูกน้องอีกกี่คนที่จะดูถูกเธอ
เธอไม่ได้ออกไปพร้อมกับความสำเร็จ เธอถูกใครบางคนขับไล่ให้ออกจากเมืองและครอบครัวของเธอก็เกือบจะได้รับผลกระทบไปด้วย
...
เพราะทีมวิจัยจะมาในวันรุ่งขึ้น เจียงเหยาและลู่ชิงสีจึงไม่ได้ทำอะไรกันในคืนนี้ พวกเขานอนคุยกันสักพัก โดยที่เจียงเหยานอนอยู่ในอ้อมแขนของลู่ชิงสี และนอนหลับสนิท จนกระทั่งนาฬิกาปลุกดังขึ้น เธอลืมตาขึ้นด้วยความงุนงงและนอนอยู่ในอ้อมแขนของลู่ชิงสีชั่วขณะหนึ่ง
“ถ้าง่วงหรือยังไม่อยากตื่น ก็นอนต่อสักพักเถอะ ผมกับพี่รองจะไปรับพวกเขาแทนคุณเอง” ลู่ชิงสีลูบศีรษะเล็ก ๆ ที่หนุนอยู่บนหน้าอกของเขา เขาชอบความนุ่มนิ่มของเจียงเหยา เมื่อเธอเพิ่งตื่นนอน
__
ตอนที่ 674 จำถนนไม่ได้
นิสัยเสียของเธอคือเธอมักจะนอนคว่ำ ดังนั้นเมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ใบหน้าของเธอก็แดงไปหมด
เมื่อเธอตื่นขึ้น ดวงตาของเธอก็พร่ามัว ราวกับมันกำลังพึ่งพาเขา เมื่อเธอตื่นขึ้น เธอมักจะพิงเขา มือของเธอจะโอบรอบเอวเขาไว้ ใบหน้าของเธอก็จะถูกกับหน้าอกของเขา ความรู้สึกที่เธอปล่อยออกมาราวกับว่าเอต้องการจะพิงเขา
“ฉันจะไปกับคุณ เพื่อแสดงถึงความจริงใจของฉัน” เจียงเหยาหาว “พวกเขาลาออกจากที่นั่นและเดินทางกลับประเทศอย่างจริงใจ ฉันเองก็ต้องแสดงความจริงใจและเห็นคุณค่าของพวกเขา”
หลังจากพูดอย่างนั้นเจียงเหยาก็ยกผ้าห่มขึ้นและลุกนั่ง เธอขยี้ตาก่อนจะเดินไปที่ห้องน้ำ
เนื่องจากต้องใช้เวลาพอสมควรในการขับรถไปยังสนามบิน ทำให้ทั้งสามคนออกเดินทางเร็วขึ้นและเผื่อเวลาไว้หนึ่งชั่วโมง
เวลาตีห้าในเมืองหนานเจียง ไฟถนนยังคงเปิดอยู่ บนท้องถนนก็มีผู้คนที่ทำงานอย่างหนักหลายคนออกบ้านมากันแต่เช้า และมีเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดถนนอยู่ด้วย
เจ้าของแผงลอยริมถนนแทบไม่ได้ตั้งร้านเลย จึงไม่มีอะไรกินรองท้องตามท้องถนนเลย
หลังจากที่ลู่ชิงสีพาเจียงเหยาและกู้ฮ่าวอวี้ออกไป เขาตัดสินใจที่จะแวะทานอาหารเช้าก่อนเป็นอย่างแรก
ทั้งสามคนขับรถสองคัน เมื่อกู้ฮ่าวอวี้มาถึงเมืองหนานเจียง ผู้จัดการซุนได้ให้รถของตนเองแก่เขา ส่วนลู่ชิงสีและเจียงเหยาใช้รถคันเดิมของเจียงเหยา
ลู่ชิงสีขับรถอย่างมั่นคง ทว่ากู้ฮ่าวอวี้ที่ภายนอกดูเป็นคนประณีตกลับขับรถอย่างดุเดือดนัก
เจียงเหยาเพิ่งนั่งลงและไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย หลังจากที่กู้ฮ่าวอี้ขับรถหายไปแล้ว เธอจึงพูดขึ้น “พี่รองของคุณนี่ช่างมีบุคลิกขัดแย้งกับภาพลักษณ์เสียจริง” เจียงเหยาถอนหายใจ
“ยังพอมีเวลาอยู่” ลู่ชิงสีสตาร์ทรถอย่างช้า ๆ ดูเหมือนเขาจะคิดอะไรบางอย่างและทันใดนั้นก็หัวเราะอย่างอธิบายไม่ถูก จากนั้นเขาก็พูดกับเจียงเหยาว่า “เขาขับรถเร็ว แต่รอดูเถอะ เขาจะมาถึงช้ากว่าเราอย่างแน่นอน”
“ทำไมคะ” เจียงเหยาบิดเปิดขวดน้ำแร่แล้วจิบ จากนั้นเธอก็ส่งมันไปใกล้ริมฝีปากของลู่ชิงสี เขาดื่มมันโดยมีมือของเธอจับขวดน้ำ
“เขาจำทางไม่ได้” ลู่ชิงสีอารมณ์ดี “เขาเดินทางจากสนามบินไปโรงแรมเพียงครั้งเดียว เขาจำทางไม่ได้หรอก ไม่อย่างนั้นคุณไม่คิดบ้างล่ะว่าเมื่อวานทั้งวันเขาไม่ออกไปไหน อีกอย่างเขาไม่ชอบออกไปข้างนอกด้วย? เพราะเขามักจะหลงทาง พอหลงทางก็ต้องคอยถามทางอีก เขารู้สึกลำบากเวลาเจอสถานการณ์เช่นนั้น จึงเลือกนอนและทำงานอยู่ที่โรงแรมมากกว่า”
เจียงเหยาตกตะลึงสักครู่ก่อนที่เธอจะหัวเราะออกมา “ไม่แปลกใจเลยค่ะที่พระเจ้าให้ใบหน้าที่ไม่เป็นอันตรายกับเขา ด้วยรูปลักษณ์ประณีตแบบนั้นไปถามทางใคร เขาก็คงเต็มใจบอก คงไม่มีใครระวังตัวต่อหน้าพี่รอง!”
เจียงเหยาคิดว่ากู้ฮ่าวอวี้ขับรถเร็วมาก เขาไม่ได้คิดว่าจะทำอย่างไรเลยหรือหากเขาหลงทาง? จะดีแค่ไหนถ้าเขาขับตามหลังเธอและลู่ชิงสีมาอย่างช้า ๆ?
เพราะเขาคาดการณ์ว่ากู้ฮ่าวอวี้จะหลงทาง ลู่ชิงสีไม่ได้ตั้งใจจะขับรถตามเขา แต่กลับขับรถอย่างช้า ๆ และจับตาดูแผงขายของริมถนนเพื่อดูว่ามีอะไรน่ากินบ้าง เขาตื่นแต่เช้าและหิวแต่เช้า เขากลัวว่าเจียงเหยาจะหิว เธอจะไปทั้งที่ยังหิวได้อย่างไร
เมื่อเขามองไปที่กระจกมองหลัง คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นทีละน้อย
มีคนตามพวกเรามา“ลู่ชิงสีขมวดคิ้ว”ตามมาตั้งแต่เราออกจากโรงแรมแล้ว เทคนิคเส็งเคร็ง ยังจะกล้าตามฉัน คิดว่าฉันตาบอดหรือไง?”
เป็นไปได้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาคิดว่าเทคนิคการติดตามของตนเองค่อนข้างดี แต่ในสายตาของลู่ชิงสี ก็เหมือนกับเด็กสองขวบซ่อนตัวอยู่หลังผ้าม่าน เผยให้เห็นตัวกว่าครึ่ง
“อีกแล้วเหรอ?” เจียงเหยาตกใจ ที่เมืองจินโด เธอก็เคยถูกติดตามและที่เมืองหนานเจียงยังถูกตามอีกเหรอ?