เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 106
ตอนที่ 106
ยู่ตู่เฟยแย้มยิ้มให้กับบรรพชนหลิน หลังจากที่เขามอบของขวัญทักทายให้กับอีกฝ่าย เขาก็ตัดส่วนวิญญาณสามในสิบของตนออกมาเพื่อใช้เป็นหลักประกันแก่ตระกูลหลิน
“สหายหลิน บัดนี้ท่านคงสามารถไว้ใจข้าได้แล้วใช่หรือไม่? ในการเดินทางไปยังแดนลึกลับในครานี้ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าก็จะปกป้องซวนเอ๋อร์ให้ได้” ยู่ตู่เฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มเจิดจ้า
“สหายยู่ ข้ารับประกันได้ว่าตราบเท่าที่ซวนเอ๋อร์ปลอดภัย ข้าจะส่งคืนวิญญาณของท่านให้อย่างแน่นอน!” บรรพชนแซ่หลินยิ้มก้อนจะรับเศษส่วนวิญญาณใส่เข้าไปยังกล่องหยกที่เตรียมไว้
“ฮ่าๆๆๆ นั่นย่อมดียิ่ง!” ยู่ตู่เฟยหัวเราะออกมาดังลั่น
ซวนยู่อุ้มหลินซวนและเดินออกมาจากกลุ่มสมาชิกตระกูลหลินที่ยืนรออยู่พร้อมกับหลินเฮ่า นางกล่าวอย่างสุภาพ
“อาวุโสยู่ ต้องพึ่งพาท่านแล้วนับจากนี้!”
“ฮ่าๆๆๆ ไม่ต้องกังวล ในตอนที่ราชวงศ์อมตะเปิดเส้นทางสู่แดนลึกลับเรียบร้อย ข้าจะส่งพวกเจ้าสามคนกลับมายังตระกูลหลินในทันที!” ยู่ตู่เฟยยิ้มรับ
บรรพบุรุษสกุลหลินพยักหน้านับและประสานมือคารวะอีกฝ่ายเป็นการบอกลา
ยู่ตู่เฟยเองก็ทำเช่นเดียวกัน ก่อนจะหันกลับไปและสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง จากนั้นเส้นทางสีทองก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหิมะขาวโพลน เส้นทางนั้นใสกระจ่างราวกับกระจกและเปล่งแสงเจ็ดสีออกมา มันมุ่งหน้าไปยังวังอันงดงามที่ลอยอยู่เบื้องบน
“ตามข้ามา!”
“พวกเขาถึงเวลาต้องออกเดินทางแล้ว!”
แม้ว่าวังเหว่ยต้าเต๋าจะเป็นเพียงสมบัติวิเศษระดับสามัญของราชวงศ์อมตะเท่านั้น แต่มันก็ก่อสร้างมาจากหยกจักรพรรดิ งดงามและเปล่งประกาย
แม้ว่าจะเรียกสมบัติชิ้นนี้ว่าวังก็ตามที แต่ขนาดของมันใหญ่เพียงเมืองเล็กๆ สักเมืองหนึ่งเท่านั้น ฐานของมันดูคล้ายตารางหมากรุกที่มีอาคารด้านบนเพื่อทำหน้าที่ต่างๆ
ยกตัวอย่างเช่น สนามต่อสู้ หอตำรา ห้องปรุงยา และอื่นๆ อีกมากมาย
ทว่าหอตำราของวังแห่งนี้นั้นนับได้ว่าน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ข้างในบรรจุไว้ด้วยตำรานับไม่ถ้วนราวกับเป็นมหาสมุทรแห่งกระดาษ เทียบกับหอตำราของตระกูลหลินแล้ว ย่อมแน่นอนว่าตระกูลหลินมิอาจเทียบได้
‘นี่คือความล้ำลึกของราชวงศ์ซึ่งเป็นอันดับหนึ่งแห่งอาณาเขตเหนือครามแห่งนี้ใช่หรือไม่?’ หลินซวนที่กำลังถูกซวนยู่อุ้มอย่างระมัดระวังมองไปรอบด้านและประหลาดใจนัก
“อย่างไรก็ตาม ความยิ่งใหญ่ของราชวงศ์อมตะย่อมมีมากกว่าเพียงแค่วังเล็กๆ แห่งนี้อย่างแน่นอน ยิ่งกว่านั้นหากเป็นเพียงวังลอยฟ้าธรรมดา หอตำราของมันย่อมไม่อาจเทียบได้กับหอตำราของวังเหว่ยต้าเต๋าแห่งนี้!” ยู่ตู่เฟยยิ้มและเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเป็นมิตร
“จะว่าไปแล้ว นี่อาจจะน่าอับอายเล็กน้อย แต่การเก็บรวบรวมสมบัติทุกประเภทและมนตราจากทั่วโลกเป็นหนึ่งในงานอดิเรกเล็กน้อยของข้า หากพวกเจ้าทั้งสามต้องการอ่านตำราในหอตำราก็สามารถทำได้ทันที แม้ว่ามันจะไม่ได้มีทักษะศักดิ์สิทธิ์หรือมนตราใด แต่การได้รับความรู้บางประการก็มิได้แย่นัก” ยู่ตู่เฟยคุยกับหลินซวนด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง
“ขอบพระคุณในความหวังดีของท่านขอรับ ท่านผู้อาวุโส” หลินซวนเองก็ตอบกลับอีกฝ่ายด้วยความเคารพ แต่เขากลับมิได้มีความรู้สึกว่าอ่านจะศึกษาตำราแต่อย่างใด
ยู่ตู่เฟยยิ้มบางเบาและพยักหน้ารับรู้
“ไม่จำเป็นต้องมากมารยาท คิดเสียว่าที่แห่งนี้คือบ้านหลังหนึ่งของเจ้า อย่าได้กล่าวถึงความรู้เล็กน้อยที่ข้าสามารถมอบให้ได้ เมื่อเทียบกับสิ่งที่ซวนเอ๋อร์จะทำให้กับราชวงศ์แล้ว ความรู้ทั้งหลายย่อมเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยเท่านั้น”
ก่อนที่ยู่ตู่เฟยจะหยุดจ้องมองหลินซวนและเอ่ยบางอย่าง
“เพียงครึ่งปีเท่านั้นที่เรามิได้พบกัน มิคิดว่าซวนเอ๋อร์บัดนี้จะมาถึงขั้นที่สองของแดนสร้างรากฐานเสียแล้ว!”
เมื่อหลินซวนได้ยินเช่นนั้น เขากะพริบตากลมโตของตนอย่างน่าเอ็นดู
“ผู้อาวุโส บัดนี้ข้าอยู่ในจุดสูงสุดของขั้นที่สองแดนปราณสร้างรากฐานแล้ว!”
ทว่าในความเป็นจริงแล้ว ระดับการบ่มเพาะของหลินซวนเหยียบย่างถึงขั้นที่สามของแดนสร้างรากฐานเป็นที่เรียบร้อย
อย่างไรก็ตามแต่ ต้นไม้ที่สูงใหญ่ที่สุดในป่าย่อมถูกโค่นล้มด้วยลมพายุ หลินซวนใช้กายเซียนแห่งเต๋าของตนและขอร้องให้บรรพชนหลินช่วยสะกดกลิ่นอายของเขาให้อยู่ในขั้นที่สองของแดนสร้างรากฐานเท่านั้น
ด้วยความมหัศจรรย์ของกายเซียนแห่งเต๋า และการลงมือด้วยตัวเองของบรรพชนแซ่หลิน หากมิใช่ผู้ที่อยู่ในระดับสูงสุดของแดนปราณก่อตั้งจิต ย่อมไม่สามารถจะมองผ่านการซ่อนเร้นนี้ได้
“ฮ่าๆๆๆ สมกับที่ข้าคาดหวังเอาไว้!” ยู่ตู่เฟยหัวเราะดังลั่น
“เจ้าช่างสมกับเป็นยอดอัจฉริยะ พรสวรรค์ของเจ้านั้นหาได้ยากยิ่งนักในอาณาเขตเหนือครามแห่งนี้!”
ค่ายกลขนาดยักษ์ก่อตัวขึ้นก่อนจะกลายเป็นแสงครอบคลุมทั้งวังลอยฟ้าแห่งนี้ไว้ จากนั้นมันก็ลอยทะลุผ่านม่านเมฆและปลดปล่อยบรรยากาศที่น่าหวาดหวั่นของปราณวิญญาณออกมา
หลินเฮ่าและซวนยู่พาหลินซวนไปยังห้องที่หรูหราที่สุดภายในวังแห่งนี้ภายใต้กำนำทางของยู่ตู่เฟย
“ในไม่เกินเจ็ดวัน วังเหว่ยต้าเต๋าจะเดินทางไปถึงอาณาจักรเซี่ยเต๋าและมุ่งหน้าไปยังที่ตั้งของราชวงศ์ ในช่วงเวลานี้ ข้าเองมีธุระจำเป็นที่ต้องไปยังที่อื่นๆ เพื่อรับตัวอัจฉริยะรุ่นเยาว์จากที่ต่างๆ ข้ามิอาจจะอยู่ช่วยเหลือพวกเจ้าได้ที่นั่น”
“หากมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น พวกเจ้าสามารถตรงไปยังอาคารด้านหน้าของวังแห่งนี้ จะมีคนคอยช่วยเหลืออยู่ที่นั่น” ยู่ตู่เฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ขอบพระคุณท่านผู้อาวุโส” หลินเฮ่าเอ่ยด้วยความเคารพ
“การเดินทางครานี้ย่อมต้องเหน็ดเหนื่อยพอสมควร พวกเจ้าควรพักผ่อนให้เพียงพอ” ยู่ตู่เฟยโบกมือครั้งหนึ่ง จากนั้นร่างกายเขาก็หายไปราวกับเป็นหมอกควัน
หลังจากที่ยู่ตู่เฟยจากไปอย่างสมบูรณ์แล้ว หลินเฮ่าก็ถอนหายใจออกมา และคว้าผลไม้สีแดงบนถาดหยกมาไว้ในมือ
“ผลเพลิงไสวอายุห้าพันปี แม้ว่ามันจะมิใช่ของหายากมากนัก ทว่าสถานที่เติบโตของต้นของมันเต็มไปด้วยสภาพแวดล้อมที่รุนแรงยิ่ง ต้องเป็นส่วนลึกของภูเขาไฟเท่านั้นจึงจะพบเจอได้ ราคาของมันไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ที่เหว่ยต้าเต๋าแห่งนี้ มันกลับเป็นเพียงอาหารว่างเท่านั้น”
“นี่คงจะเป็นสิ่งที่เรียกว่าความมั่งคั่งมหาศาลสินะ!” ซวนยู่อุ้มหลินซวนและนั่งลง นางเอ่ยถามอย่างนุ่มนวล
“ซวนเอ๋อร์ เจ้าต้องการสักผลหรือไม่?”
หลินซวนส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนจะหันไปถามบิดาที่นั่งอยู่ข้างตน
“ท่านพ่อ ที่แห่งนี้ปลอดภัยจริงๆ เช่นนั้นหรือ? แม้ว่าราชวงศ์อมตะจะทรงพลัง แต่เราก็ยังมิได้เข้าไปภายในอาณาเขตของพวกเรา ข้าคิดว่าเรายังจำเป็นต้องระวังตัวไว้”
หลินเฮ่ายิ้มให้กับบุตรชายตัวน้อย
“ซวนเอ๋อร์ อย่าได้ดูถูกบิดาของเจ้านัก ในยามที่เข้ามายังห้องแห่งนี้ ข้าได้ใช่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของข้าสำรวจโดยรอบและวางค่ายกลเอาไว้หลายชั้นแล้ว”
ซวนยู่เองก็ยิ้มที่มุมปาก แม้ว่าหลินเฮ่าจะอยู่ในสายตาผู้อื่นเพราะหลินซวน และเอาแต่บอกว่าตนคือบิดาของเซียนน้อยสกุลหลินไปทั่ว ซวนยู่ก็รับรู้ว่าอันที่จริงแล้วหลินเฮ่านั้นมีความมุ่งมั่นอันแรงกล้า ในระยะเวลาเพียงครึ่งปี เขาเองก็กักตัวฝึกฝนและบ่มเพาะอย่างหนักหน่วงเช่นกัน
ไม่ว่าจะเพราะต้องการปกป้องบุตรชายและภรรยา หรือเกรงว่าหลินซวนจะมีระดับการบ่มเพาะตามมาได้ทันก็ตาม หลินเฮ่าที่กลับมาคล้ายวัยเยาว์อีกครั้งก็เต็มไปด้วยพลังงานและต้องการพัฒนาอย่างไม่หยุดหย่อน
“ใช่แล้ว ซวนเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าจึงได้ถามเช่นนี้? หรือว่าเจ้าสัมผัสบางสิ่งได้?” ซวนยู่ถามขึ้นมา
หลินซวนพยักหน้าอย่างช้าๆ ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความจริงจังประการหนึ่ง
“ท่านพ่อ ตรวจสอบให้ดีเผื่อว่าอาจจะมีบางสิ่งอยู่ใกล้ๆ นี้”
“ข้ากางค่ายกลเอาไว้ถึงร้อยแปดชั้น ต่อให้เป็นเทพเซียนองค์ใดจากสรวงสวรรค์ผ่านเข้ามา ข้าย่อมสามา.....ช้าก่อน ซวนเอ๋อร์ นี่มัน....บัดซบ!?”
หลินซวนยื่นมือน้อยๆ ของตนออกมา และกลุ่มแสงห้าสีของกลุ่มก็ปรากฏในมือของเขา
“อีกแล้วหรือ..” อย่างไรก็ตาม หลินเฮ่าก็ยังเป็นยอดคนผู้หนึ่ง เขาย่อมต้องมองเห็นถึงความไม่ธรรมดาของกลุ่มแสงในมือของบุตรชาย