MDB ตอนที่ 79 ภาพวาดของปรมาจารย์กู่
สิ่งนี้กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของกู่เมียงจงทันที ดังนั้นเขาจึงถามว่า
“ข้าไม่ค่อยได้วาดภาพใด ๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงไม่ควรมีภาพวาดหมุนเวียนในตลาดมากนัก ผู้ประเมินตัน ท่านซื้อมาจากที่ไหน? ขอข้าดูหน่อย มันอาจจะเป็นของปลอมก็เป็นได้?”
ตันซุนหัวเราะและอธิบายว่า “ข้าได้รับของขวัญมาจากคนใหญ่คนโต นอกจากนี้ ข้าได้ตรวจสอบด้วยตัวเองแล้วว่าไม่ใช่ของปลอมอย่างแน่นอน เดี๋ยวข้าจะนำภาพวาดที่ได้มาให้อาจารย์กู่ดูเอง”
ภาพวาดที่ตันซุนกล่าวถึงนี้เป็นหนึ่งในผลงานสร้างสรรค์ของกู่เมียงจงที่เขาได้รับจากท่านเจ้าเมือง
ย้อนกลับไปในตอนที่เขามองดูมันครั้งแรก ตันซุนรู้ว่ามันเป็นของแท้
อย่างไรก็ตาม เขากลัวว่าเขาจะถูกเข้าใจผิดและกู่เมียงจงเองก็อยู่ที่นี่ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะปล่อยให้เขาตรวจสอบเพื่อยืนยันความถูกต้อง
เพราะเขาชื่นชอบภาพวาดนี้มาก ตันซุนจึงให้คนรับใช้พกติดตัวไปทุกที่ คนรับใช้คนนั้นรีบเข้ามาทันทีและยื่นภาพวาดให้ตันซุน
หวังจีตกตะลึงในขณะที่เขามองดูภาพวาด
เขาจำได้ว่าพ่อบ้านจั่วแห่งคฤหาสน์ท่านเจ้าเมืองได้กล่าวไว้ว่าในบรรดาของขวัญของหวังจี มีภาพวาดของแท้ของปรมาจารย์กู่ ย้อนกลับไปในตอนนั้น หวังจีไม่ได้คิดเรื่องนี้อย่างลึกซึ้งมากนัก เขาคาดว่าพ่อบ้านจั่วอาจตรวจสอบผิดพลาดก็เป็นได้
‘มันคงไม่ใช่ภาพวาดของแท้อย่างแน่นอน’
หวังจีส่ายหัว ถ้ามันเป็นภาพวาดที่ซื้อโดยผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา มันต้องเป็นของปลอม มันจะเป็นของแท้ได้อย่างไร?
ดังนั้น หวังจีรำพึงในใจว่าแม้แต่ผู้ประเมินตันอาจยังมองพลาดได้ในบางครั้ง
ในขณะเดียวกัน ตันซุนก็ค่อย ๆ คลี่ภาพวาดออก ผู้คนรอบ ๆ ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นทันที พยายามดูว่าภาพวาดนั้นเป็นของจริงหรือไม่?
เมื่อภาพวาดถูกเปิดเผยกู่เมียงจงก็ตะลึงก่อนที่สีหน้าของเขาจะมืดลง พ่อครัวใหญ่เหลียวกู่ที่ยืนอยู่ข้างเขาเห็นภาพวาดด้วยและอุทานว่า “นี่มันไม่ใช่…”
เขายังพูดไม่จบประโยค
เหลียวกู่ไม่ใช่คนโง่ เขารู้ว่ามีเรื่องคาวเกิดขึ้น
ตันซุนกล่าวว่า “เป็นอย่างไรบ้าง? นี่เป็นหนึ่งในผลงานสร้างสรรค์ด้วยมือของท่านหรือเปล่า?”
ไม่มีร่องรอยของความพอใจบนใบหน้าของกู่เมียงจง ในขณะที่เขาพยักหน้า "ใช่แล้ว มันเป็นหนึ่งในผลงานของข้า”
“ฮ่าฮ่า ข้ารู้แล้ว ข้าจะพลาดภาพวาดที่สร้างขึ้นโดยอาจารย์กู่ได้อย่างไร?” ตันซุนดีใจในขณะที่เขาสรรเสริญท่านเจ้าเมืองอย่างเงียบ ๆ
'ตามคาด พวกเขาช่างมีน้ำใจอย่างมากถึงให้มอบของขวัญอันล้ำค่านี้แก่ข้า'
ในขณะที่ ตันซุนกำลังจะเก็บมันลง อยู่ ๆ กู่เมียงจงได้ยื่นมือออกมาหยุดเขาไว้
“อาจารย์กู่ เกิดอะไรขึ้น?” ตันซุนตกตะลึง ในที่สุดเขาก็สังเกตเห็นท่าทางเคร่งขรึมของกู่เมียงจง
“ผู้ประเมินตัน ข้าขอถามท่านได้มั้ยว่าท่านได้ภาพวาดนี้มาจากไหน?” กู่เมียงจงถาม
แม้ว่าตันซุนจะงงงวย แต่เขาตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “เมื่อสองสามวันก่อน ตอนที่ข้าเป็นแขกที่คฤหาสน์ของท่านเจ้าเมือง ท่านไป่ได้มอบมันให้ข้าเป็นของขวัญ”
“ฮึ่ม!” กู่เมียงจงเผยความไม่พอใจออกมา
ตันซุนรู้ว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้น มิฉะนั้นกู่เมียงจงจะไม่อารมณ์เสียเช่นนี้
“มันเกิดอะไรขึ้น?” ตันซุนถาม
ในขณะนั้น พ่อครัวใหญ่เหลียวอธิบายว่า “นี่เป็นภาพวาดที่เมียงจงได้มอบให้หลินจิน เมื่อหลายวันก่อน มันมาลงเอยที่คฤหาสน์เจ้าเมืองได้อย่างไรและสุดท้ายมันมาอยู่ในมือของเจ้าได้อย่างไร ผู้ประเมินตัน”
"อา!" ตันซุนร้องออกมาอย่างไร้เสียง
นี่เป็นปัญหาใหญ่และน้ำเสียงของเหลียวกู่ก็มีความสงสัยอย่างชัดเจน
หัวใจของหวังจีเริ่มเต้นแรงเมื่อรู้สึกไม่สบายใจผุดขึ้นในหัวใจของเขา
เขามีความรู้สึกว่าจะมีภัยพิบัติเกิดขึ้นอีก
“มันอาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ได้ขอรับ ภาพวาดนี้ถูกมอบโดยท่านไป่โดยตรงจริง ๆ” คนรับใช้ของตันซุนอธิบาย
ตันซุนหันไปมองที่กู่เมียงจง เขาหวังว่าคนหลังจะเข้าใจผิดจริง ๆ
กู่เมียงจงชี้ไปที่มุมหนึ่งของภาพวาดและกล่าวว่า “ภาพวาดนี้สามารถมองได้จากมุมมองที่ต่างกัน ภาพใหญ่เป็นภาพวาดทิวทัศน์จริง ๆ แต่ภายในภาพวาดนี้มีลานเล็ก ๆ ที่คนสามคนกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน นี่คือภาพของข้า พี่เหลียวและหลินจิน พวกเราพูดคุยกันอย่างสนุกสนานในวันนั้น บอกฉันทีว่าข้าจะเข้าใจผิดได้อย่างไร!?”
ตันซุนหน้าซีดทันที
มีคนโพล่งขึ้นมาว่า “ผู้ประเมินหลินอาจมอบสิ่งนี้ให้กับท่านเจ้าเมืองหรือเปล่าขอรับ?”
กู่เมียงจงส่ายหัวทันที “เมื่อข้าไปหาหลินจินเพื่อให้เขาช่วยข้าทำพันธสัญญาโลหิตกับอสูรน้ำหมึกของข้า เขาบอกข้าว่าภาพวาดที่ข้าให้เขาหายไปและมันก็หายไปภายในสมาคมประเมินสัตว์วิเศษ ย้อนกลับไปในตอนนั้น ข้าทำได้แค่วาดเขาอีกอันแต่ตอนนี้เมื่อคิดดูแล้ว สิ่งต่าง ๆ ไม่ได้ฟังดูง่ายอย่างที่คิด เนื่องจากสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับท่านเจ้าเมือง...พวกเจ้าไปแจ้งเรื่องนี้ให้พวกเขาทราบและส่งคนของพวกเขามาที่นี่ พวกเราจะได้รู้ความจริงเมื่อเราถามพวกเขาโดยตรง”
มีคนไปแจ้งไปทางคฤหาสน์เจ้าเมืองทันที
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าใบหน้าของหวังจีเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มได้อย่างไร
ไม่นาน พ่อบ้านจั่วแห่งคฤหาสน์เจ้าเมืองก็มาถึง
ทั้งตันซุนและปรมาจารย์กู่เป็นบุคคลสำคัญอย่างไม่น่าเชื่อ ดังนั้น จั่วเหวินถังจึงไม่ฝันที่จะให้พวกเขารอนาน
“พ่อบ้านจั่ว ท่านได้ภาพวาดนี้มาจากที่ไหน?” ตันซุนอธิบายต่อว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อจั่วเหวินถังเห็นภาพวาด ดูเหมือนว่าเขาจะจำที่มาของมันได้
“นี่เป็นภาพวาดที่มอบให้โดยหัวหน้าหวังจี มีไข่กลายพันธุ์จำนวนหนึ่งที่ต้องประเมินไม่ใช่หรือ ไข่กลับมาพร้อมกับของขวัญจากหัวหน้าหวังและภาพวาดนี้เป็นหนึ่งในของขวัญเหล่านั้น”
เมื่อจั่วเหวินถังอธิบายเสร็จแล้ว ทุกคนก็จ้องมองไปที่หวังจี
ตอนนี้หวังจีก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ไม่ว่าเขาจะไร้ยางอายหรือจิตใจแข็งแกร่งเพียงใด เขาก็ไม่อาจห้ามตัวเองไม่ให้เหงื่อไหลเย็นออกมาได้ มันไม่ใช่แค่เกี่ยวกับภาพวาดเท่านั้นแต่มันยังเกี่ยวกับไข่กลายพันธุ์เหล่านั้นด้วย
มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าหลินจินเป็นคนประเมินไข่กลายพันธุ์ในคืนนั้น ไม่ใช่หวังจี
“ข้า…ข้า…”
เขาไม่มีทางออกจากเรื่องนี้ได้ เขารู้ว่าหลังจากหลินจินประเมินไข่กลายพันธุ์ คนหลังต้องเผลอทิ้งภาพวาดไว้ในห้องโถงประเมิน ดังนั้นมันจึงถูกสันนิษฐานว่าเป็นของขวัญและถูกส่งไปยังคฤหาสน์เจ้าเมือง
แต่หวังจีจะอธิบายเรื่องนี้ได้อย่างไร?
ถ้าเขาทำเขาจะถูกเปิดเผย
แต่ถ้าเขาไม่ทำ มันก็จะจบไม่สวยเช่นกันเพราะมีคนคิดว่าเขาขโมยภาพวาดนั้นไป
คนรอบข้างเขาไม่ได้โง่ เมื่อเห็นว่าวังจีพูดตะกุกตะกักโดยไม่สามารถอธิบายได้ พวกเขารู้ว่ามีบางอย่างหลบซ่อนอยู่
แม้แต่หนานกงเซียนก็ยังสับสน เขาค่อย ๆ ขยับห่างออกจากหวังจีสองก้าว เขารู้สึกว่าหัวหน้าคนนี้กำลังจะเจอปัญหาใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นในวันนี้
*แกร๊ง แกร๊ง*
ทันใดนั้น ระฆังในสมาคมก็ดังขึ้น
การสอบสิ้นสุดลงแล้ว
ในไม่ช้าผู้สมัครก็หลั่งไหลออกจากห้องโถง ด้วยสายตาที่เฉียบแหลมของซูคาน เขาสังเกตเห็นหลินจินท่ามกลางฝูงชนทันที ดังนั้นเขาจึงส่งเสียงเรียกเขา
"ผู้ประเมินหลิน ทางนี้!"
หลินจินสังเกตเห็นซูคานกวักมือเรียกเขาเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงเดินไปหาอีก่าย แต่พอเข้าไปใกล้ เขาต้องถึงกับอึ้ง
‘มันช่างเป็นการแสดงที่ใช้ตัวละครฟุ่มเฟือยอะไรอย่างนี้’
ซูคานอยู่ที่นี่ พ่อครัวใหญ่เหลียวด้วย แม้แต่อาจารย์กู่ก็มา
หลินจินที่เพิ่งเสร็จสิ้นการสอบของเขารู้สึกงุนงงกับจำนวนคนมากขนาดนี้
เมื่อตันหลินเห็นหลินจินความรู้สึกผิดในตัวเธอล้นออกมา เธออยากจะเข้าหาเขาเพื่อขอโทษแต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน ตันซุนที่เห็นเช่นนั้น เขาตระหนักถึงความขัดแย้งภายในของลูกสาวได้ทันที ตันซุนจึงเข้าไปแทน
สิ่งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตัวตนของเขาในฐานะผู้ประเมิน มันเป็นเพียงพ่อที่แสดงความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณของลูกสาว
“ผู้ประเมินหลิน วิธีการของเจ้าในการใช้นิ้วพลังนวิญญาณแห่งไฟเพื่อโจมตีจุดหมุนสวรรค์นั้นยอดเยี่ยมมาก ข้าขอบคุณเจ้าแทนลูกสาวของข้าด้วย”
เมื่อตันซุนพูดเช่นนี้ หลินจินก็รู้ว่ามันเกี่ยวกับอะไร
“เธอเป็นลูกสาวของท่านงั้นเหรอ?” หลินจินถามและชี้ไปที่ตันหลิน
ตันซุนพยักหน้า
แต่ทว่าคำพูดต่อไปของหลินจินทำให้ตันซุนต้องอับอาย “แม้ว่าจะเป็นความเข้าใจผิดในคืนนั้น ข้าแค่พยายามช่วยเธอด้วยความปรารถนาดีแต่เธอกลับไม่ได้แสดงความขอบคุณเลยสักนิด ไม่เพียงเท่านั้นเธอยังสมคบคิดกับหวังจีเพื่อวางแผนเล่นงานข้า นอกจากนี้เธอยังขับไล่ข้าออกจากสมาคมด้วย ท่านต้องทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้!”
หลินจินดูไม่พอใจ
ใบหน้าสูงวัยของตันซุนแดงก่ำ เขากำลังถูก 'ประณาม' โดยชายหนุ่ม อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขาเป็นฝ่ายผิด ตันซุนจึงพยักหน้าทันที
“ถูกต้อง ลูกสาวของข้านิสัยเสียตั้งแต่ยังเด็กและเอาแต่ใจเกินไป เธอไม่ได้ชี้แจงสถานการณ์ก่อนตัดสินใจและข้าได้ตักเตือนเธอแล้ว”
เมื่อเห็นว่าชายชรานั้นดีเพียงใด หลินจินจึงไม่ได้กดดันเรื่องนี้ เขาเพียงพยักหน้าแล้วพูดว่า “เยี่ยมมาก แต่ท่านต้องให้อบรมเธอเพียงเล็กน้อยและอย่ารุนแรงกับเธอมากเกินไป ท้ายที่สุดแล้ว สาว ๆ มักจะเขินอายได้ง่าย ๆ เธออาจจะรับไม่ได้ถ้าท่านไปยุ่งกับเธอมากเกินไป”
สิ่งที่เขาพูดทำให้คนดูอ้าปากค้างในความเงียบ
อาจารย์กู่ทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาจึงพูดขึ้นว่า
“หลินจิน นี่คือผู้ประเมินระดับสาม ผู้เฒ่าตันจากสำนักงานใหญ่ของสมาคมประเมินสัตว์วิเศษของเจ้า”
"หา!" หลินจินกระโดดด้วยความตกใจ ตันซุนได้เอามือไว้ข้างหลัง ดังนั้น หลินจินจึงไม่สังเกตเห็นปลอกแขนรูปสัตว์วิเศษบนแขนเสื้อของเขา ตอนนี้เขาเอียงคอเพื่อให้ดูชัดขึ้น ชายผู้นั้นสวมปลอกแขนลายสัตว์วิเศษเอาไว้ แถมยังเป็นสามห่วงอีกด้วย!