582 - เฟิ่งหวง
582 - เฟิ่งหวง
ผ่านไปสองสามวันเย่ฟ่านได้พบกับผู้คนมากมาย เช่น เหยาเยว่กง องค์ชายเซี่ย จินฉีเซียว สวีเหิงรวมทั้งแม่ชีชุดขาวตัวน้อย แต่เขากลับไม่ได้พบอันเหมียวอี้แม้แต่ครั้งเดียว
เพราะตอนนี้เขาไม่ได้เป็นคนโสดอีกต่อไป ความสำเร็จขั้นเริ่มต้นของร่างศักดิ์สิทธิ์มีความยิ่งใหญ่มากแค่ไหน คนของตระกูลเฟิ่งบอกว่าจะพาเขาเข้าสู่การทำสมาธิอันยาวนานกว่าร้อยปี
หากเขาไม่สามารถเป็นราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ได้ มันไม่มีทางที่ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลเฟิ่งจะปล่อยเขาออกมาสู่โลกภายนอกอีกครั้ง
นี่เป็นความคิดที่ปลอดภัยจริงๆ การอดทนกับความเงียบเหงาเพียงร้อยปีเพื่อแลกกับความเจริญรุ่งเรืองหมื่นปี
เมื่อเขาออกจากการฝึกฝนอย่างสันโดษเขาจะมีความสามารถในการข้ามทะเลดวงดาวอันยิ่งใหญ่เพื่อกลับไปยังบ้านเกิดอย่างแน่นอน
ในตอนนี้ทั้งตระกูลเจียงและตระกูลเฟิ่งมีฉันทามติร่วมกันว่าจะส่งเสริมให้เขากลายเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ด้วยทรัพยากรทั้งหมดของทั้งสองตระกูล
“หนึ่งร้อยปีนานเกินไปแล้ว”
เย่ฟ่านมองขึ้นไปที่อีกฟากหนึ่งของทะเลดวงดาว เขาไม่สามารถรอได้นานถึงขนาดนั้น
เฟิ่งหวงไม่เคยปรากฏตัวและเขาก็ไม่แปลกใจ ตระกูลเฟิ่งเข้าสู่เมืองศักดิ์สิทธิ์เพื่อทดสอบเขาเท่านั้น พวกเขายังไม่เคยให้คำมั่นสัญญาว่าจะรับเย่ฟ่านเป็นเขย
ถ้าเขาล้มเหลวตระกูลเฟิ่งจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก ทางเลือกที่ดีที่สุดก่อนหน้านี้คือการป้องกันไม่ให้เฟิ่งหวงปรากฏตัว
แม้กระทั่งการที่เขาทำสำเร็จเฟิ่งหวงก็ไม่ได้ปรากฏตัว ตระกูลเฟิ่งบอกว่านางกำลังเก็บตัวเพื่อทะลวงอาณาจักรมังกรแปลง ดังนั้นนางจึงไม่สามารถมาพบเขาชั่วคราว
อันที่จริงไข่มุกของตระกูลเฟิ่งไม่ได้สนใจที่จะแต่งงานตั้งแต่แรกและระบุอย่างชัดเจนว่านางจะไม่แต่งงานกับเย่ฟ่าน แม้ว่าตระกูลเฟิ่งจะพยายามเกลี้ยกล่อมมากแค่ไหน สุดท้ายนางก็หลีกเลี่ยงที่จะพบกับเย่ฟ่านทุกครั้ง
"พี่เย่ ข้าได้ยินมาว่าเจ้าค่อนข้างคุ้นเคยกับเทพธิดาของตำหนักสราญรมย์?" เฟิ่งเลี่ยพยายามสอบถามด้วยสีหน้าลำบากใจ
เย่ฟ่านหรี่ตาและพูดว่า “ทำไมเจ้าถึงถามเรื่องนี้?”
“มันไม่ใช่ว่าข้าต้องการยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของพี่เย่ แต่เจ้าก็รู้ดีว่าแม้เจ้าจะประสบความสำเร็จแล้วพี่สาวของข้าก็ยังไม่สนใจเจ้า ดังนั้นผู้อาวุโสของเราจึงไม่ต้องการให้พวกเจ้าทั้งสองเกิดความขัดแย้งมากขึ้นไปอีก” เฟิ่งเลี่ยเตือน
เขาได้รับคำสั่งให้ทดสอบเย่ฟ่านเป็นการส่วนตัว แต่เย่ฟ่านกลับไม่ได้มองว่าเขาเป็นน้องภรรยาในอนาคตและทุบตีเขาอย่างรุนแรง
ในเวลานั้นเฟิ่งเลี่ยโกรธและหงุดหงิด เขาสาบานในใจว่าจะต้องเป็นศัตรูกับเย่ฟ่านไปตลอดกาล แต่สุดท้ายเย่ฟ่านกลับประสบผลสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่มันทำให้เขาจำเป็นต้องกลืนความอัปยศของตัวเองกลับลงไป
“พี่เย่เพื่อนบางคนและข้าอยากพบเทพธิดาของตำหนักสราญรมย์ ไม่ทราบว่าเจ้าพอจะมีเคล็ดลับหรือไม่” เฟิ่งเลี่ยถามเสียงต่ำเพราะกลัวว่าผู้อาวุโสจะได้ยิน
“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าจะเป็นห่วง” เย่ฟ่านชำเลืองมองเขาด้วยท่าทางที่มีความหมายและจริงใจก่อนจะกล่าวว่า
“เจ้ายังเด็กเกินไปที่จะไปที่นั่น”
“เจ้าอายุน้อยกว่าข้าสองปี!” เฟิ่งเลี่ยพึมพำอย่างลับๆ แต่ไม่กล้าที่จะกล่าวมันออกมา
“เจ้าคิดอะไรอยู่” เย่ฟ่านจ้องมองไปที่เขา
“มันเป็นไปได้ไหมที่พี่เย่จะพาเราไปที่นั่น ข้าสาบานว่าข้าจะไม่บอกพี่สาวของข้า” เฟิ่งเลี่ยถอนหายใจอ้อนวอน
"ข้าไม่รู้ว่าเจ้าพูดถึงเรื่องอะไร"
“เจ้าเคยพักอยู่ในห้องหอของอันเหมียวอี้ทั้งคืน อย่าทำเหมือนข้าเป็นคนปัญญาอ่อนได้หรือไม่!” เฟิ่งเลี่ยไม่พอใจอย่างมาก
เย่ฟ่านรู้สึกขบขัน ผู้ชายคนนี้ดูเหมือนจะมีปัญหาทางสมองจริงๆ ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามรู้อยู่แล้วว่าเขามีความสัมพันธ์กับอันเหมียวอี้ แต่คนผู้นี้ก็ยังคิดขอความช่วยเหลือจากเขา
“อย่ากังวล คราวนี้ไม่ใช่การทดสอบอย่างแน่นอน ข้าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร”
“ข้าว่าเจ้าควรไปให้พ้นๆหน้าข้าดีกว่า”
เย่ฟ่านส่งเสียงเย็นชา ตอนนี้เขากลายเป็นจุดสนใจของทุกคน มันไม่มีทางที่เขาจะยอมรับเรื่องนี้และสร้างความเป็นศัตรูกับเฟิ่งหวง
"เจ้าน่าเบื่อมาก!" เฟิ่งเลี่ยพุ่งออกไปอย่างฉุนเฉียว
เย่ฟ่านแตะคางและอยากจะหัวเราะแต่ก็หัวเราะไม่ได้ แม้ว่าเขาอยากจะไปพบกับอันเหมียวอี้แต่เขาก็ไม่สามารถไปหานางได้ในช่วงเวลาไม่กี่วันต่อจากนี้
หลังจากนั้นไม่นานเฟิ่งเลี่ยก็กลับมาและกล่าวว่า
“พี่เย่ บรรพบุรุษกล่าวว่าหากเจ้ามีเรื่องอะไรต้องทำก็ให้ไปทำตั้งแต่เนิ่นๆ อีกไม่กี่วันพวกเราจะออกจากเมืองศักดิ์สิทธิ์แล้ว”
ในตอนนี้ใบหน้าของเย่ฟ่านเปลี่ยนไปในทันที การที่คนของตระกูลเฟิ่งตัดสินใจอย่างเร่งด่วน หรือมันหมายความว่าราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ผู้เฒ่ามาถึงช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตแล้ว?
“เฟิงเลี่ย เจ้าต้องคอยติดตามพี่เขยที่มีอายุน้อยกว่า ความรู้สึกของเจ้าช่วงนี้เป็นอย่างไร?”
“พี่สาวของเจ้าแก่กว่าเขาสามปี แม้แต่เจ้าก็ยังแก่กว่าเขาสองปี เจ้ารู้สึกอึดอัดหรือไม่ที่ต้องเรียกเขาว่าพี่เขย”
ในขณะที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่นั้นก็มีกลุ่มชายหญิงบางคนเยาะเย้ยเฟิ่งเลี่ยโดยไม่ได้สังเกตเย่ฟ่านที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง
มีชายหนุ่มหลายคนที่ใบหน้าบิดเบี้ยวไม่มีความสุข พวกเขาต่างมีความหวังว่าจะได้เป็นสามีของเฟิ่งหวง และพวกเขาไม่ต้องการให้การแต่งงานครั้งนี้ประสบความสำเร็จ
"เฟิ่งหวงยังไม่มาแต่ข้าได้ยินมาว่านางดูถูกการแต่งงานและไม่ต้องการเห็นร่างเซียนอยู่ในสายตาเลย สุดท้ายผู้อาวุโสของตระกูลเฟิ่งก็ไม่สามารถควบคุมนางให้แต่งงานกับเด็กน้อยคนนั้นได้”
“ร่างเซียนไม่เคยมีผู้ใดสามารถฝึกฝนจนถึงระดับนี้ แม้ว่าเขาจะกวาดล้างผู้คนในรุ่นเดียวกันได้ทั้งหมดแต่ผู้ใดจะรู้เรื่องราวในอนาคตได้ บางทีเขาอาจจะไม่สามารถทะลวงสู่อาณาจักรมังกรแปลงด้วยซ้ำ”
การเยาะเย้ยก่อนหน้านี้ไม่ได้สร้างผลกระทบมากเท่าไหร่ แต่คำพูดหลังทำให้ใบหน้าของเฟิ่งเลี่ยเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง และเขาส่งเสียงคำรามขึ้นว่า
"อย่าพูดเรื่องไร้สาระ"
“เฟิ่งเลี่ยเจ้าเป็นอะไรไป หรือเจ้าก็ยอมรับร่างเซียนโบราณเป็นพี่เขยแล้ว”
“ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าเจ้าถูกเขาทุบตีอย่างหนักเหรอ เจ้ายังคิดจะพูดจาแทนเขา”
“เลิกพูดบ้าๆได้แล้ว!”
เฟิ่งเลี่ยต้องการที่จะหยุดสหายของเขาไม่ให้นำความหายนะมาหาตัวเอง แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเย่ฟ่าน
“ร่างเซียนโบราณ…”
มีใครบางคนสังเกตเห็นเย่ฟ่านในทันที ใบหน้าของพวกเขาซีดเซียวไร้สีเลือด อย่าพูดถึงพวกเขาที่เป็นตัวตนไม่สำคัญอะไรเลย
แม้แต่เซี่ยจี้โหยวทายาทของเก๋อจิ่วโหยวผู้ยิ่งใหญ่ยังไม่สามารถเทียบได้กับเย่ฟ่าน ในดินแดนรกร้างตะวันออกตอนนี้ยังมีผู้ใดสามารถต่อสู้กับเขา?
เมื่อนึกถึงภาพภาพธรรมโบราณที่น่าสยดสยองอย่างราชาอมตะเก้าสวรรค์และดอกบัวสีครามที่เติบโตท่ามกลางความโกลาหล คนเหล่านี้ก็แผ่นหลังเปียกชุ่มด้วยความกลัว
“ไม่คิดว่าพี่เย่จะอยู่ตรงนี้...”
ชายหนุ่มหลายคนประสานมือให้กับเย่ฟ่านก่อนจะเริ่มถอยห่างจากเขา
อย่างไรก็ตามกลุ่มหญิงสาวที่มากับพวกเขานั้นแตกต่างกันออกไป พวกนางเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและทักทายเย่ฟ่านด้วยดวงตาที่เปล่งประกายสดใส
“เราได้เห็นความกล้าหาญของพี่เย่ด้วยตาของเราแล้ว และได้ยินมาว่าศิลปะต้นกำเนิดของเจ้าก็ไม่มีใครเทียบได้ ไม่ทราบว่าวันนี้พี่เย่พอจะพาพวกเราไปเปิดหูเปิดตาได้หรือไม่”
“ใช่ มีลานพนันหินของดินแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่ข้างหน้า”
หญิงสาวหลายคนเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและพยายามชักชวนเย่ฟ่าน
เย่ฟ่านไม่ได้ปฏิเสธ เขาต้องการค้นหายาศักดิ์สิทธิ์มาช่วยเหลือถิงถิงและเจียงไท่ซูอยู่พอดี
กิเลนสีม่วงเป็นเพียงเมล็ดพันธุ์เท่านั้น แม้ว่ามันจะสามารถเพิ่มแก่นแท้ให้กับพลังชีวิตได้ แต่มันก็ยังห่างไกลจากยาศักดิ์สิทธิ์ที่เจริญเติบโตอย่างเต็มที่ นั่นเป็นเหตุผลให้เจียงไท่ซูปฏิเสธที่จะใช้มันตั้งแต่แรก
น่าเสียดายที่เย่ฟ่านต้องพบเจอกับความล้มเหลวแม้จะฝังตัวอยู่ในลานพนันหินตลอดทั้งวัน
สาเหตุสำคัญในความล้มเหลวครั้งนี้ก็เพราะผู้คนรู้อยู่แล้วว่าเย่ฟ่านจะกลายเป็นปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ในอนาคต และทางเบื้องบนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างก็ย้ายหินต้นกำเนิดระดับสูงของพวกเขาออกไปหมดแล้ว
เย่ฟ่านมาที่ลานพนันหินของตระกูลจี้เพื่อค้นหาหินราชาก้อนนั้น แต่สุดท้ายเขาก็ล้มเหลวเช่นกัน
“ปัง!”
ระหว่างทางกลับมีใครบางคนคิดจะลอบสังหารเย่ฟ่านกลางถนน แต่สุดท้ายราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นก็ถูกผู้คนจากตระกูลเฟิ่งและเจียงรุมสังหารก่อนที่จะมีโอกาสปรากฏตัวด้วยซ้ำ
ในการลอบโจมตีครั้งนี้แม้ว่าเย่ฟ่านจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากมาย แต่สุดท้ายผู้อาวุโสของตระกูลเฟิ่งก็ยังผลักดันให้เฟิ่งหวงมาเยี่ยมเขาซึ่งทำให้ผู้คนมากมายแตกตื่นตกใจ!