581 - ม่านน้ำตก
581 - ม่านน้ำตก
ผู้บ่มเพาะหลายคนมองหน้ากันด้วยท่าทางเหลอหลา
เซี่ยจี้โหยวโกรธจัด ดิ้นรนอย่างรุนแรง เคลื่อนไหวด้วยมือและเท้า
แต่เมื่ออยู่ในการควบคุมของชายชราทั้งสองที่เป็นระดับราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ มันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่นางจะสามารถทำร้ายเย่ฟ่านได้
ดวงตาของเซี่ยจี้โหย่วลุกเป็นไฟในขณะที่นางหลั่งน้ำตาและตะโกนด้วยความโกรธว่า
"เจ้าคนแซ่เย่วันนี้ข้าจะสู้ตายกับเจ้า!"
นางเป็นยอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่ง ในชีวิตของนางล้วนพบเจอกับความชื่นชมและเคารพที่ผู้อื่นมอบให้ การถูกตีก้นแบบนี้จะทำให้นางยอมรับได้อย่างไร!?
จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตเคยมีผู้ใดบ้างที่ถูกคนอื่นตีก้น? เมื่อนางนึกถึงเรื่องนี้นางก็คุ้มคลั่งขึ้นมาอีกครั้งและพยายามดิ้นรนให้หลุดจากมือของชายชราชุดเทาทั้งสอง
“เย่น้อยแย่แล้ว ดูเหมือนนางหนูเซี่ยจี้โหยวจะโกรธแค้นยิ่งกว่าการได้รับความพ่ายแพ้ซะอีก” หลี่เหอซุยแอบยิ้ม
“นางหนูคนนี้มีดวงตาอยู่เหนือกระหม่อม นางสมควรที่จะโดนแบบนี้แล้ว” ตู้เฟยก็หัวเราะเช่นกัน
“เจ้ายอมรับความพ่ายแพ้หรือยัง?” เย่ฟ่านยิ้ม
“ข้ายังไม่แพ้!” เซี่ยจี้โหยวตะโกนอย่างไม่ยอมแพ้
นางดิ้นรนอย่างหนักแต่ไม่ว่าอย่างไรชายชราทั้งสองก็ไม่มีทางปล่อยนางออกมาต่อสู้อีกแล้ว
“เจ้าชั่วช้ามากเกินไป ต่อให้วันนี้ข้าต้องตายข้าก็ต้องฆ่าเจ้าให้ได้!”
ผู้คนต่างตกตะลึงเมื่อเด็กหญิงอายุสิบสามปีแสดงความอาฆาตอย่างไม่สมวัย
ผมของเซี่ยจี้โหยวโบกสะบัด ผิวก็ขาวใสราวกับตุ๊กตากระเบื้องละเอียดอ่อนงดงามและเป็นประกาย
“ข้าสู้กับเจ้า!”
เซี่ยจี้โหยวส่งเสียงโหยหวนราวกับว่าเย่ฟ่านเป็นศัตรูที่สังหารบิดามารดาของนาง
"ผลลัพธ์ได้รับการบ่งชี้แล้ว พวกเราขออำลา"
ชายชราชุดเทาทั้งสองหันมากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาก่อนที่ชายชราคนหนึ่งจะทำหน้าที่เปิดประตูมิติและเตรียมที่จะเดินทางข้ามความว่างเปล่า
เย่ฟ่านส่งเสียงหัวเราะเบาๆและกล่าวว่า
“ในอนาคตเจ้าต้องหัดใจเย็นมากกว่านี้”
“อา...”
เซี่ยจี้โหยวกรีดร้องโหยหวน และน้ำตาแห่งความเจ็บปวดก็ไหลออกมา แต่นางถูกชายชราสองคนจับไว้แน่นไม่สามารถทำการต่อสู้ได้อย่างสมใจอีกครั้ง
ในท้องฟ้ายามราตรี แสงสีทองส่องระยิบระยับก่อนที่คนทั้งสามจะหายตัวไปจากเมืองศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว
แม้ว่าเซี่ยจี้โหยวจะประสบกับความพ่ายแพ้ แต่นางก็ยังพร่างพราย การแสดงออกของนางเพียงพอที่จะทำให้โลกตกตะลึง และชายชราชุดสีเทาทั้งสองไม่สามารถปล่อยให้นางนำพาหายนะมาสู่ตัวเอง
เพราะนางอายุเพียงสิบสามปีเท่านั้น นางยังห่างไกลจากความเป็นผู้ใหญ่ พวกเขาเชื่อว่าเมื่อเวลาผ่านไปเด็กหญิงคนนี้ซึ่งมีศักยภาพไม่จำกัดจะต้องกลายเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่คนใหม่ของโลกอย่างแน่นอน!
“มีใครอยากจะสู้กับข้าไหม?”
เย่ฟ่านยืนอยู่ใต้ท้องฟ้ายามราตรี ปกคลุมไปด้วยแสงจันทร์ มีชั้นแสงเจิดจ้าส่องผ่าน เงียบสงบและเย็นชาคล้ายกับว่าการต่อสู้เมื่อสักครู่นี้ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อเขา
อย่างไรก็ตามจะไม่มีใครกล้าต่อสู้กับมังกรป่าเถื่อนที่อยู่ตรงหน้า?
ในสถานการณ์ตอนนี้มีเพียงราชาเผิงน้อยปีกสีทองที่ยังคงถือง้าวรกร้างราวเดินออกมาข้างหน้าด้วยท่าทางมุ่งมั่น!
แต่จากใบหน้าของเขานั้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ตอนนี้เขาขาดความมั่นใจในการเอาชนะเย่ฟ่านแล้ว การที่เขายังเดินออกมานั้นก็เพียงเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของตัวเองเท่านั้น
เย่ฟ่านกวาดสายตาผ่านบุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง ราชันย์น้อยตระกูลจี้ ผู้คนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์คฤหาสน์ม่วง เหยาซี รวมทั้งยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ในรุ่นเดียวกันอีกหลายคน
ผู้ฝึกฝนหลายคนได้บรรลุฉันทามติแล้วว่าเป็นเรื่องยากสำหรับคนของอาณาจักรสี่สุดขั้วที่จะฆ่าเย่ฟ่าน เว้นแต่พวกเขาจะเข้าสู่ อาณาจักรมังกรแปลงถึงจะมีโอกาสกดดันต่อเย่ฟ่านได้
แน่นอนว่าผู้ฝึกฝนอาณาจักรมังกรแปลงย่อมไม่มีทางได้รับอนุญาตให้ต่อสู้กับเย่ฟ่าน ตราบใดที่เจียงไท่ซูยังมีชีวิตอยู่ จะไม่มีผู้ใดสามารถทำอันตรายต่อเย่ฟ่านได้
อาณาจักรสี่สุดขั้วถูกแบ่งออกเป็นสี่ระดับ ตอนตอนนี้เย่ฟ่านเป็นเพียงอาณาจักรสี่สุดขั้วชั้นแรกแต่เขาก็สามารถจัดการยอดฝีมือในระดับอาณาจักรสี่สุดขั้วที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว
แม้แต่เด็กหนุ่มสาวรุ่นเยาว์ที่คิดว่าตัวเองแข็งแกร่งที่สุดก็ยังอดไม่ได้ที่จะยอมรับในความสามารถของเย่ฟ่าน ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดก้าวออกมาข้างหน้าอีก
แม้ว่าจะไม่มีใครออกมา แต่ก็มีเจตนาฆ่าอย่างไม่สิ้นสุดที่แผ่ซ่านไปทั่วเมืองศักดิ์สิทธิ์ภายใต้ค่ำคืนและดวงจันทร์อันเย็นยะเยือกราวกับฤดูหนาวอันโหดร้าย
เย่ฟ่านมองเห็นได้ชัดเจนว่าถนนข้างหน้าของเขาเต็มไปด้วยขวากหนามและเปลวไฟ ในอนาคตเขาจำเป็นต้องเดินไปตามเส้นทางของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ปราศจากจุดเริ่มต้น
ตอนนี้ไม่มีใครออกมาสู้กับเขา นั่นเป็นเพราะทุกคนรู้ดีว่าการต่อสู้ครั้งต่อไปจะเป็นการเดิมพันระหว่างชีวิตและความตาย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่ใครบางคนจะนำชีวิตของตัวเองมาเสี่ยงได้
อย่าเห็นว่าตอนนี้เย่ฟ่านทำตัวหยิ่งผยองพร้อมที่จะท้าทายทุกคน แต่ในความเป็นจริงนั้นเขาไม่ปรารถนาให้มีผู้ใดเดินออกมาอีกแล้ว
สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือการเข้าสู่อาณาจักรมังกรแปลงให้เร็วที่สุด เขารู้ดีว่าด้วยอาณาจักรสี่สุดขั้วที่เขายืนอยู่นั้นแม้จะสามารถกดดันยอดฝีมือรุ่นเยาว์ทุกคน แต่มันยังไม่เพียงพอที่จะปกป้องตัวเองจากการโจมตีของยอดฝีมือรุ่นอาวุโส
ความยากลำบากในการเข้าสู่อาณาจักรสี่สุดขั้วของร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณนั้นผู้คนต่างรู้ดี เพราะมันเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงนัยยะสำคัญของพวกเขา
และการเข้าสู่อาณาจักรต่อไปมันจะไม่ยากลำบากแบบนี้อีกแล้ว ดังนั้นมันไม่มีทางที่ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสทั้งหลายจะปล่อยให้เขาเติบโตขึ้น!
เย่ฟ่านยืนอยู่บนท้องฟ้ายามราตรี และถามสามครั้งติดต่อกัน แต่ไม่มีใครตอบ สุดท้ายก็ไม่มียอดฝีมือรุ่นเยาว์คนใดที่กล้าต่อสู้กับเขาตัวต่อตัว
เมื่อเห็นท่าทางที่หยิ่งผยองของเย่ฟ่านมันไม่ใช่ว่ายอดฝีมือรุ่นเยาว์คนอื่นจะยินยอมรับได้ ยกตัวอย่างเช่นราชาเผิงน้อยปีกทองที่ต้องการเดินออกมาข้างหน้าแต่สุดท้ายเขาก็ถูกห้ามปรามโดยเผิงเฒ่า
เด็กหนุ่มคนอื่นๆก็เช่นกัน ผู้อาวุโสของพวกเขาไม่มีทางที่จะปล่อยให้ทายาทที่ยังมีอนาคตอันยาวไกลออกมารับความตายอย่างแน่นอน
ในขณะที่กำลังเกิดบรรยากาศตึงเครียดอยู่นั้น ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ผู้เฒ่าก็เหยียดมืออันแห้งเหี่ยวของเขาและชี้ไปทางเย่ฟ่าน ทันใดนั้นตราประทับที่มีลักษณะเหมือนกลุ่มแสงสีทองก็บินเข้าหาเย่ฟ่าน
"นั่นมัน...ตราประทับของราชันย์ศักดิ์สิทธิ์! ด้วยเครื่องหมายนี้บนร่างกาย ใครก็ตามที่ฆ่าร่างเซียนโบราณ ราชาสวรรค์ผู้อาวุโสจะรับรู้ทันที”
ทุกคนตกใจมาก ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ผู้เฒ่าพยายามรักษาร่างเซียนจนสุดทาง แต่เขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่วัน สุดท้ายแล้วเขาก็เป็นเหมือนเทียนที่อยู่กลางสายลมซึ่งพร้อมจะดับลงได้ตลอดเวลา
มหาสงครามได้สิ้นสุดลงแล้ว... พายุกลางคืนได้หายไปแล้ว ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ผู้เฒ่าที่ไม่มีใครเทียบได้จะทำลายคำสาปแห่งความตายและทำให้ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณปรากฏขึ้นบนโลกอีกครั้ง
เวลาของเมืองศักดิ์สิทธิ์นั้นยืนยาวไร้ขอบเขต แต่เหตุการณ์ในคืนนี้จะต้องถูกสลักไว้ว่าเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ของโลกนับตั้งแต่สิ้นสุดยุคเซียนโบราณเป็นต้นมา
คืนนี้ ข่าวแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ดินแดนรกร้างตะวันออกสั่นสะเทือน แคว้นภาคกลางปั่นป่วน แม้แต่ผู้คนจากทะเลทรายตะวันตกก็ยังได้รับข่าวนี้
หลายวันต่อมาผู้ฝึกตนหลายคนมาเยี่ยมเยียนและผูกสัมพันธ์กับเย่ฟ่าน ในจำนวนนี้ทุกคนล้วนแล้วแต่มีภูมิหลังอันแข็งแกร่งทั้งสิ้น
เรียกได้ว่าตอนนี้ลานหน้าบ้านของเย่ฟ่านพลุกพล่านราวกับตลาดนัด การต้องต้อนรับขับสู้ผู้คนตลอดทั้งวันนี้เย่ฟ่านรู้สึกว่ามันเหนื่อยยิ่งกว่าการที่เขาทำการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายมากนัก
ในช่วงหลายวันมานี้ทุกครั้งที่มีเวลาว่างเขาจะเดินทางไปหาราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ผู้เฒ่าเพื่อขอคำแนะนำอย่างนอบน้อม และในขณะเดียวกันเขาก็หวังว่าปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นโดยที่ชายชราที่น่าสงสารคนนี้จะยังสามารถรักษาชีวิตไว้ได้
เย่ฟ่านไม่อยากให้เขาตายจริงๆ อย่างไรก็ตามดวงตาของราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ผู้เฒ่าก็หรี่ลงเกือบจะกลายเป็นสีเทาตายด้านไร้ร่องรอยของความสดใสอีกแล้ว
“ผู้อาวุโสท่านรับเอายาศักดิ์สิทธิ์เมล็ดนี้ไปเถอะ!”
ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ผู้เฒ่าส่ายหัวและไม่พูดอะไรมาก เขาจะกลับไปตระกูลเจียงและจะนั่งสมาธิเพื่อทะลวงผ่านอาณาจักรแห่งความเป็นอมตะที่นั่น