ตอนที่ 38 ออกเดินทางเพื่อเติบโต(อ่านฟรี)
ตอนที่ 38 ออกเดินทางเพื่อเติบโต
เช้าวันต่อมา
ทุกคนมารวมกันที่ห้องนั่งเล่น เพราะในวันนี้เป็นวันที่แอนเดรียตัดสินใจที่จะออกเดินไปตามหาศพของซอมบี้ที่ตายตัวนั้นเพื่อพิสูจน์ว่าใช่บารอนไรแลนด์หรือไม่
แม้พื้นที่ซากเมืองจะกว้างใหญ่ แต่ถ้าเป็นอย่างที่คนเหล่านั้นบอกเธอจริง ก็ต้องเจอศพอย่างแน่นอนเพราะว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตอะไรมากินศพซอมบี้อย่างแน่นอน
หลังจากที่แอนเดรียกลายเป็นจอมเวทย์แล้ว เธอก็เก็บตัวอยู่แต่ที่พักเพื่อศึกษาพลังที่ได้มาใหม่มาหลายวัน เพราะว่าในหัวของเธอนั้นมีทักษะจำนวนมากที่ถึงจะยังใช้ไม่ได้ แต่กับทำให้เธอเข้าใจพลังของจอมเวทย์ได้มากขึ้น
“นายหญิงจะไม่ใช้ชายชราผู้นี้ติดตามไปด้วยจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ” พ่อบ้านชราถามอีกครั้ง
“ไม่จำเป็นครั้งนี้ ฝากดูแลลูอิสด้วย แล้วก็คอยรวบรวมข่าวสารไว้ ถ้าเจออันตรายอะไรก็ให้แจ้งลูอิสก่อน ในตอนนี้เขาคือผู้นำของตระกูลแกริค เข้าใจหรือไม่” ท่าทีของแอนเดรียนั้นต่างไปจากปกติมาก บรรยากาศรอบตัวเธอนั้นเต็มไปด้วยแรงกดดันที่ทำเอาคนรอบ ๆ ต้องฟังคำสั่ง
พ่อบ้านเฟรดที่ได้รับคำสั่งตอบตกลงในทันที ก่อนจะถอยออกไปเพื่อให้แอนเดรียและลูอิสได้คุยกัน
“ท่านแม่ผมมีของให้” ลูอิสชี้ไปยังของที่เจียน่าถืออยู่ มันมีผ้าคลุม 1 ตัว ไม้คทาสีน้ำตาลคล้ายกิ่งไม้ชิ้นหนึ่งและแหวนอีกวงหนึ่งที่วางไว้ด้วยกัน ของทั้งสามนี้คือ ไอเทมของจอมเวทย์ที่ลูอิสออมพลังงานศรัทธาแล้วมาซื้อให้เธอ
“[คทาเวท ระดับต่ำ] สร้างจากกิ่งไม้ดำจากต้นไม้โอ๊ก 200 ปี สร้างความเสียหายเวทเพิ่มขึ้น 3% การใช้พลังงานลดลง 7%”
“[เสื้อคลุมจอมเวทย์ ระดับต่ำ] สร้างจากหนังของปีศาจทะเลตนที่มีความสามารถในการต้านทานการโจมตีกายภาพได้ การป้องกันการโจมตีกายภาพเพิ่มขึ้น 8% ความเร็วการเคลื่อนที่เพิ่มขึ้น 2%”
“[แหวนเวทมนตร์ ระดับต่ำ] แหวนที่สร้างจากแร่ที่มีพลังเวทมนตร์ ส่งผลต่อการใช้พลังงานของจอมเวทย์ พลังงานเพิ่มขึ้น 5% ระยะการมองเห็นเพิ่มขึ้น 5%”
ลูอิสอธิบายให้แอนเดรียฟัง
“ท่านแม่เดินทางปลอดภัย” ลูอิสเดินเข้ามาหาแอนเดรีย
“อืม” แอนเดรียย่อตัวลงไปกอดลูอิส “แม่รู้ว่าลูกแข็งแกร่ง แต่ลูกต้องระวังตัวด้วย โดยเฉพาะกับคนพวกนั้น”
ลูอิสพยักหน้ารับปากอย่างเชื่อฟัง เขารู้ว่าคนพวกนั้นที่แอนเดรียหมายถึงคือพวกขุนนางในเมืองเอลดิล โดยเฉพาะบารอนเมสันและเจ้าจิ้งจอกเฒ่าไวเคานต์คาริส
แอนเดรียที่เห็นว่าลูอิสรับปากแล้ว เธอก็รับเสื้อคลุมมาสวมในทันที เพื่อให้ลูอิสดู ก่อนจะยิ้มให้เขา จากนั้นก็หยิบแหวนมาสวมที่นิ้วกลางข้างซ้าย และรับคทาเวทมาจากเจียน่าเป็นลำดับสุดท้าย ก่อนจะยกกระเป๋าที่เตรียมของมาไว้ในตอนเดินทางขึ้นมาสะพาย
“ไปละนะ” แอนเดรียเดินไปที่หน้าต่างกระจกและหันมามองลูอิสอีกครั้ง ก่อนจะมองออกไปบนท้องฟ้าและหายตัวไปในทันทีด้วยทักษะวาร์ปทันที
ทักษะวาร์ปอาศัยการมองเป็นตัวกำหนดปลายทาง ขอแค่มองเห็นก็สามารถไปถึงได้ ดังนั้นจึงสามารถวาร์ปผ่านกระจกหน้าต่างไปได้เลย
‘เธอคงวาร์ปไม่เกินสามครั้งก็ออกไปนอกเมืองได้แล้ว แต่ว่าการจะไปถึงจุดหมายที่นั่นคงจะใช้เวลาหลายวัน’ ในครั้งนี้ลูอิสแม้จะห่วงแอนเดรียแต่ก็ไม่ได้กังวลมากนัก เนื่องจากเขาก็รู้ว่าในตอนนี้ด้วยพลังของจอมเวทย์และการเคลื่อนที่ด้วยทักษะวาร์ปในเมืองเอลดิลและรอบ ๆ ซากร้างนี้คงไม่มีใครจับเธอได้ อีกทั้งเขาก็ให้ยากทั้งโพชั้นชีวิตและโพชั่นพลังงานที่สะสมไว้จนเกือบหมด ซึ่งเท่ากับแอนเดรียนั้นมีอีกหลายชีวิตสำรองเก็บไว้ในขวดโพชั่นเหล่านั้น
‘ในห้องเหลือเพียงเจียน่าและพ่อบ้านเฟรดสินะ ถ้าในโลกใบเดิมของฉัน ทั้งสองก็คงเป็นเหมือนพี่เลี้ยงเด็กที่คอยดูแลทารกน้อยตอนที่แม่ออกไปทำงาน’ ทารกน้อยลูอิสยิ้มเจื่อน ๆ ก่อนจะมาเริ่มแผนการของเขาอีกครั้ง
...
ช่วงเวลานั้นผ่านไปอย่างรวดเร็วมาก เพียงพริบตาก็ผ่านมา 10 วันแล้ว ในทุก ๆ วันลูอิสจะไปที่สถานพยาบาลและเก็บพลังงานศรัทธามา ซึ่งในตอนนี้สถานพยาบาลในเขตชุมชนผู้อพยพนั้นเริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อย ๆ จากปากต่อปาก ใครที่บาดเจ็บต่างก็ตรงมาที่สถานพยาบาลเพราะอยากจะได้ยาน้ำตาเทพ
โดยเฉพาะในสถานการณ์ตอนนี้ที่รอบ ๆ เมืองนั้นมีอันเดดปรากฏตัวออกมาเป็นจำนวนมาก พวกนักล่าต่างก็พากันรับภารกิจออกไปมากมาย แม้จะมีภารกิจให้จำนวนมากและทำเงินได้มากขึ้น แต่ว่าก็ทำให้มีคนตายมากขึ้นและผู้บาดเจ็บเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในเวลาเดียวกัน
ทำให้มีคนมาที่สถานพยาบาลในเขตผู้อพยพมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเป็นก่อนที่ลูอิสจะเข้ามาที่สถานพยาบาล มันคงจะปิดตัวลงไปนานแล้ว เพราะไม่มียามากพอรักษาคนบาดเจ็บ
แต่ใช่ว่าทุกคนจะได้รับยาน้ำตาเทพ เพราะยาที่ลูอิสทำออกมานั้นมีอยู่อย่างจำกัด ทำให้มีไม่เกิน 100 คนที่จะได้ยาน้ำตาเทพในแต่ละวัน ลูอิสไม่ได้เพิ่มยามากขึ้น แต่ใช้วิธีการลดปริมาณที่ให้ไปลง จากที่ต้องดื่ม 1 ขวดต่อ 2 คน กลายเป็น 1 ขวดต่อ 4 คน
ไม่ใช่เพราะว่ายานั้นได้ผลมากขึ้น แต่ตรงกันข้ามเลย เนื่องจากมันได้ผลดีเกินไปทำให้เริ่มจะมีการพูดกันเป็นวงกว้างเกินไปเรื่อย ๆ มีครั้งหนึ่งที่พวกทหารวนเวียนเข้ามาตรวจสอบ เพราะต้องการมาดูว่ายานั้นได้ผลแบบที่พูดกันหรือเปล่า
โชคดีที่ในวันนั้นหมอเทรย์เวอร์มีไหวพริบดีและได้ลดปริมาณยาให้กับผู้บาดเจ็บ ทำให้ผลที่รักษาออกมานั้นไม่ได้เว่อร์จนเกินไป พวกทหารเหล่านั้นจึงกลับไป
จริง ๆ แล้วในโลกนี้มียาดี ๆ อยู่ ซึ่งถ้ามีเงินก็สามารถหาซื้อมาได้ โดยเฉพาะยาที่ห้ามเลือดได้ทันที หรือไม่ยาสมานแผลแบบเร่งด่วน ซึ่งของพวกนี้เป็นยาที่ผู้เยียวยาสร้างขึ้นมา ทำให้พอเห็นว่าผลของยาที่หมอเทรย์เวยร์ใช้นั้นจะดี แต่ก็ไม่ได้อัศจรรย์จนเกินไป
แต่นั้นเป็นเพราะหมอเทรย์เวอร์ใช้ยาไป 1 ใน 20 ส่วนของยาทั้งขวด ผลยาจึงไม่เด่นชัด
สุดท้ายหลังจากปรึกษากันลูอิสก็บอกให้เปลี่ยนเป็น 4 คนต่อยา 1 ขวดแทน ตอนแรกลูอิสคิดว่าจะทำให้ได้พลังงานศรัทธาลดลง แต่กลับไม่ใช่อย่างที่คิด เพราะพอผู้บาดเจ็บต้องรักษาตัวหลายวันเข้า ลูอิสก็สามารถเก็บพลังงานศรัทธาซ้ำได้สองถึงสามครั้ง ทำให้ได้พลังงานศรัทธาเพิ่มมาอีกเกือบ 1 ใน 3 ของปกติ
แน่นอนว่าลูอิสไม่ได้โลภจนคิดว่าจะให้ยาน้อยลงจะได้ยื้อรักษานานเข้าไปอีก เพราะถ้าทำแบบนั้นยาของเขาจะต่างอะไรกับยาปกติทั่วไป ทำให้คนไม่ศรัทธาในตัวของน้ำตาเทพและพลังงานศรัทธาก็ไม่ส่งมาถึงเขาเช่นกัน
นอกจากไปที่สถานพยาบาลในช่วงนี้ทุกวันตั้งแต่สามโมงเย็น เจียน่า อาร์มันโด้และลูอิสจะไปที่โกดังร้างพวกนั้นเพื่อฝึกต่อสู้เสมอ
โดยแรก ๆ ลูอิสก็มองดูเจียน่าและอาร์มันโด้สู้กัน แต่หลัง ๆ มาลูอิสจะร่วมสู้ด้วย ตอนแรกอาร์มันโด้นั้นแทบจะปฏิเสธเพราะกลัวจะทำลูอิสเจ็บตัว แต่ไม่นานอาร์มันโด้ก็เป็นฝ่ายที่ลงไปนอนคลุกฝุ่นซะเอง จนอีกฝ่ายอ้าปากค้างไปสามวันเต็ม ๆ
ซึ่งจากการต่อสู้นั้นลูอิสก็พอเข้าใจแล้วว่าถ้าตัดเรื่องพละกำลังและความทนทานต่อพลังธาตุของคนเถื่อนออกไป ความสามารถในการสู้รบโดยรวมนั้นพาราดินเหนือกว่าเล็กน้อย
พาราดินคืออัศวินศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีพื้นฐานมาจาก อัศวินที่ฝึกฝนอย่างหนักและสู้ในสงคราม
แน่นอนว่าลูอิสก็ไม่ประมาท เพราะพาราดินและคนเถื่อนนั้นก็ถือว่าเป็นนักรบเหมือนกัน
ปัง!
ในวันนี้อาร์มันโด้ก็โดนโจมตีจนกระเด็นไปกองกับผนังโกดังอีกแล้ว แต่ด้วยความถึกอาร์มันโด้ก็ลุกขึ้นมาได้อย่างไม่มีปัญหา อาร์มันโด้ไม่ได้เข้าไปโจมตีลูอิสในทันที แต่กลับถามขึ้นมาว่า “ท่านลูอิสผมรู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าตัวของท่านโตขึ้น ใช่ไหมเจียน่า ดูท่านลูอิสโตขึ้นอีกแล้ว”
“เออ...อย่างนั้นเหรอ” ลูอิสหันไปมองเจียน่า
“ค่ะ” เจียน่าพยักหน้าเห็นด้วย
‘หรือเพราะฉันเลเวลอัพเป็น lv.11 แล้วเมื่อวานนี้ อืมก็ว่าอยู่ว่ารู้สึกโตขึ้นนิดหน่อย แม้แขนจะยังป้อม แก้มจะบานอยู่หน่อย ๆ ก็ตาม แต่ว่าก็โตเหมือนเด็กอายุ 1 ขวบแล้ว ผ่านมาแค่สองเดือนเท่านั้นเองหลังจากที่ฉันเกิด โตเร็วเหมือนกันแฮะ’ ลูอิสกล่าวชมตัวเองขณะที่มองดูตัวเองและยกแขนที ขาที ก่อนจะจับใบหน้าตัวเองดูด้วย
เมื่อวานนี้หลังจากรวบรวมหลังงานได้จำนวนมากแล้วลูอิสจึงอัพเลเวลอีกครั้ง
“+3 แต้มศักยภาพ, +12 แต้มสถานะ, +10 พลังงาน +11 พลังชีวิต”
โดยเลเวล 11 นั้นต้องใช้พลังงานศรัทธา 5,000 แต้มและเขาก็ยังเก็บแต้มศักยภาพไว้ใช้ทีหลัง ส่วนค่าสถานะนั้นลูอิสก็ใส่ไปที่ +5 พละกำลัง, +2 ความชำนาญ, +2ความทนทาน, +1สติปัญญา, +2โชค
“ลูอิส แกริค”
“มนุษย์ (ทารก)”
“อาชีพหลัก : พาราดิน”
“เลเวล : 11” (lv.12 ต้องการ แต้มพลังงานศรัทธา 6,000)
“เกรด 1.1 ดาว”
“ค่าสถานะ : พละกำลัง 40 ,ความชำนาญ 22 ,ความทนทาน 27,สติปัญญา 1,โชค 3”
“พลังชีวิต : 69”
“พลังงาน : 110”
“แต้มสถานะ : 0”
“แต้มศักยภาพ : 3”
“พลังงานศรัทธา : 23,000”
“ทักษะสายอาชีพพาราดิน :คำอธิษฐาน lv.1, ปัดเป่าวิญญาณ lv.1, ต้านทานธาตุไฟ lv.1, ต้านทานธาตุน้ำแข็ง lv.1, การปกป้องแห่งศรัทธา lv.1, ประกายแสงแห่งโชคดี lv.1, พลังโทสะของผู้ศรัทธา lv.1, พุ่งชน lv.1, โล่กระแทก lv.1, ดาบยุติธรรม lv.1, ค้อนลงทัณฑ์ lv.1”
“อุปกรณ์ที่สวมใส่ : ดาบอัศวินระดับต่ำ,โล่อัศวินระดับต่ำ”
...