STBI : ตอนที่ 53 ภูเขาหนังสือเซิงจง
ทะเลแห่งจิตวิญญาณ
ไป๋ตงหลิน ได้ยืนขึ้นอย่างสงสัย และ ยื่นมือออกมา เขาตระหนักได้ถึงความลึกลับของจิตวิญญาณโดยรอบ
เขาสัมผัสได้ว่าประสาทสัมผัสของเขาได้เพิ่มขึ้นหลายเท่า กระทั่งเขาสามารถเห็น ‘ตัวเอง’ นั่งอยู่บนเตียงเปล่า ๆ โดยไขว่ห้างไว้อย่างชัดเจน ภาพภายใต้รัศมีหลาย 10 เมตร ก็ล้วนปรากฏขึ้นในใจของเขา
หลังจากทดลองอยู่สักพัก เขาก็ถอนสติออกจากทะเลจิตวิญญาณ ตอนนี้เขาแข็งแกร่งขึ้นมากในทุกด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความสามารถในการสัมผัสและรับรู้ เขาสามารถ ควบคุมพลังปราณฟ้าดินและดูดซับเข้ามาในร่างกายของเขาได้มากขึ้น
ทันทีที่ได้รับผลประโยชน์ทั้งหมด เขาก็กลับมาสวมใส่สร้อยข้อมือจี้เต๋าและเสื้อผ้าของเขา
จากนั้นเขาก็ดึงหลอดหยกสีดำออกมาอีกครั้ง นี่คือพลังเหนือธรรมชาติที่เขาได้รับมาจากพระราชวังชาไห่-เนตรจิตวิญญาณ
ตอนนี้ ในที่สุดเขาก็สามารถลองฝึกสิ่งนี้ได้แล้ว โดยเขาได้วางหลอดหยกไว้บนหน้าผากของเขา ทันใดนั้นวิธีฝึกฝนพลังเหนือธรรมชาติก็เข้ามาในจิตใจของเขา
พลังเหนือธรรมชาตินี้ หากฝึกฝนสำเร็จ จะทำให้ดวงตาสามารถปลดปล่อยการโจมตีทางจิตวิญญาณออกมาได้
แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงเรื่องรรอง สิ่งที่ทำให้เขาไม่นึกไม่ฝันก็คือ พลังเหนือธรรมชาตินี้สามารถฝึกจิตวิญญาณของเขาได้ กล่าวให้ถูกก็คือ มันสามารถเสริมแกร่งให้กับจิตวิญญาณของเขาได้
และประโยชน์ของการเสริมแกร่งให้กับจิตวิญญาณก็ชัดเจนในตัวของมันเอง
ในทะเลวิญญาณ เขาได้นั่งไขว่ห้างและเริ่มฝึกพลังเหนือธรรมชาตินี้ พลังงานฟ้าดินเริ่มผสานกับหมอกสีเทาในทะเลจิตวิญญาณ และ หลังจากหลอมรวมเสร็จแล้ว มันก็กลายเป็นพลังงานพิเศษในการหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ
อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าของวิธีการฝึกฝนนี้อ่อนแอมาก และ การพัฒนาจิตวิญญาณก็เป็นไปได้ช้า ดังนั้นเขาไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะสร้างเนตรจิตวิญญาณขึ้นมาได้
สำหรับการฝึกฝนร่างกาย ไป๋ตงหลิน ก็ไม่ได้ละทิ้งเช่นเดียวกัน เขาได้หยิบยาพิษที่เหลืออยู่เพียงชิ้นเดียวออกมาจากสร้อยข้อมือแล้วหยิบเข้าปาก ทันใดนั้น อวัยวะภายในของเขาก็เริ่มบุบสลาย และ พลังงานลึกลับก็ปรากฏเพิ่มขึ้นจากอากาศบาง ๆ
พลังเหนือธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณก็ทำงานเช่นเดียวกัน แม้ว่าพลังงานที่ดึงเข้ามาจะมีไม่มากนัก แต่จิตวิญญาณของ ไป๋ตงหลิน อ่อนแอกว่าร่างกาย ดังนั้นเขาก็ยังรับรู้ได้ถึงการพัฒนาที่ชัดเจนมาก
สิ่งนี้ไม่รู้ว่าเร็วกว่าการฝึกแบบปกติกี่เท่า แต่เหมือนกับว่าเขากำลังขี่จรวดโดยตรง
จนกระทั่งพิษของ ไป๋ตงหลิน หมดลง พลังจิตวิญญาณของเขาก็เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า บนหน้าผากของจิตวิญญาณก็มีลวดลายแนวตั้งสีทองตื้นปรากฏขึ้น นี่คือพลังเนตรจิตวิญญาณที่ถูกปลุกขึ้นมา
เขาได้เปิดตาและหยุดฝึกฝน เขาได้เพลิดเพลินไปกับการฝึกฝนแบบก้าวกระโดดแล้ว ทำให้ ความเร็วในการฝึกฝนในปัจจุบันเริ่มช้าลงราวกับหอยทากคลาน แต่เขาก็สามารถยอมรับมันได้
ในเวลานี้ ไป๋ตงหลิน ได้ครุ่นคิด นิกายศักดิ์สิทธิ์ มีสถานที่ฝึกฝนแปลก ๆ มากมาย และ การมองหาสถานที่ฝึกฝนสำหรับตัวเขาก็ไม่ใช่เรื่องยาก
แต่เขาไม่จำเป็นจะต้องกระตือรือร้นมากเกินไป เขากลัวว่าหากใจร้อนมากเกินไป นิกายศักดิ์สิทธิ์จะค้นพบความลับของเขา ดังนั้นเขาจะต้องมองหาวิธีการที่ปลอดภัย ที่สามารถ ซ่อนเร้น และ คงอยู่ในไร้ยะยาวได้
ดังนั้น เขาจึงจมดิ่งสติลงไปในสร้อยข้อมือจี้เต๋า เขาสัมผัสได้ถึงพื้นที่ที่เขาสามารถไปได้ และ ได้ล็อคเป้าหมาย พร้อมกับวาดประตูแสงออกมา และ ก้าวเข้าไปในนั้น
…
ภูเขาหนังสือเซิงจง
ตามตำนานเล่าว่าภูเขาหนังสือนี้เป็นของที่บรรพบุรุษของนิกายศักดิ์สิทธิ์จี้เต๋าในสมัยโบราณได้รับมันมาจากการชนะเดิมพันกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของขงจื๊อ กระทั่งบางคนยังบอกว่า บรรพบุรุษของพวกเขาได้ใช้ความแข็งแกร่งและคว้ามันมาโดยตรง
ว่ากันว่า บรรพบุรุษของนิกายได้ใช้พลังเหนือธรรมชาติขั้นสูงสุด ในการเอื้อมมือออกไปข้ามห้วงมิติอวกาศและเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของขงจื๊อ จากนั้น ก็ดึง ภูเขาหนังสือแห่งนี้มาวางไว้ที่นิกายศักดิ์สิทธิ์ของตน จนกระทั่งสิ่งนี้สืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้
ภูเขาหนังสือแห่งนี้เป็นสถานที่สำคัญสถานที่นึงของนิกายศักดิ์สิทธิ์ และ ถือเป็นสถานที่แสวงหาโชคลาภอย่างแท้จริง
ไป๋ตงหลิน ที่ข้ามประตูแสงมาได้ปรากฏตัวขึ้นในลานจัตุรัสขนาดใหญ่ ตรงกลางของลานจัตุรัสมีภูเขาหยกขนาดมหึมา ที่เปล่งประกายแสง 5 สี และ เต็มไปด้วยความมันวาว
นอกจากนี้ ยังมีตัวอักษรขนาดใหญ่ที่แกะสลักไว้บนกำแพงหินของภูเขาหยก โดยมีคำว่า ‘นิกายศักดิ์สิทธิ์จี้เต๋า’ ความหมายของมันก็คือภูเขาหยกนี้เป็นของนิกายศักดิ์สิทธิ์จี้เต๋า
ไป๋ตงหลิน เดาว่าภูเขาหนังสือนี้บางทีอาจจะถูกขโมยมาจริง ๆ
เขาไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับมันมากนัก ร่างของเขาได้เคลื่อนไปทางภูเขาหนังสือ ทันใดนั้น สร้อยข้อมือจี้เต๋าก็หักแต้มคะแนนของเขาไป 200 แต้ม และ เขาสามารถรั้งอยู่ในภูเขาหนังสือได้เป็นเวลา 6 ชั่วยาม โดยสามารถดูเนื้อหาใดก็ได้ ซึ่งมันมีราคาถูกกว่า โลกแห่งหลักจารึกอย่างมาก
มีถ้ำในภูเขาหนังสือ และ ไป๋ตงหลิน รู้สึกว่าเขาได้ข้ามชั้นของฟิล์มแสงและปรากฏตัวขึ้นในพื้นที่ขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถมองเห็นขอบได้อย่างชัดเจน แต่สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าเขาคือชั้นหนังสือที่มีหนังสือนับไม่ถ้วนวางอยู่ในนั้น และ ส่องสว่างเจิดจ้าไปทั่วทุกที่
เหล่าศิษย์ของนิกายจำนวนมากได้มารวมตัวกันที่นี่ ทุกคนต่างจมอยู่ในมหาสมุทรแห่งความรู้ และ พื้นที่ทั้งหมดก็พลันเงียบมาก
สร้อยข้อมือจี้เต๋าได้เชื่อมต่อกับปลายทางจิตวิญญาณของอุปกรณ์ที่นี่ในทันที และ จิตใจของ ไป๋ตงหลิน ก็เคลื่อนไหวเพื่อค้นหาข้อมูลของ ‘หุ่นเชิดตัวตายตัวแทน’
ผ่านไปครู่นึง ตำแหน่งของหนังสือที่เกี่ยวข้องกับ ‘หุ่นเชิดตัวตายตัวแทน’ ก็เข้ามาในหัวของเขา
ไป๋ตงหลิน พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ มันช่างสะดวกสบายจริง ๆ เพียงเสียแค่ 200 แต้ม เขาก็ได้รับฟังก์ชั่นในการอำนวยความสะดวกเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้แล้ว ด้วยความสามารถในการจดจำในปัจจุบันของเขา สามารถมองหาและปรับปรุงตัวเองท่ามกลางกองหนังสือเหล่านี้ได้
หลังจากนั้น ร่างของเขาก็พุ่งไปยังพื้นที่จุดหมาย หลังจากสร้างทะเลโลหิตขึ้นมา เขาก็ใช้ธาตุโลหิตปกคลุมไปทั่วร่างกาย ทำให้เขาเพิกเฉยต่อแรงกดดันของพื้นที่มิติอวกาศได้ ดังนั้น ความเร็วของเขา จึงเพิ่มมากขึ้น
ไม่นานเขาก็มาถึงตำแหน่งจุดหมาย ข้อมูลเกี่ยวกับหุ่นเชิดทั้งหมดได้ถูกวางไว้บนชั้นหนังสือเดียว โดยข้อมูลนี้ เป็นความรู้ง่าย ๆ แต่หาได้ยาก ไม่ใช่สิ่งที่ลึกลับ
เขาได้หยิบหนังสือออกมาและจดจำพวกมันทั้งหมด จากนั้น ก็หยิบหนังสือหนังสัตว์อีกเล่ม และ จดจำสิ่งที่อยู่ในนั้นภายในพริบตา
ประโยชน์จากการทะลวงทะเลจิตวิญญาณนั้น ได้สะท้อนให้เห็น มันง่ายสำหรับจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งของเขา ที่สามารถเรียนรู้และจดจำอะไรเหล่านี้ได้โดยง่าย และ นี่เป็นเหตุผลที่เขากระตือรือร้นที่จะเปิดทะเลจิตวิญญาณนี้
ในเวลาน้อยกว่าถ้วยน้ำชา เขาได้สแกนหนังสือบนชั้นวางหนังสือไปจำนวนมาก และ เข้าใจถึงลักษณะเฉพาะต่าง ๆ ของ หุ่นเชิดอย่างถ่องแท้
ตราบใดที่เขามีวัสดุที่เหมาะสม เขาก็สามารถสร้างหุ่นเชิดตัวแทนได้ แม้ว่าจะไม่ใช่หุ่นเชิดตัวตายตัวแทนที่แท้จริง แต่เขาก็สามารถกล่าวอ้างได้ สิ่งนี้ก็เพื่อปิดบังความสามารถในการพลิกฟื้นที่แข็งแกร่งของเขา
นี่เป็นมาตรการป้องกัน ความเป็นอมตะ ที่เป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา และ เขาไม่ต้องการที่จะเปิดเผยมัน
เว้นแต่ว่าเขาจะเชี่ยวชาญพลังของเวลาและมิติ เมื่อนั้น เขาก็ไม่จำเป็นจะต้องกลัวการตรวจสอบใด ๆ
จุดประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้ลุล่วงแล้ว แต่ ไป๋ตงหลิน ไม่ได้ออกไปในทันที แน่นอนว่า มีความรู้มากมายซ่อนอยู่ในกองหนังสือเหล่านี้ และ เขาไม่สามารถกลับไปมือเปล่าได้
เขาได้จมลงไปในสร้อยข้อมือและค้นหา ‘ความลับของเทคนิคการฝึกฝนร่างกาย’ แทน โดยเขาไม่ได้มองหาพวกพลังวิชาหรือพลังเหนือธรรมชาติที่มีค่าเป็นอย่างมาก
วิธีการฝึกฝนร่างกายแตกต่างไปจากเทคนิคลับ ยกเว้นเทคนิคการฝึกฝนร่างกายที่ทรงพลัง ไม่งั้นสิ่งเหล่านี้ ล้วนไม่สามารถเทียบกับเทคนิคลับที่อยู่ในโลกแห่งหลักจารึกได้
ใครก็ตามที่สามารถเข้าสู่นิกายศักดิ์สิทธิ์ได้ ล้วนมีความมั่นใจในตัวเองสูง และ แน่นอนว่าคงแทบจะไม่มีใครฝึกฝนความรู้ระดับต่ำเช่นนี้ แน่นอนว่า โดยพื้นฐานเขาเองก็เช่นเดียวกัน แต่ทว่า ไป๋ตงหลิน มีความรู้เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ไม่มากนัก
และ ไป๋ตงหลิน เชื่อว่าแม้ว่าเทคนิคระดับต่ำเหล่านี้จะดูไร้ค่า แต่มันก็มาจากสติปัญญาของผู้ประพันธ์ มันสามารถหล่อเลี้ยงเส้นทางการบ่มเพาะพลังของเขาได้
แม้จะไม่ต้องฝึก เพียงแค่เก็บไว้ในหัว บางทีมันก็อาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้เขาได้ในบางจุด
คราวนี้เขาได้ค้นหาเป็นเวลานาน ในที่สุด เขาก็พบจุดสีแดงไร้สิ้นสุดจำนวนมาก แต่ละจุดก็คือชั้นวางหนังสือ
ไป๋ตงหลิน ได้เดินไปที่ชั้นหนังสือที่ใกล้ที่สุด เขาได้หยิบหลอดหยกมาวางบนหน้าผากและเริ่มคัดลอก
การกระทำเช่นนี้ เขาไม่ได้มองดูมันอย่างละเอียดถี่ถ้วน เขาเพียงแค่ฝังมันเข้าไปในส่วนลึกของจิตวิญญาณ เพราะเขาไม่ต้องการเสียเวลาอยู่ที่นี่เพราะมันส่งผลกระทบต่อแต้มคะแนนของเขา หลังจากออกไปแล้ว เขาค่อยย่อยความรู้เหล่านี้อีกที
ไป๋ตงหลิน ได้เริ่มทำงานด้วยมือทั้งสองข้างพร้อมกัน หลังจากวางของมือซ้าย เขาก็หยิบของในมือขวา ความเร็วของเขารวดเร็วมาก โดยรักษาความเร็วของหนึ่งถ้วยน้ำชาต่อชั้นหนังสือ 1 ตู้
ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นคนตะกละตะกลาม โดยเขาได้กลืนกินความรู้เทคนิคในการฝึกฝนร่างกายเหล่านี้อย่างบ้าคลั่ง
5 ชั่วยามต่อมา
ไป๋ตงหลิน ได้หยุดเคลื่อนไหว เส้นเลือดสีฟ้าบนหน้าผากของเขาได้ปริแตก เขาได้มาถึงขีดจำกัดแล้ว และ จิตวิญญาณของเขาก็เจ็บปวดเกินจะทน
เขาได้สร้างแบบฝึกหัดและวิธีการฝึกฝนที่แตกต่างกันทั้งหมด 39,000 แล่ม! ซึ่งเขาไม่สามารถทนได้ไหวแล้ว เขาคาดว่าจิตวิญญาณของเขาจะระเบิด หากฝืนจำความรู้อีก 1 เล่ม
เขารู้สึกว่าตนเองโลภมากเกินไป หากเขาไม่ย่อยความรู้ในการฝึกฝนเหล่านี้อย่างรวดเร็ว มันจะส่งผลกระทบต่อการกระทำปกติของเขาและไม่สามารถบ่มเพาะพลังในทุกวันได้
หรือไม่เขาก็ต้องเสริมสร้างพลังทางจิตวิญญาณต่อไป มิฉะนั้น เซลล์โลหิตภายในร่างกายจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวก
เขาได้นั่ง ไขว่ห้างบนพื้น และ เริ่มแยกแยะ วิธีการฝึกฝน และ ความลับต่าง ๆ ในจิตวิญญาณ ความสามารถในการจดจำของเขาดีมาก และ เขาได้ใช้เวลาไปไม่ถึง 6 ชั่วยาม ดังนั้น มันควรจะเสียเปล่าหากเขาต้องออกไปตอนนี้
หลังจากครึ่งชั่วยามผ่านไป เขาก็สามารถควบคุมโลหิตในร่างกายได้เล็กน้อย ทำให้เขาลุกขึ้นและออกเตรียมจะออกจากภูเขาหนังสือเซิงจง
เขาต้องการมองหาวิธีใช้พลังพิเศษเพื่อเสริมสร้างจิตวิญญาณของเขา มิฉะนั้น เขาคงไม่สามารถย่อยพวกมันทั้งหมดได้ภายใน 1-2 เดือน
หลังจากคิดเสร็จ เขาก็เปิดประตูแสงและก้าวเข้าไป
อีกอย่างเขาคิดได้แล้วว่าจะไปเสริมพลังที่ไหน