543 - รอมาจนถึงยุคที่ยิ่งใหญ่นี้
1853 - รอมาจนถึงยุคที่ยิ่งใหญ่นี้
“แน่นอนหลายคนเรียกนางว่าเทพธิดาชิงเยว่” ชายชุดขาวพยักหน้า
รูปลักษณ์ของหญิงสาวผู้นี้โดดเด่นและน่าทึ่งมาก ดวงจันทร์สีน้ำเงินแขวนอยู่ข้างหลังนางส่องสว่างไปทั่วโลก นางเป็นเหมือนเทพธิดาที่อยู่บนสรวงสวรรค์มองเห็นทุกสิ่งใต้ท้องฟ้า
เทพธิดาชิงเยว่มีรูปลักษณ์ที่อ่อนโยนบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ นี่ควรจะเป็นรูปลักษณ์และท่าทางของนางเมื่อตอนที่ยังมีชีวิต นางสงบนิ่งมากแม้จะเผชิญหน้ากับราชันย์แห่งดินแดนปิดผนึกก็ตาม
“นางดูมีความหยิ่งผยองเล็กน้อย” ชายชุดขาวหัวเราะ จากนั้นดวงตาของเขาก็มืดลง “นางก็ตายเช่นเดียวกันร่วงหล่นลงในช่วงสุดท้ายของยุคเซียนโบราณ”
หัวใจของสือฮ่าวเต้นกระหน่ำเขาพบว่ามันยากที่จะสงบลง เขาตกใจจริงๆ
เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคนเหล่านั้นมาก่อนและเขาก็ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับพวกเขามาก่อน
อย่างไรก็ตามสำหรับคนสุดท้ายนี้เขาจะไม่ได้ยินเกี่ยวกับนางได้อย่างไร? ก่อนหน้านี้เขาเคยเห็นเมล็ดพันธุ์ที่นางทิ้งไว้คือดวงจันทร์สีเขียว!
เมล็ดพันธุ์ที่นางตกทอดไว้ก็คือเมล็ดพันธุ์ของชิงยี่นั่นเอง!
เปลวไฟและสัญลักษณ์เหล่านั้นกลายเป็นหนึ่งเดียวกับชิงยี่มานานแล้ว ในระดับที่มีบางคนที่สงสัยว่าเทพธิดาชิงเยว่อาจมีความสัมพันธ์บางอย่างกับชิงยี่
บางทีอาจจะเป็นการกลับชาติมาเกิดแต่ก็ไม่สามารถฟันธงได้อย่างชัดเจน
สือฮ่าวตกตะลึง เทพธิดาชิงเยว่ผู้มีชื่อเสียงสั่นสะเทือนชายแดนรกร้างในยุคเซียนโบราณมีความเกี่ยวข้องกับราชันดินแดนปิดผนึกคนนี้จริงๆ?
“นางเป็นศิยษ์ของท่านหรือ” สือฮ่าวถาม “นางถือได้ว่าเป็นหนึ่งในนั้น หลังจากความผิดหวังไม่รู้จบข้าได้ถ่ายทอดญาณวิเศษอันมหัศจรรย์ให้นาง” ชายในชุดขาวพยักหน้า
สือฮ่าวพูดไม่ออก คนผู้นี้แข็งแกร่งแค่ไหน? เขารู้ว่าบุคคลทั้งแปดที่ปรากฏขึ้นมานั้นล้วนแล้วแต่เป็นอัจฉริยะแปรปรวนสวรรค์ที่ไม่มีใครเทียบได้
ยกตัวอย่างเช่นเทพธิดาชิงเยว่ซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้อมตะที่แข็งแกร่งมากที่สุดคนหนึ่งในยุคเซียนโบราณ
ราชันย์แห่งดินแดนปิดผนึกคนนี้ลึกลับเกินไป แน่นอนว่าความแข็งแกร่งของเขาย่อมไม่มีใครเทียบได้
จากคำพูดของเขาดูเหมือนว่าเขาเริ่มรับลูกศิษย์ครั้งแรกตั้งแต่เริ่มต้นยุคเซียนโบราณอันยิ่งใหญ่
อ๋าวกู่เขามาจากเผ่าที่อาศัยอยู่ในปฐมแห่งความโกลาหล ผู้เชี่ยวชาญคนแรกที่มาถึงสถานที่แห่งนี้เกิดในช่วงเริ่มต้นของยุคเซียนโบราณ
หากเป็นเช่นนั้นจริงราชันของดินแดนปิดผนึกคนนี้จะมีชีวิตมานานหลายสิบล้านปี
! “พวกเขาตายหมดแล้ว” ชายชุดขาวถอนหายใจ
สายลมพัดผ่านทำให้เสื้อผ้าสีขาวของเขาขยับไปมาเพิ่มความรู้สึกเยือกเย็นให้กับรูปลักษณ์ของเขา
“ข้าดื่มชานี้แล้ว…” สือฮ่าวพูดอย่างระมัดระวัง เป็นเพราะเขาไม่อยากตายอย่างไร้เหตุผล ผู้ที่ดื่มชานี้ล้วนเสียชีวิตนับว่าไม่เป็นมงคลอย่างแท้จริง
“เจ้าเป็นคนที่สิบ ข้ารอมาถึงยุคที่ยิ่งใหญ่นี้ ในที่สุดข้าก็ได้พบเจ้าผู้ที่จะแข็งแกร่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์” ราชันย์แห่งดินแดนปิดผนึกกล่าว
สือฮ่าวรู้สึกปวดหัวและพูดว่า“ข้าไม่อยากตามพวกเขาไปที่หลุมศพ”
ชายในชุดขาวได้ยินดังนั้นก็ส่ายหัวและพูดว่า
“ ข้าจะไม่บังคับให้เจ้าเดินไปตามทางนั้น แม้แต่ทุกก้าวเดินของพวกเขาข้าก็ไม่เห็นด้วย อย่างไรก็ตามพวกเขาทุกคนยังมุ่งหน้าไปในเส้นทางนั้นสุดท้ายแล้วพวกเขาก็ตายพวกเขารีบเร่งมากเกินไป
พวกเขารู้ดีว่าระดับบ่มเพาะของตัวเองมาถึงจุดสูงสุดแล้วแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าต้องล้มเหลว แต่พวกเขาก็ยังอยากจะทำต่อไป…!” ชายชุดขาวพูดเรื่องนี้พร้อมกับถอนหายใจ
“ข้ารู้ดีว่าพวกเขาเคารพข้าในฐานะอาจารย์นั่นจึงเป็นเหตุผลที่พวกเขาต้องการต่อสู้แทนข้า” ชายชุดขาวกล่าว
สือฮ่าวรู้สึกสับสน เขาพยายามจะพูดอะไร? ราชันย์แห่งดินแดนปิดผนึกนี้มีศัตรูอย่างนั้นหรือเหตุไฉนเขาไม่ลงมือจัดการเอง?
ชายในชุดขาวค่อยๆปัดด้วยมือของเขา ทันใดนั้นก็ปรากฏฉากที่ผิดปกติมากมายทั้งสวรรค์เบื้องบนถล่มลงมาซากศพของผู้อมตะกองอยู่ทุกที่
“สถานที่นั้นคือ…”
สือฮ่าวตกตะลึงพบว่ามันยากที่จะสงบลงได้
เป็นเพราะเขาเคยไปสถานที่นั้นมาก่อนและได้เห็นความจริงส่วนหนึ่ง
ตอนนี้ชายชุดขาวได้แยกความว่างเปล่าออกไปทำให้ฉากนั้นปรากฏขึ้นอีกครั้ง
นี่ควรเป็นเพียงฉากความทรงจำในอดีตไม่ใช่พวกมันลงมาในสถานที่แห่งนี้อย่างแท้จริง
เขื่อนแห่งหนึ่งตั้งอยู่ที่นั่นตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้มองเห็นได้อย่างชัดเจน เสียงคลื่นยักษ์ดังมาจากด้านหลังเขื่อน
ท้องฟ้ามืดครึ้มมีชั้นหมอกปกคลุมสถานที่แห่งนี้
สถานที่แห่งนี้ลึกลับอย่างยิ่งมันเต็มไปด้วยพลังแห่งความโกลาหลกระจายอยู่ทุกที่
อย่างไรก็ตามสือฮ่าวยังคงเห็นว่าบนเขื่อนมีใครบางคนนอนอยู่ ร่างกายที่เต็มไปด้วยเลือดปลดปล่อยรัศมีของเต๋าอมตะออกมา นี่คือผู้อมตะที่แท้จริงคนหนึ่งที่เสียชีวิตอยู่บนหลังเขื่อนนั้น
ในขณะที่สายตาของเขาเปลี่ยนไปในส่วนที่ห่างไกลของเขื่อนก็มีศพในระดับที่ใกล้เคียงกันจำนวนมากแขวนอยู่บนเขื่อนและตายอยู่บนนั้น
สือฮ่าวเคยไปที่นั่นมาก่อน!
ในตอนนั้นเมื่อเขาออกจากอาณาจักรเซียนพร้อมกับซานซางและเสิ่นหมิงโดยมองหาเส้นทางกลับ ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยเห็นนรกสายฟ้ามาก่อน พวกเขาผ่านเส้นทางนั้นมาถึงเขื่อนแห่งนี้ในที่สุด
ในสถานที่นั้นเขาพบร่องรอยของเทพหลิว เขาจากไปแล้วเข้าสู่โลกหลังเขื่อน!
นอกจากนี้ยังมีร่องรอยของรอยเท้าจางๆ ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นของยุคใด ดูเหมือนทุกคนที่ตามหลังมาจะเดินตามรอยเท้าเหล่านี้
เส้นทางที่ชายชุดขาวพูดถึงคือสถานที่หลังเขื่อน?!
สือฮ่าวไม่สามารถซ่อนความตกใจของเขาได้ เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นอย่างนี้!
ทันใดนั้นจิตใจของเขาก็ตึงเครียดเพราะเขาเห็นสิ่งมีชีวิตในฉากนั้น
เสื้อผ้าสีขาวของเขาบริสุทธิ์ยิ่งกว่าหิมะไม่ได้รับการปนเปื้อนด้วยจุดฝุ่นห่างไกลและเหนือชั้น เขายืนอยู่บนเขื่อนในที่สุดเขาก็ก้าวออกไปข้างนอก
นี่คือราชันย์ของดินแดนปิดผนึกนี้ ในอดีตเขาเคยข้ามไปที่โลกหลังเขื่อน!
สือฮ่าวตกใจมาก ยังมีคนที่ข้ามไปแล้วสามารถรอดชีวิตกลับมาได้? ฉากทั้งหมดชี้ให้เห็นความจริงที่ว่านี่คือเส้นทางแห่งความตายไม่มีใครเคยนำข้อมูลที่มีค่ากลับมาจากสถานที่แห่งนั้น
ก่อนหน้านี้เขาเคยเห็นซากศพของสิ่งมีชีวิตอมตะมากมายนอนอยู่บนหลังเขื่อนพยายามดิ้นรนกลับมา!
ฮ่อง!
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงอันน่ากลัวมาจากข้างหลังเขื่อน ราวกับว่าคลื่นใหญ่กำลังโหมกระหน่ำ แต่ก็ราวกับว่ามีการต่อสู้ครั้งใหญ่ จากนั้นพวกมันก็ค่อยๆจางหายไปในระยะไกล
วันแล้ววันเล่าปีแล้วปีเล่า
เศษเสี้ยวเวลาบินไปมา ขณะที่เขาดูฉากเหล่านั้นเขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ ไม่กี่เดือนหรือหลายปี?
ในที่สุดวันหนึ่งก็มีฝ่ามือสีเเดงปรากฏขึ้นเกาะอยู่บนเขื่อน มันชุ่มไปด้วยเลือดความเสียหายรุนแรงทำลายความสงบของฉากนี้
จากนั้นมือข้างนั้นก็ออกแรงดึงด้วยความยากลำบากอยากจะปีนข้ามเขื่อน หลังจากนั้นไม่นานในที่สุดใบหน้าของเขาก็ปรากฏขึ้นมา
ผมของคนๆนั้นยุ่งเหยิงใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือดดวงตาสลัวขาดความสดใส เขาต่อสู้ด้วยความยากลำบากในที่สุดก็ข้ามเขื่อนกลับมาได้
ทั้งตัวของเขาเป็นสีแดงมีบาดแผลมากมาย ช่องว่างระหว่างคิ้วของเขาแตกออกจากกันร่างกายมีรูเลือดนับไม่ถ้วนและบาดแผลอื่นๆสภาพของเขาน่ากลัวอย่างยิ่ง
ชุดเกราะของเขาขาดรุ่งริ่งสีแดงฉานและเปื้อนเลือด
ร่างกายของเขาโยกจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่งเซล้มลงหลายครั้งแล้วกลับขึ้นมาใหม่ ในที่สุดเขาก็ดิ้นรนออกจากรัศมีของเขื่อนไปได้
สือฮ่าวตกใจ เขาจำร่างนั้นได้นี่คือราชันของดินแดนปิดผนึกซึ่งกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าของเขานี่เอง
แต่เดิมเสื้อผ้าสีขาวของเขาบริสุทธิ์ยิ่งกว่าหิมะ แต่ตอนนี้สามารถมองเห็นเพียงชุดเกราะที่ขาดรุ่งริ่งมีสีแดงชุ่มโชกจากเลือด เขาสูญเสียความองอาจกล้าหาญในอดีตไปแล้ว