เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 102
ตอนที่ 102
หลังจากที่กลืนกินแท่นบูชาเข้าไปอีกสามรวมเป็นสี่แท่น หลินซวนก็อดมิได้ที่จะเรอออกมาอีกครั้ง
ต่อให้ตัวเขาเองมีทักษะศักดิ์สิทธิ์กลืนกินดารา ทว่าท้องน้อยๆ ของหลินซวนก็เริ่มป่องออกมาบ้างแล้ว และแสงห้าสีของแท่นบูชายังคงลอยวนอยู่บริเวณปากและจมูกของเขา
หลินซวนยกมือขึ้นมาปิดปากของตนที่เพิ่งเรอออกไปเมื่อครู่
ส่วนเจ้าหนูน้อยที่อยู่ข้างกายของเขากลับนิ่งค้างไปเสียแล้วกับการกระทำเช่นนี้!
ผู้คนที่อาศัยอยู่นอกแดนรกร้างช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก พวกเขาสามารถจะกินศิลาเข้าไปได้ด้วย!? ยิ่งกว่านั้นการกลืนศิลาเข้าไปเช่นนั้นจะมีประโยชน์อันใดกัน?
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เสี่ยวหาวจะได้ถามอะไร แสงสว่างเจิดจ้าก็เปล่งประกายออกมาจากหว่างคิ้วของหลินซวน และกลิ่นอายของเขาก็เปลี่ยนไป!
ในตอนนี้ คลื่นปราณจำนวนมหาศาลปะทุออกมาจากร่างของหลินซวน ก่อเกิดลมพายุโหมกระหน่ำและแสงหลากสีเปล่งประกายไปรอบด้าน!
ทันใดนั้นเอง ราวกับโลกทั้งใบกระจ่างชัดขึ้น แสงของหมู่มวลดาราบนท้องฟ้าฉายลงมาก่อนจะรวมตัวกับผสานเข้ากับกายหลินซวน!
ราวกับภาพวาดอันวิจิตรงดงาม คล้ายดาราจักรอันห่างไกลปรากฏขึ้นบนท้องนภาอันพร่างพราว ทางด้านหลินซวนที่ยืนอยู่เบื้องล่าง แสงมากมายกระจายออกจากร่างของเขา คล้ายกับว่าเราเป็นหยกเรืองแสงชนิดหนึ่ง และหากเพ่งมองให้ดีจะสามารถเห็นได้ว่าแสงจากดวงดาราจำนวนมหาศาลกำลังไหลรวมเข้ากับร่างกายของเขาอย่างมิหยุดหย่อน
จากนั้น หลินซวนก็เลื่อนขั้นลมปราณของตนทันที! ในดวงตาของเขาปรากฏนัยน์ตาหยินหยางขึ้น ก่อนที่จะบรรลุชั้นลมปราณอีกคราและขยับจากชนชั้นแดนปรับปรุงปราณขึ้นเป็นแดนปราณสร้างรากฐานในที่สุด!
“เกิดอันใดขึ้น?” เจ้าเด็กน้อยเบิ่งตากว้าง
แม้ว่าเจ้าตัวน้อยจะมิอาจรู้ได้ว่าการเลื่อนขั้นปราณคือสิ่งใด แต่เขาก็สัมผัสได้ว่าหลังจากหลินซวนกลืนกินแท่นบูชาเหล่านั้นเข้าไปเขาก็ได้ผลประโยชน์มหาศาล!
เสี่ยวหาวมองรูปร่างของหลินซวนด้วยความอิจฉาตาร้อนยิ่ง เขาหันหลังกลับไปทั้งน้ำตานองหน้า จากนั้นก็นอนทับแท่นบูชาก่อนจะอ้าปากออกกว้าง และกัดลงที่แท่นบูชาอย่างรุนแรงหวังจะกินมันเข้าไปเหมือนที่หลินซวนได้กระทำก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตามที อย่าได้กล่าวถึงการจะกลืนกินแท่นบูชาเข้าไป เพราะด้วยพละกำลังที่มากมายของเด็กน้อย เขากลับทำฟันของตนเองหักทันที!
หวงหาวเจ็บปวดยิ่งนัก ใบหน้าชื้นไปด้วยน้ำตา ก่อนที่เขาจะหลังกลับมาอีกครั้งเพื่อจ้องหลินซวนเขม็งราวกับจะเอ่ยถามว่าเหตุใดข้าจึงไม่สามารถกินเข้าไปได้บ้าง?
ทางด้านหลินซวนเองก็นิ่งเงียบด้วยความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเล็กน้อย เขาไม่อาจจะบอกเด็กตัวน้อยคนนั้นเกี่ยวกับทักษะกลืนดาราของเขาที่ทำให้เขากลืนกินทุกสิ่งได้ มิใช่หรือ?
มองไปยังแท่นบูชาห้าสีจำนวนมากมายที่ปกคลุมไปทั่วทั้งหุบเขาแห่งนี้ ดวงตาของหลินซวนกลอกกลิ้งไปมา ก่อนที่วังวนจากทักษะกลืนดาราจะปรากฏขึ้นบริเวณฝ่ามือของเขา และเขาก็ทำการกดฝ่ามือของตนลงไปยังแท่นบูชาทันที!
ทันใดนั้น แท่นบูชาก็พังทลายและแตกสลายลงในทันที!
ทักษะกลืนกินที่ทรงพลังทะลักออกมาย่อยสลายแท่นบูชานั้น ก่อนที่มันจะกลายเป็นกลุ่มก้อนพลังงานบริสุทธิ์ของแก่นแท้แห่งแท่นบูชาหน้าสีที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของเขา!
หลินซวนเองก็มิได้คาดคิดถึงผลลัพธ์เยี่ยงนี้เช่นกัน เขารู้สึกเต็มไปด้วยความสุขในหัวใจ จากนั้นก็ใช้วังวนทักษะกลืนดาราในมือของตนแปรเปลี่ยนแท่นบูชาจำนวนหนึ่งที่อยู่ใกล้จนกลายเป็นกลุ่มก้อนแสงห้าสีทันที!
ทว่า หลินซวนยังคงรู้สึกว่าพลังงานเท่านี้มิได้มากพอเท่าที่เขาต้องการ เขาอยากจะเก็บสะสมมันเพิ่มอีก
วูบ!
ในตอนนั้นเอง ลำแสงก็ปะทุขึ้นที่ใจกลางหุบเขา กิ่งก้านต้นหลิวที่เขียวใสราวกับหยกจักรพรรดิปรากฏขึ้น มันเปล่งประกายระยิบระยับ ดูสง่างามและโปร่งใส แฝงไปด้วยพลังชีวิตอันสูงศักดิ์คล้ายเป็นสมบัติที่อยู่ในหัตถ์ของพระแม่แห่งธรรมชาติผู้เป็นต้นกำเนิดของสรรพชีวิตทั้งมวล!
กิ่งต้นหลิวนั้นยืดผ่านระยะทางไกลก่อนจะหวดลงบนมือของหลินซวน
“อ๊ะ!!” หลินซวนร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด พลังงานแปลกประหลาดที่เกิดจากการควบรวบของวังวนทักษะกลืนดาราในมือของเขาสลายไปทันที
ไม่เพียงเท่านี้ กิ่งก้านนั้นยังกลับกลายเป็นดั่งสายโซ่ที่เต็มได้กฎเกณฑ์แห่งฟ้าดิน จากนั้นมันก็ทำการดูดกลืนกลุ่มพลังที่ควบแน่นจากแท่นบูชาห้าสีไปมากกว่าครึ่ง!
“ปราณวิญญาณของข้า!” หลินซวนคร่ำครวญออกมาทันใด
เหม่อมองฉากเบื้องหน้าของตน เสี่ยวหาวตรงมาเผชิญหน้ากับหลินซวน ใบหน้าเล็กๆ ของเขาเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ ก่อนจะเอ่ยออกมาคล้ายกับว่าตนเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง
“เอาล่ะ เอาล่ะ อย่างน้อยเจ้าก็เหลืออีกครึ่งหนึ่งมิใช่หรือ?”
หลินซวนมองไปยังเสี่ยวหาว ต่อให้เจ้าเด็กน้อยคนนี้จะกำลังปลอบโยนเขา แต่เหตุใดหลินซวนกลับสัมผัสได้ถึงความสุขสมจางๆ จากการที่หวงหาวได้เห็นเขาสูญเสียปราณวิญญาณก้อนนั้นไป?
“ช่างตระหนี่ยิ่งนัก!” หลินซวนอดมิได้ที่จะบ่นออกมา
วินาทีถัดมา กิ่งหลิวสีเขียวใสก็บิดม้วนกลางอากาศและกลืนกินกลุ่มแสงห้าสีที่เหลือลงไปทันที
ดวงตาหลินซวนเบิกกว้าง เขาเจ็บปวดในหัวใจจนแทบกระอักเลือดออกมา!
“ฮ่าๆๆๆ!” ครานี้ เจ้าเด็กน้อยคนนั้นมิอาจจะกักเก็บความในใจไว้ได้อีกต่อไป เขาหัวเราะลั่นพลางกุมท้องของตนไว้และกลิ้งไปมาบนพื้น
หลินซวนหายใจเข้าลึกๆ หลายครั้ง และบังคับให้ตนเองสงบลง เขาหาได้สนใจเจ้าเด็กหน้าเหม็นข้างตัวในตอนนี้ไม่ เขาเพียงแค่เดินเข้าไปยังด้านใบของหุบเขาเท่านั้น
เจ้าหนูคนนั้นยังคงหัวเราะออกมา นี่นับได้ว่าหายากยิ่งนักที่จะได้เห็นหลินซวนถูกล้อเลียนเช่นนี้ ก่อนที่ครู่ต่อมาเสี่ยวหาวจะวิ่งตามหลังหลินซวนไป
เมื่อหลินซวนเข้าไปยังส่วนลึกของหุบเขา ก็ค้นพบว่าที่นี่ราวกับเป็นสรวงสวรรค์แห่งหนึ่ง นี่เป็นเพราะว่าปราณวิญญาณในที่แห่งนี้ช่างอุดมสมบูรณ์ยิ่ง และยังมีแท่นบูชาห้าสีอีกจำนวนมากมายฝังอยู่
ด้านในของหุบเขา พืชพันธุ์งอกงามเขียวขจี แสงสว่างทอประกายรอบด้าน ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความเก่าแก่โบราณประการหนึ่ง ต่อให้หลินซวนมิได้ใช้ออกซึ่งนัยน์ตาหยินหยางของตนเพื่อสำรวจบริเวณโดยรอบ เขาก็ยังสามารถบอกได้ว่าพืชทั้งหลายที่ปลดปล่อยไปวิญญาณออกมาอย่างสวยงามพวกนั้นย่อมเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างยิ่ง!
ยิ่งไปกว่านั้น เขามองเห็นสายธารไหลผ่านอีกทั้งน้ำพุใสกระจ่างดุจน้ำค้างในยามรุ่งอรุณ ที่นี่คือสวรรค์บนผืนดินอย่างแท้จริง
หลินซวนมองไปยังสมบัติล้ำค่าทั้งหลายที่อยู่ในบริเวณและอดมิได้ที่จะเอ่ยถามออกมา
“เสี่ยวหาว ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยสมุนไพรวิญญาณและโอสถสมุนไพรชั้นยอด เจ้ามิเคยได้ใช้พวกมันเลยหรือ?”
“พวกเราก็ย่อมต้องใช้งานพวกมันอยู่แล้ว” หวงหาววัยสามปีพยักหน้าเป็นการตอบรับ เขาชี้ไปยังสมุนไพรทั้งหลายซึ่งอยู่ไกลออกไป
“ที่แห่งนี้คือสวนสมุนไพรของผู้พิทักษ์วิญญาณ บางครั้ง พวกเราก็มาเก็บสมุนไพรไปจากที่นี่ แต่ก็มิได้เด็ดพวกมันมากจนเกินไป หากมิใช่เพราะบรรดาท่านลุงทั้งหลายได้รับบาดเจ็บหนัก หรือพวกเราต้องชำระโลหิต ปราณ และกระดูกให้เด็กน้อยในหมู่บ้าน พวกเราก็มิได้ใช่มันมากไปกว่านั้น”
หลินซวนพยักหน้าเพื่อแสดงออกว่าเขาเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังอธิบาย จากนั้นเขาก็เดินต่อไปด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างสูง
ในตอนนี้ หลินซวนราวกับตุ๊กตาตัวน้อยน่ารักน่าชัง เมื่อเขาเดินเคียงข้างกับหวงหาว ความน่ารักของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี หากมีหญิงสาวสักคนได้พบเห็นฉากนี้ พวกนางคงอดมิได้ที่จะวิ่งเข้ามากอดเด็กน้อยทั้งสองไว้อย่างแนบแน่นและไม่ยินยอมจะปล่อยออกจากอ้อมแขนอย่างแน่นอน
หลังจากที่พวกเขาเดินมาครู่ใหญ่ เสี่ยวหาวก็ที่มีความสุขยิ่งนักก็กระโจนออกไปด้านหน้าพร้อมกับกอดต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นเอาไว้ราวกับเป็นลูกลิงตัวน้อย
“ผู้พิทักษ์วิญญาณ!”
เมื่อหลินซวนได้พบกับผู้พิทักษ์วิญญาณที่ว่า เขาก็อดมิได้ที่จะนิ่งค้างไปชั่วขณะ
“ปิศาจต้นหลิว?”
กลายเป็นว่าเบื้องหน้าของเขาคือต้นหลิวขนาดยักษ์ต้นหนึ่ง
แสงสีเขียวราวกับมรกตเปล่งประกายออกมาพร้อมกับพลังชีวิตอันมากล้น กิ่งก้านของมันปลิวไสวหยอกล้อสายลม ในทุกครานี้ขยับเขยื้อนราวกับว่ามันปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ออกมาพร้อมกัน
หลินซวนค้นพบว่าโดนรอบบริเวณของต้นหลิวนั้นเขาสามารถมองเห็นลำแสงสีเขียวมากมายกวาดผ่านไปมากลางอากาศ บางส่วนคล้ายจะเป็นสมบัติบางประการ บางส่วนราวกับเป็นปักษาวิญญาณและสัตว์เทพที่ยิ่งใหญ่ พวกมันล้วนแปรเปลี่ยนกลับกลายไปมาอย่างไร้ที่สิ้นสุด เต็มเปี่ยมไปด้วยมนต์ขลังน่าอัศจรรย์ใจ