ตอนที่ 9 เพื่อจับ มันต้องปล่อยก่อน
[ภายในคุกใต้ดินน้ำแข็ง]
เย่เฉินกับอาจารย์ของเขากำลังปรึกษาหารือกัน
“เรื่องนี้ต้องพิจารณาระยะยาว ไม่เพียงต้นกำเนิดของกู่ฉางเกอจะน่ากลัว แต่ยังมีสัตว์ปประหลาดซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเขาด้วย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าก็สู้เขาไม่ได้..พยายามอย่าประมาทเหมือนวันนี้ในอนาคตละ!”
อาจารย์ของเย่เฉินสั่ง
อาจารย์ของเขาคือผู้หญิงชื่อหยานจี นางเป็นวิญญาณโปร่งแสง มีรูม่านตาสีแดงประหลาดๆ สีหน้าระมัดระวังทำให้นางดูสวย แม้นางจะเป็นแค่วิญญาณ แต่ก็สามารถบอกได้ว่านางเคยเป็นสาวงามแห่งยุค
“ขออภัยให้ข้าด้วย ท่านอาจารย์!ข้าเข้าใจแล้ว”
เย่เฉินอดเสียใจไม่ได้พอเขาเริ่มสงบ เขาไม่ควรระบายความโกรธใส่อาจารย์ที่รักเลย โชคดีที่อาจารย์ของเขาไม่หงุดหงิด และยังทำให้เขาใจเย็นด้วย
แน่นอน เขาเมินคำพูดนางเพราะความประมาทของเขาหรืออะไรก็ตาม แต่เย่เฉินไม่เคยยอมรับว่าเขาผิด!
ตอนนั้น เขาคิดว่าเขาเตรียมมาตรการโต้ตอบไว้หมดแล้ว มันดันว่าเกิดปัญหากับอาจารย์เสียก่อน
“ข้ารู้ ท่านอาจารย์ จากวันนี้ไป ข้าจะก้มหัวของข้า เฉพาะตอนข้าแข็งแกร่งขึ้น ข้าถึงจะมีโอกาสฆ่ากู่ฉางเกอนั่น”
เย่เฉินสาบาน
เขาคิดดีแล้ว
สุดท้าย เขาก็ยังไม่อยากยอมแพ้
เขารู้สึกว่าซูชิงเกอไม่ได้ทำตามใจปรารถนา นางต้องมีปัญหาของนาง
หรือกู่ฉางเกอก็ต้องบังคับนาง
นี่ทำให้หยานจีขมวดคิ้ว นางถอนหายใจกับตัวเอง
จากมุมมองนาง นิสัยของเย่เฉินยังเด็ก
เขาไปยุ่งกับคนที่ไม่ควรยุ่งเพื่อผู้หญิง
แถม พอพิจารณาถึงเรื่องราว กู่ฉางเกอก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย
แต่ทว่า เย่เฉินก็เป็นศิษย์ของนาง ความจริงที่นางสามารถตื่นขึ้นได้ในตอนแรกก็เนื่องจากพลังวิญญาณที่เขาบ่มเพาะอย่างเจ็บปวด
ดังนั้น หยานจึจังไม่คิดออกมาเสียดัง
“มีคนแข็งแกร่งหลายคนโดนขังในนี้ บางทีมันอาจช่วยให้เราหลบหนีได้”
เย่เฉินคิดกับตัวเอง เขาไม่ยอมนั่งเฉยและยอมรับชะตากรรม
เนื่องจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนทรยศเขาก่อน เขาก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ!
เขากล้ำกลืนความเกลียดชังนี้ไว้
ทั้งสองลอบสื่อสารกันเงียบๆ แต่ทว่า พวกเขาไม่รู้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งคอยจับจ้องพวกเขาตลอดเวลา
มันคือเฒ่าหมิง
อาจารย์ของเย่เฉินอาจเคยแข็งแกร่ง แต่ตอนนี้ก็เป็นแค่วิญญาณ นางจึงยากจะพบเขาได้
“จะมีโอกาสครั้งใหญ่แบบที่นายน้อยพูดจริงหรือ?”
“แค่วิญญาณของคนที่เคยยิ่งใหญ่?”
เฒ่าหมิงขมวดคิ้ว
ไม่ว่าเขาจะมองยังไง เขาก็ไม่เห็นอะไรพิเศษในตัวเย่เฉิน
มันกลับเป็นแหวนบนนิ้วของเขาต่างหากที่แปลกเล็กน้อย
มีความผันผวนวิญญาณจางๆแผ่จากมัน รวมถึงการสื่อสารผ่านคลื่นเสียงที่แสดงให้เห็นว่ามียอดฝีมือหนุนหลังเย่เฉินคนนี้
แต่ทว่า คำสั่งของกู่ฉางเกอคือแค่ให้เขาจับตาดูการเคลื่อนไหวของเย่เฉิน ไม่ต้องแทรกแซงอะไร
ดังนั้น เฒ่าหมิงจึงไม่ทำอะไรแม้จะสงสัย
สามวันผ่านไปไวเหมือนโกหก
มันดูเหมือนทุกคนในดินแดนไท่เสวียนจะลืมเรื่องที่ว่าเย่เฉินโดนขังในคุกใต้ดินไปสนิท
ถ้ากู่ฉางเกอไม่หยิบยกประเด็นขึ้น ใครจะกล้าตั้งคำถาม?
เป็นแค่ศิษย์สายในแต่กลับไปยุ่งกับคนเช่นนี้ มันคงไม่ผิดต่อให้จะโดนขังไปตลอดชีวิต
กู่ฉางเกออารมณ์ดีมาก
ตลอดสามวัน เฒ่าหมิงคอยรายงานเขาเกี่ยวกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคุก
กู่ฉางเกอสามารถเข้าใจเรื่องราวของเย่เฉินกับอาจารย์ของเขาได้
มันอาจต่างคน แต่พล็อตเรื่องนั้นเหมือนเดิม
เหตุผลที่เย่เฉินมาได้ไกลขนาดนี้ มันก็เพราะโชคของเขา และอาจารย์ของเขา
โดยปราศจากอาจารย์เคียงข้าง เขาก็ไม่มีอะไร
แม้กู่ฉางเกอจะพิจารณาถึงการชิงแหวนของเย่เฉินมา
แต่ผลลัพธ์ที่น่าจะเป็นไปได้สุดคืออาจารย์ของเขาน่าจะผลักดันตัวเองให้ฝืนขีดจำกัดและช่วยให้เย่เฉินหลบหนีไปได้แม้จะเสี่ยงถึงขั้นวิญญาณตัวเองอาจโดนทำลาย
นอกจากนี้ อิทธิพลของโชคน่าจะช่วยคุ้มครองเขาด้วย
วิธีนี้เสี่ยงไป
ความกังวลนั้นไม่มีมูลความจริงหากพิจารณาถึงโชคลาภมากล้นของเย่เฉิน มันแทบไม่มีทางที่เขาจะสำเร็จ ใครจะไปรู้?เขากับเฒ่าหมิงอาจตายที่นี่เอง
‘หรือข้าจะยุยงให้เกิดความไม่ลงรอยกันระหว่างศิษย์และอาจารย์?’
‘มันคงไม่ชั่วร้ายเกินไปสำหรับคนร้ายอย่างข้าใช่ไหม?’
‘ไม่!ไม่!ไม่!ข้าทำทุกอย่างเพื่อค่าโชคชะตาและบ่มเพาะอย่างซื่อตรง!’
ไม่ช้ากู่ฉางเกอก็ตัดสินใจเดินหน้าต่อ และโน้มน้าวตัวเองด้วยคำพูดที่คิดว่าตัวเองชอบธรรม
ตอนนี้ หนึ่งในผู้คุ้มกันด้านนอกห้องของเขารายงาน“นายท่าน ท่านหญิงศักดิ์สิทธิ์มาขอเข้าพบขอรับ!”
คำพูดของเขาทำให้กู่ฉางเกอรู้สึกตัวอีกครั้ง รอยยิ้มบนหน้าของเขาหายไป ฟื้นคืนความเฉยเมยและสั่งเสียงต่ำ“ให้นางเข้ามาได้”
ไม่ว่าเขาจะต้องการหรือไม่ กู่ฉางเกอก็ต้องเล่นตามบทบาทคนร้ายของเขาและทำให้ถึงที่สุด
เขาเมินซูชิงเกอถึงสามวัน และตอนนี้ มันก็ได้เวลาพบนาง กู่ฉางเกอเคยอ่านนิยายออนไลน์มานับไม่ถ้วนในชาติที่แล้ว มันจึงไม่ยากที่เขาจะคิดหาวิธีจัดการกับนางเอกที่เก่งกาจและภาคภูมิใจอย่างซูชิงเกอ
มีอะไรอีก?เขารู้จุดอ่อนนาง มันจึงง่ายที่จะปราบพยศนาง
ก่อนอื่น เขาต้องทดสอบความอดทนของนางและทำให้นางอารมณ์เสีย เหนือสิ่งอื่นใด เขาไม่ใช่พวกมากคัณหาที่ไม่สามารถยับยั้งตัวเองจากความปรารถที่จะขึ้นขี่ผู้หญิงไปทั่ว
และจะไม่มีคำพูดทำนองนี้ออกมาเช่นกัน’เพื่อจับ เราต้องปล่อยมันไปก่อน’
ให้แสงสว่างเล็กน้อยตอนถึงขอบเหวแห่งความสิ้นหวัง
ต้องรู้ว่าประมุขศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนเต็มไปด้วยความเศร้าในช่วงสามวันที่ผ่านมา เขาอดถอนหายใจและคร่ำครวญออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ได้
สำหรับเหตุผล?มันก็เพราะลูกสาวของเขาทำให้นายน้อยกู่ขุ่นเคือง!
ประมุขศักดิ์สิทธิ์ไม่กล้าถามกู่ฉางเกอว่าทำไมเขาถึงไม่พอใจ ในทางกลับกัน ซูชิงเกอคือลูกสาวกตัญญูที่ไม่อยากเห็นพ่อตัวเองแบกรับภาระหนัก นั่นคือหนึ่งในจุดอ่อนของนาง และกู่ฉางเกอก็มองเห็นผ่านมัน
“ชิงเกอน้อมพบคุณชายกู่!”
เสียงที่มีเสน่ห์ดังเข้ามาในหูของกู่ฉางเกอ ตามด้วยกลิ่นหอมน่าสูดดม
ซูชิงเกอรู้สึกวิตกเล็กน้อยขณะเดินเข้าห้อง นางไม่สามารถแสร้งทำเป็นสงบเหมือนหลายวันก่อนได้