ตอนที่ 659+660 เจ้าชายไม่มาก่อนเวลา
ตอนที่ 659 เจ้าชายไม่มาก่อนเวลา
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเกลี้ยกล่อมเขา ดังนั้นเจียงเหยาจึงไม่เสียเวลากับเจียงเล่ย และวางสายไป เธออยากจะกลับไปคุยกับเพื่อนในห้องมากกว่า
หลังจากกลับมาจากโทรศัพท์ สาว ๆ เจียงเหยาเห็นสาว ๆ ในห้องกำลังเลือกเสื้อผ้าที่จะใส่คืนนี้
“น่ากลัวจริง ๆ สาว ๆ จะไปนัดบอดที่ไหนกัน? ฉันขอบอกก่อนเลยนะ คืนนี้มีแค่ฉันกับสามีเท่านั้น เพื่อน ๆ เขาไม่ได้มาด้วยหรอก!” เจียงเหยายืนอยู่ที่ประตูระเบียงด้วยใบหน้าที่สับสน จากนั้นเธอก็หันไปคุยกับเวินเสวี่ยฮุ่ยที่กำลังลองชุดอยู่หน้ากระจกแต่งตัว “นี่ ๆ วันนี้อากาศเย็นนะ ใส่แบบนั้นเดี๋ยวก็หนาวหรอก!”
“ใครจะไปนัดบอด? เราไม่ได้รีบร้อนจะแต่งงานเหมือนเธอเสียหน่อย!” โจวเสี่ยวเซียกล่าว เธอเขย่าเสื้อผ้าในมือและถามเจียงเหยาว่าชุดไหนดูดีกว่ากัน ก่อนที่จะอธิบายออกมาว่า “เวินเสวี่ยฮุ่ยพูดก็ถูกของเธอ เราอยู่ที่นี่ในฐานะคนในครอบครัวของเธอ เราจะไม่ทำให้เธอต้องอับอาย!”
“เสียดายจัง ที่เธอแต่งงานแล้ว เราอดไปงานแต่งของเธอเลย” หลินเสียวอยู่ถามด้วยรอยยิ้ม “แล้วชุดนี้ของฉันล่ะ? แม่บอกว่าฉันสวยเวลาใส่ชุดนี้ คืนนี้ฉันใส่ชุดนี้ก็แล้วกัน คงไม่ทำให้เธอลำบากใจใช่ไหม”
“พวกเธอแต่งตัวสวยกันเกินไป ถ้าสามีฉันเลี้ยงข้าวที่ร้านแผงรอยริมทางจะทำยังไง” เจียงเหยาดูทำอะไรไม่ถูก
“จะกินแผงรอยริมถนนหรือกินที่ไหน ก็คือได้กินล่ะน่า อีกอย่างนี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอแฟนของเธอ เราต้องแต่งตัวให้เหมาะสมหน่อย” เฉินซีหยางตอบ
เวินเสวี่ยฮุ่ยสวมชุดที่อยู่ในมือแล้วหันกลับมามองเจียงเหยา “แค่เสื้อผ้าแบรนด์เนมของเธอ มีรถส่วนตัวขับไปกลับมหาวิทยาลัยทุกวัน แล้วยังมีโทรศัพท์มือถือใช้อีก ถ้ากล้าชวนเราไปกินข้าวร้านแผงรอยกับสามีเธอ ฉันจะทุบให้ตายเลย”
“ใช่! งกจนไม่สามารถพาครอบครัวของตัวเองไปกินข้าวนี่นะ! เราไม่คาดหวังสูงอะไร หากจะเป็นแผงขายริมทาง เราก็อยากกินบะหมี่หยางชุน” หลี่อี้กล่าว
“เอาล่ะ ได้ ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกเธอใช้เวลาแต่งตัวกันไปก็แล้วกัน” เจียงเหยาส่ายหน้า เธอไม่สามารถพูดชนะคนอื่นได้เลย “หลังทานข้าวเย็น ฉันไม่กลับมาที่หอพักนะ ฉันกับสามีจะพักที่โรงแรม”
“รู้แล้วน่า! โดมดอกบัวตอนกลางคืนก็คงจะอบอุ่น หลังจากนั้น เจ้าชายคงไม่เข้านอนเร็วหรอก” เวินเสวี่ยฮุ่ยผิวปากแซวเจียงเหยา “ฉันกลัวจริง ๆ ว่าเอวเล็ก ๆ ของเธอจะทนกับร่างใหญ่ของสามีเธอไม่ได้”
“อา! เวินเสวี่ยฮุ่ย เธอพูดเรื่องน่าอายแบบนั้นได้อย่างไร?” โจวเสี่ยวเซียดุด้วยเสียงต่ำจากด้านข้างแล้วกล่าวว่า “เธอก็กังวลอะไรมั่วซั่ว สามีของเจียงเหยารักเธอมากขนาดไหน เขาต้องอ่อนโยนกับเธออย่างแน่นอน”
“...” เอิ่ม! พวกนี้คือกลุ่มหญิงสาวที่ยังไม่เคยแต่งงานและยังบริสุทธิ์กันจริง ๆ เหรอ?
เจียงเหยาจับหน้าผากของเธออีกครั้งและเปลี่ยนเป็นเสื้อคลุมตัวใหม่ จากนั้นเธอนั่งลงข้าง ๆ มองดูกลุ่มสาว ๆ แต่งตัว
เมื่อเธอมองจากด้านข้าง เธอล่ะอยากจะคุยกับลู่ชิงสีเสียจริง ว่าคืนนี้ให้พาเพื่อน ๆ ที่แต่งตัวสวยหรูไปทานอาหารแผงขายริมถนน
หลังจากที่ลู่ชิงสีออกจากสถานีตำรวจ เขาก็ตรงไปหาผู้จัดการซุน เมื่อเจียงเหยายกย่องผู้จัดการซุน ลู่ชิงสีเองก็เห็นด้วยกับความสามารถของเขาด้วยเช่นกัน
ในฐานะที่เป็นคนในท้องถิ่นของเมืองหนานเจียง ผู้จัดการซุนต้องมีความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับเศรษฐกิจในเมืองหนานเจียง ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจซื้อบ้าน เขาต้องมาปรึกษาผู้จัดการซุนให้เข้าใจบางอย่างเสียก่อน
__
ตอนที่ 660 พูดคุยเรื่องซื้อบ้าน
ก่อนอื่น เขาต้องดูว่าที่อยู่บริษัทของฉางกังกรุ๊ปอยู่ที่ไหน จากนั้นเขาจะสามารถซื้อบ้านได้เพื่อหลีกเลี่ยงการหาทำเลที่ไม่ดี และไม่ทำให้ลู่อี้ชิงมีปัญหากับการไปทำงานในอนาคต หรือเจียงเหยาที่จะมีปัญหาในการไปมหาวิทยาลัย
เขาไม่รู้ว่าตระกูลฉีได้ยินข่าวที่ว่าลู่ชิงสีมาที่เมืองหนานเจียงอีกครั้งมาจากไหน ขณะที่ลู่ชิงสีกำลังคุยกับผู้จัดการซุน ตระกูลฉีได้โทรหาเขา และพูดคุยนัดหมายเพื่อเลี้ยงอาหารลู่ชิงสีและเจียงเหยา
ลู่ชิงสีปฏิเสธพวกเขาอย่างไม่เต็มใจนัก เขามาที่เมืองหนานเจียงเพียงไม่กี่วัน ดังนั้นเขาจึงไม่มีพลังพอที่จะจัดการกับตระกูลฉี อย่างไรก็ตาม ลู่ชิงสีเดาว่าตระกูลฉีอาจเคยได้ยินเรื่องนี้จากผู้กำกับเยว่
หลังจากที่ลู่ชิงสีวางสาย ผู้จัดการซุนก็แสดงแผนที่เมืองหนานเจียงให้ลู่ชิง
เขากล่าวว่า “ที่ตั้งของฉางกังกรุ๊ปอยู่ตรงนี้ครับ และมหาวิทยาลัยของประธานเจียงอยู่ตรงนี้ ถ้าคุณซื้อบ้านที่นี่ ถนนหวู่เฉียว กำลังสร้างทางด่วนใกล้จะเสร็จแล้ว ในอนาคต ประธานลู่จะใช้เวลาขับรถมาทำงานประมาณ 20 นาที และประธานเจียงจะใช้เวลาขับรถไปมหาวิทยาลัยเพียงครึ่งชั่วโมง ไม่จำเป็นต้องอ้อมด้วยครับ”
ผู้จัดการซุนพูดถึงลู่อี้ชิง เขาถามว่า “คุณลู่ ต้องการซื้อบ้านขนาดเท่าไหร่ครับ?”
“อย่างน้อยห้าห้อง มีห้องใต้หลังคาขนาดเล็กด้วย แต่ไม่เล็กเกินไปนะ ถ้ามีวิลล่าให้เข้าไปดูก่อนก็ดี” ลู่ชิงสียังไม่รู้ว่าเจียงเหยาเหลือเงินที่จะซื้อบ้านเท่าไหร่จากการลงทุนฉางกัง เขายังไม่รู้ว่าราคาบ้านในเมืองหนานเจียงเป็นอย่างไร ถ้าวิลล่าไม่แพงเกินไป เขาสามารถยืมเงินจากพี่ใหญ่และพี่รองของเขาก่อนได้ ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะขอยืมบางส่วนจากครอบครัวของเขา
ถ้าราคาแพง เขาก็คิด เขาก็คิดจะลดขนาดลง แต่ยังไงก็ต้องมีห้องห้าห้อง ห้องหนึ่งใช้เป็นห้องทำงานของลู่อี้ชิง อีกห้องเป็นห้องนอนของเธอ ห้องที่สามเป็นของเขากับเจียงเหยา และอีกหนึ่งห้องปรับปรุงเป็นห้องฝึกยิงปืน ห้องสุดท้ายใช้เป็นห้องพักของพ่อแม่ของเขาเวลามาเยี่ยมที่บ้าน
หากลู่อี้ชิงอยู่ที่เมืองหนานเจียง พ่อแม่ของเขาคงจะแวะมาที่นี่บ่อย ๆ เวลาที่ท่านว่าง ดังนั้นจึงต้องมีให้เผื่อไว้ให้พวกท่าน
หลังจากที่ผู้จัดการซุนได้ฟังเรื่องนี้ เขาก็เงียบไปทันที เขาคิดในใจว่าห้องใต้หลังคาขนาดเล็ก และมีห้าห้อง จากวิลล่าชั้นเดียวนั้นแตกต่างกัน?
เศรษฐกิจของเมืองหนานเจียงไม่เจริญรุ่งเรืองเท่ากับเมืองจินโด ไม่ได้มีโครงการขายบ้านเป็นล่ำเป็นสัน บ้านในเมืองตอนนี้มีห้าห้อง หรือมีสนามหญ้าเล็ก ๆ หรือเป็นบ้านใหม่ที่เพิ่งสร้างเมื่อไม่กี่ปี
สำหรับสนามหญ้าเล็ก ๆ ผู้จัดการซุนไม่จำเป็นต้องถามมาก เขาคงไม่เลือก
เพราะบ้านแบบนั้นมักสกปรกและเก่า คุณลู่คงไม่ยอมให้ประธานเจียงและประธานลู่อยู่ในบ้านแบบนั้น
ถ้าเขาซื้อสนามหญ้าเล็ก ๆ แบบนั้น เขาต้องรื้อถอนและสร้างมันใหม่ เงินที่เขาใช้ไปไม่ถูกไปกว่าการซื้อวิลล่าแบบครอบครัวเดี่ยวมากนัก ยิ่งไปกว่านั้น เขาจะต้องใช้เวลาในการสร้างบ้าน และต้องใช้เวลาปรับปรุงตัวบ้านอีก
“คุณลู่ บริเวณนี้มีวิลล่าแบบครอบครัวเดี่ยวมากมาย ผมจะขอให้คนไปตรวจสอบว่ามีใครขายบ้านที่นี่อยู่บ้างครับ” ผู้จัดการซุนตอบอย่างชัดเจน
ลู่ชิงสีกล่าวขอบคุณเขา ขณะที่เขากำลังพูด โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เขาก้มลงมองและเห็นว่าเป็นสายจากกู้ฮ่าวอวี้ซึ่งตอนนี้น่าจะอยู่ต่างประเทศ
“น้องสาม ตอนนี้นายอยู่ที่เมืองหนานเจียงใช่ไหม?” ในตอนนี้กู้ฮ่าวอวี้กำลังลากกระเป๋าเดินทางของเขาและยืนอยู่หน้าล็อบบี้สนามบินของเมืองหนานเจียง