STBI : ตอนที่ 48 โลกแห่งหลักจารึก
เช้าวันรุ่งขึ้น.
ไป๋ตงหลิน ตื่นแต่เช้า หลังจากอาบน้ำล้างหน้าล้างตา เขาก็สวมเสื้อคลุมของนิกาย ที่มีสีดำขาวสลักลายสีแดงด้วยคำว่า ‘จี้’ ขนาดเท่าฝ่ามือตรงหน้าอกซ้ายของเขา
ด้วยความหรูหราของชุด ทำให้ ไป๋ตงหลิน ดู สง่างามและหล่อเหลาสมกับเป็นวีรบุรุษมากยิ่งขึ้น ชุดนี้ถือเป็นสิ่งประดิษฐ์ระดับกลาง มันมีความสามารถในการป้องกัน และ ทำความสะอาดภายในตัว
เขานั่งตัวตรงในสนามหญ้า พลันดื่มนมและรับประทานอาหารเช้า และ จดจ่อกับสร้อยข้อมือจี้เต๋าบนมือซ้ายของเขา เพื่อประเมินเวลาอย่างเงียบ ๆ
“มาแล้ว!”
การแสดงออกของ ไป๋ตงหลิน ได้เปลี่ยนไป เขาเห็นสร้อยข้อมือสั่นเล็กน้อย จากนั้นก็มีข้อความเข้ามาในจิตใจของเขา เขาได้ระงับความตื่นเต้น พร้อมกับยืนขึ้น เหยียดฝ่ามือซ้ายออกมาและกวาดผ่านไปที่ด้านหน้าของเขาเล็กน้อย
ประตูแสงที่มีความสูงกว่า 3 เมตร ได้โผล่ออกมาจากอากาศบาง ๆ และ ไป๋ตงหลิน ก็ก้าวเดินเข้าไป
ฉากเดียวกัน ได้ปรากฏขึ้นพร้อมกันในพื้นที่ยอดเขาเมืองหลักหลายแห่ง ยกเว้น เด็กและทารกไม่กี่คน เหล่าศิษย์ใหม่ทั้งหมดล้วนก้าวเข้าไปในประตูแสงพร้อม ๆ กัน เพื่อไปยังสถานที่เฉพาะเพื่อรับมรดกทักษะสำคัญในการฝึก
โลกแห่งหลักจารึก สถานที่แห่งนี้ เต็มไปด้วยอิทธิพลที่รุนแรงทั้งหมดของนิกายศักดิ์สิทธิ์จี้เต๋า สถานที่แห่งนี้สืบทอดมาเป็นระยะเวลานาน ทำให้มันเป็นสถานที่สำคัญอย่างยิ่งของนิกายศักดิ์สิทธิ์
สำหรับที่ว่ามันตั้งอยู่ที่ใด ล้วนไม่มีใครรู้ มีขนาดใหญ่เท่าใด ล้วนไม่มีใครทราบ
วิธีเดียวที่จะเข้าสู่ที่นี่ได้ ก็คือการเปิดประตูมิติผ่าน สร้อยข้อมือจี้เต๋า เพียงเท่านั้น และ สถานที่แห่งนี้ ก็ไม่มีคนนอกอาศัยอยู่ มีเพียง ผู้พิทักษ์ที่คอยปกปักษ์รักษาที่นี่เอาไว้
เพราะวันนี้เป็นวันแรกเริ่มของศิษย์ใหม่ที่จะปรากฏขึ้นทุก ๆ 20 ปี และ ในอีก 6 ชั่วยามถัดไป โลกแห่งหลักจารึกอันกว้างใหญ่เหล่านี้ จะกลายเป็นเวทีของเหล่าศิษย์ใหม่เหล่านี้เพียงลำพัง และ นี่ถือเป็นผลประโยชน์สำหรับทุกคนที่เข้าร่วมนิกายศักดิ์สิทธิ์
ในเวลานี้ การเคลื่อนไหวบางอย่างได้ปรากฏขึ้นที่ชายแดนของโลกแห่งหลักจารึก มีประตูแสงปรากฏขึ้น จากนั้นมันก็ก่อตัวเป็นแนวยาว และ ประตูแสง หลายแสนแห่งก็ได้เปิดออกในเวลานี้
แม้แต่ผู้พิทักษ์หลายคนก็ยังมองดูมัน นี่ถือว่าได้ว่าเป็นการแสดงตามกำหนดการของพวกเขา 1 ครั้ง ในรอบ 20 ปี
ไป๋ตงหลิน ได้ก้าวเดินออกมาจากประตูแสง และ มองไปยังพื้นที่โดยรอบประตูแสงเหล่านี้
ความรู้สึก ที่คุ้นเคยได้ปรากฏขึ้นในเวลานี้ ยกเว้นเพียงแค่ว่าประตูแสงเหล่านั้น ค่อนข้างกลมและอีกบานเป็นรูปสี่เหลี่ยมที่แปลกประหลาด นี่ไม่ใช่ว่าสิ่งนี้คล้ายกับการต่อสู้รอบสุดท้ายของรอบชิงชนะเลิศหรอกหรือ?
แต่เขายิ้มออกมาเล็กน้อย วันนี้พวกเขาไม่ได้มาต่อสู้ แต่มาเพื่อรับสืบทอดมรดก ดังนั้นเขาจึงรู้สึกร้อนใจมากในวันนี้
“ข้าเป็นผู้พิทักษ์โลกแห่งหลักจารึก พวกเจ้าที่เป็นศิษย์ใหม่ทุก ๆ คนสามารถเลือกมรดกทักษะใด ๆ ก็ได้ เพื่อเรียนรู้ภายในระยะเวลา 6 ชั่วยามข้างหน้า!”
“เจ้าจะต้องปฏิบัติตามกฏของบรรพบุรุษ ห้ามทำความเสียหายต่อ ศิลามรดกเป็นอันขาด!”
“จำไว้ ที่นี่ มีมรดกทักษะมากมาย ที่เกี่ยวข้องกับ ดวงดาว สวรรค์ และ ปฐพี จงเลือกสิ่งที่ดีที่สุดที่เหมาะสมกับพวกเจ้าซะ!”
“เข้าไป จงไหลตามการชักนำของแสง และ มองหามรดกที่เหมาะสมกับพวกเจ้า!”
เสียงที่ดูเก่าแก่ได้แผ่ไปทั่วอาณาเขตพื้นที่ขนาดใหญ่ และ เหล่าศิษย์หลายแสนคนก็ได้พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
จากนั้นพวกเขาก็กล่าวออกมาอย่างเคารพ :
“ศิษย์จะปฏิบัติตามคำสั่งของผู้พิทักษ์!”
จากนั้นทุกคนก็กลายเป็นภาพติดตา และ หายตัวไป พวกเขาทั้งหมด ได้เข้าสู่ป่าใหญ่ในโลกแห่งหลักจารึก
พื้นที่ของโลกแห่งหลักจารึก นั้นกว้างใหญ่เกินไป ป่าทึบในที่แห่งนี้ไม่มีที่สิ้นสุด และ พื้นที่สูงตระหง่านทุกแห่งในที่แห่งนี้ล้วนเป็นมรดกทั้งหมด
มีทักษะมากมายตามที่ผู้พิทักษ์ อธิบายไว้จริง ๆ
เหล่าศิษย์หลายแสนคนที่เข้าไปในป่าทึบ พวกเขาราวกับวัวโคลนที่เข้าสู่ทะเล จากนั้น พวกเขาก็แยกย้ายกันหายไปในพริบตา เพื่อตามหามรดกทักษะของตัวเอง
ไป๋ตงหลิน ได้ยืนอยู่ในป่าโลกแห่งหลักจารึก เขารู้สึกสูญเสียสติเล็กน้อย เพราะที่นี่ มีมรดกทักษะสืบทอดมากเกินไป และ เขาไม่รู้ว่าจะเลือกอันไหนมาสักพักแล้ว
เขาไม่เคยคิดเลยว่า วันหนึ่งเขาจะรู้สึกมีความทุกข์เพราะมีตัวเลือกมากเกินไป
ความยิ่งใหญ่ของนิกายศักดิ์สิทธิ์ค่อนข้างเกินจินตนาการของเขา ที่นี่มีพลังเวทย์มนตร์และความลึกลับซ่อนอยู่จำนวนมาก โดยไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะไม่มีที่เรียนรู้ ยิ่งไปกว่านั้นก็คือการสืบทอดทักษะของที่นี่ไม่ได้ใช้เป็นแบบการบรรยาย ดังนั้น ไม่ต้องกลัวว่าข้อมูลมันจะรั่วไหลออกมา
โลกแห่งหลักจารึก ถือเป็น โลกที่เป็นทรัพยากรที่เหล่าศิษย์ทั้งหมดสามารถใช้ซ้ำได้
ทุกสิ่งอย่างในโลกแห่งนี้ล้วนมีค่าในตัวของมันทั้งหมด
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ไป๋ตงหลิน ก็ค่อย ๆ สงบลง ผู้พิทักษ์พูดถูก ในโลกแห่งนี้ ทุกสิ่งอย่างล้วนมีค่า และ มันก็เป็นทักษะที่เหนือกว่าที่เขาฝึกฝนอยู่
เพียงแค่มรดกทักษะในโลกแห่งนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นได้แล้ว
หลังจากทำใจให้เป็นอิสระ เขาก็มองหามรดกที่เหมาะสมกับเขา มีมรดกมากมายในโลกแห่งหลักจารึก ถ้าเขามองหามันทีละอัน เกรงว่าเวลา 6 ชั่วยาม ก็คงไม่เพียงพอ และ เขาไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนั้น
ทว่าทันใดนั้น เขารู้สึกราวกับว่าเขาอยู่ในพื้นที่มืดสนิท โลหิตที่แข็งแกร่งของเขากำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง และ กลายเป็นคบเพลิงที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์
ในพื้นที่โดยรอบ เปลวไฟกลุ่มนึงค่อย ๆ ปรากฏขึ้น มันมีทั้งขนาดใหญ่และเล็กต่างกัน เขาสัมผัสได้ว่า เปลวไฟเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นมรดทักษะทั้งสิ้น
เปลวไฟจำนวนมากได้ล่องลอยอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ราวกับว่ามรดกทักษะทุกอย่างในโลกแห่งหลักจารึกได้ปรากฏขึ้นในพื้นที่มืดแห่งนี้
เกิดอะไรขึ้น?
ไป๋ตงหลิน รู้สึกมึนงงเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะรู้ว่าตนมีความสามารถเป็นเลิศ แต่เขาก็ไม่ได้หลงเสน่ห์ปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน
เขาค่อย ๆ ตรวจสอบอย่างระวัง หลังจากไม่พบความผิดปกติ เขาก็คิดจะลองตรวจสอบมรดกทักษะเหล่านี้ดู
มาเริ่มจากการดูมรดกทักษะเหล่านี้กันก่อน จากนั้นก็พิจารณาให้ละเอียดและค่อยตัดสินใจ ดังนั้น เขาจึงได้จุ่มสติลงไปในเปลวไฟทรงกลมที่อยู่ใกล้เคียง
“ร่างหมื่นปีศาจกลืนกิน,ร่างสงครามหยางพิสุทธิ์,ร่างหยกสามไขกระดูก,พระสูตรอมตะมังกรฟ้า,ทลายข้อจำกัดทั้ง 7 ของสวรรค์และปฐพี,เปลี่ยนอสูรในครรภ์แต่กำเนิด,หัวใจที่มิแตกสลาย,พระสูตร…”
อึก—
ไป๋ตงหลิน ได้ลอบกลืนน้ำลาย ชื่อแต่ละอย่างนั้นน่าดึงดูดเกินไปหรือไม่!?
ในที่แห่งนี้มีมรดกทักษะมากกว่าหนึ่ง เช่นนั้นเขาจะเลือกอย่างไร? เป็นไปได้หรือไม่ที่เขาจะเรียนรู้พวกมันทั้งหมด?
เขาได้ระงับหัวใจที่กระสับกระส่ายของเขาและยังคงตรวจสอบลูกบอลไฟที่อยู่ห่างไกลออกไป
“ทารกเทวะหวนจุติ,ร่างเทพสวรรค์นองโลหิต,6หยิน9หยางชี้ชะตา,การฟื้นฟูและความเป็นอมตะ…”
ชื่อของมรดกทักษะนับไม่ถ้วน ได้ไหลผ่านจิตใจของเขา จากนั้น ไป๋ตงหลิน ก็ค่อย ๆ ทำความเข้าใจ
ขนาดของเปลวไฟและความสว่างนี้ แสดงว่า วิธีการสืบทอดทักษะเหล่านี้ค่อนข้างแตกต่างกัน ไม่ใช่เพราะว่าพวกมันมีความแข็งแกร่งต่างกัน แต่สิ่งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมกับตัวคุณเอง
ตัวอย่างเช่น ‘ร่างหยินสุดขั้ว’ เห็นได้ชัดว่า เป็นทักษะในระดับเดียวกับ ‘ร่างหยางบริสุทธิ์’ เพียงแต่ แสงนั้นด้อยกว่าร่างหยางบริสุทธิ์เป็นอย่างมาก จนถึงขั้นอ่อนลง แม้ว่าเขาจะสามารถฝึกฝนมันได้ แต่ผลกระทบที่ได้ก็ย่อมลดลงตาม
ดังนั้น ไป๋ตงหลิน จึงไม่ได้ใส่ใจกับมรดกทักษะเหล่านี้ และ พลันมองหา ลูกบอลไฟที่ส่องสว่างใหญ่ที่สุด
ในพื้นที่มืดมิดไร้ขอบเขต จิตสำนึกของ ไป๋ตงหลิน ได้แผ่ขยายออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เขากำลังมองหาลูกบอลไฟที่คู่ควรกับเขา
ณ ในสถานที่อันไกลโพ้น เขาค้นพบ ลูกบอลไฟขนาดใหญ่ ที่เปล่งแสงเจิดจ้าดุจดวงอาทิตย์ดวงน้อย
แม้ว่ามันจะอยู่ห่างจากเขาค่อนข้างไกล แต่ ไป๋ตงหลิน ก็ได้กระตุ้นโลหิตและจิตวิญญาณของเขาเพื่อลองตรวจสอบดู ดูเหมือนว่าทั่วร่างกายของเขาจะเชื่อมต่อกับ เปลวไฟของลูกบอลอันนี้
ใช่แล้ว
ไป๋ตงหลิน ได้ลืมตาและมองดูอย่างตื่นเต้น เป็นมรดกทักษะนี้ไม่ผิดแน่
ดูเหมือนว่าเขาจะสัมผัสได้ถึงเสียงเรียกจากมรดกทักษะนี้ สิ่งนี้ ทำให้ จิตใจของเขาได้กลายเป็นตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น
เขาไม่ได้คิดอะไรอีกต่อไป เพียงตามการนำทางของจิตวิญญาณ วิ่งไปยังส่วนลึกของป่าโลกแห่งหลักจารึกอย่างรวดเร็ว
ป่าโลกแห่งหลักจารึกนั้นใหญ่เกินไป และมันจะต้องใช้เวลา หลายชั่วยาม กว่าจะไปถึงดินแดนตามที่จิตวิญญาณของเขาร้องเรียก
เขามองไปที่ อนุสรณ์ศิลาสูงที่ลอยขึ้นไปบนก้อนเมฆตรงหน้า ดวงตาของเขาได้กลายเป็นตกตะลึง อนุสรณ์ศิลานี้ สูงกว่า อนุสรณ์ศิลาโดยรอบมาก ดูเหมือนว่ามันจะเป็นทักษะที่ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง
เขาได้นั่งขัดสมาธิอยู่ที่ด้านหน้าศิลา และ สงบสติอารมณ์เล็กน้อย ก่อนที่จะใช้มือซ้ายชี้ไปที่ศิลาอันนั้น
แสงสีแดงบนสร้อยข้อมือจี้เต๋า ได้กะพริบวาบ จากนั้น ไป๋ตงหลิน ก็สัมผัสได้ว่ากำแพงกั้นระหว่างเขากับมรดกทักษะได้หายไปในทันที
ตัวอักษรลึกลับสีทองจำนวนนับไม่ถ้วน ได้กระโดดออกมาจาอนุสรณ์ศิลาที่ลอยอยู่บนฟ้าและตรงเข้าไปยังจิตใจของ ไป๋ตงหลิน
ตัวอักษรสีทองนี้ได้หมุนวนรอบจิตวิญญาณของเขาก่อนที่จะสลักลงไปในจิตวิญญาณของเขาอย่างช้า ๆ
“สองหมื่นเก้าพันหกร้อยอักษรเทพสวรรค์ร่ายคำภีร์อสูร!”
เยี่ยม!
เขาประสบความสำเร็จ
ยิ่งชื่อทักษะยิ่งยาวก็ยิ่งดีไม่รู้เรื่องนี้จริงมั้ย?!
เขาไม่มีเวลาคิดเกี่ยวกับมัน ตัวอักษรสีทองอันไร้ขอบเขตได้ฝังเข้าไปในจิตวิญญาณของ ไป๋ตงหลิน ในทันที
หลังจากนั้นร่างของเขาก็กลายเป็นสีทอง
ส่องระยิบระยับ