ตอนที่ 651+652 เสือหรือกระต่าย
ตอนที่ 651 เสือหรือกระต่าย
“เฉียนเหลียง คุณ...” จูเฉียนหลานยืนนิ่ง มองดูน้องชายของเธออย่างกังวลอยู่ไกล ๆ
จูเฉียนเหลียง เป็นน้องชายของจูเฉียนหลาน เขามาที่เมืองหนานเจียงในครั้งนี้ เพื่อช่วยจูเฉียนหลานรักษาตำแหน่งของเธอ
เขาเพิ่งได้ยินจากจูเฉียนหลานว่าหวงเฉิงจิ้งจากไห่หรุนกรุ๊ปไม่มีความคิด และยังได้ยินจากจูเฉียนหลานอีกว่าคนที่ซื้อหินหยาบในงานประมูลวันนั้นคือผู้หญิงที่ชื่อเจียงเหยา นอกจากนี้ผู้หญิงคนนี้ยังคิดจะแย่งหวงเฉิงจิ้งไปจากเธอ ทำให้จูเฉียนหลานขายหน้าต่อหน้าหวงเฉิงจิ้งอยู่หลายครั้ง
จากนั้นจูเฉียนเหลียงก็พาจูเฉียนหลานเข้ามา ประการแรก เขาต้องการหารือบางอย่างกับเจียงเหยา เขาต้องการให้เจียงเหยาจ้างให้เจียงเหยาบอกกับสาธารณชนว่าหินหยาบที่เธอซื้อในคืนนั้นมีคุณภาพสูง ประการที่สอง เขาต้องการให้เจียงเหยาออกไปจากชีวิตของหวงเฉิงจิ้ง และไม่แข่งขันกับจูเฉียนหลานในเรื่องผู้ชายอีก
ในคำพูดของจูเฉียนหลาน ที่บอกกับน้องชาย เจียงเหยาเป็นผู้หญิงไร้สาระที่สายตามองแต่เงินเท่านั้น เธอยังเป็นผู้หญิงไม่ดี สำส่อน ทั้งที่เธอแต่งงานแล้ว
ในทางกลับกัน สามีของเจียงเหยาเป็นเพียงทหารที่ยากจนและไม่มีความสามารถอีกทั้งยังเกาะผู้หญิงกิน เขาเป็นคนประเภทที่ยอมให้ภรรยารับเงินจากผู้ชายคนอื่นเพื่อเลี้ยงดูเขา
ในสายตาของจูเฉียนเหลียง ผู้ชายที่เกาะผู้หญิงกิน เป็นเพียงมดในสายตาของเขา นับประสาอะไรกับทหารธรรมดา ๆ คนหนึ่ง
จูเฉียนเหลียงดูถูกผู้ชายที่เกาะผู้หญิงกิน ดังนั้นเขาจึงคิดเสมอว่าเขาอยู่เหนือคนอื่น
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในทายาทของตระกูลจู จูเฉียนเหลียงอาศัยอยู่ในเมืองเพียงเมืองเดียวมาตั้งแต่เด็ก ในมุมของจูเฉียนหลานและความคิดของจูเฉียนเหลียง พวกเขากลับรู้สึกว่า การที่พวกเขามานั่งร่วมโต๊ะกับทั้งสองคนถึงว่าเป็นบุญของทั้งสองคนมาก
ดังนั้นจูเฉียนเหลียงจึงไม่คิดมาก่อนว่าผู้ชายที่เกาะผู้หญิงกินจะมีอารมณ์ที่รุนแรงเช่นนี้
การเตะนั้นทำให้แขนขาของเขาอ่อนแรง
จูเฉียนเหลียงใช้เวลานานกว่าจะได้สติคืนกลับมา เขาลุกจากเก้าอี้และเริ่มศึกษาคนที่จูเฉียนเหลียงพูดถึง
ในตระกูลจู จูเฉียนเหลียงเป็นคนที่ประสบความสำเร็จมากกว่าจูเฉียนหลาน ไม่ใช่เพียงเพราะเขาเป็นผู้ชาย เพราะเขาฉลาดกว่าจูเฉียนหลาน
จากการเตะในตอนนี้ จูเฉียนหลานก็คิดสงสัยว่าชาคนนั้นไม่ใช่คนอย่างที่จูเฉียนหลานพูดถึงอย่างแน่นอน
ผู้ชายที่เกาะผู้หญิงกินจะไม่มีออร่าที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ เขายืนอยู่ที่นั่นและเพียงแค่มองเพียงครั้งเดียว ก็สามารถสร้างความกดดันให้กับผู้อื่น กระทั่งทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะหายใจเบาลง เพียงเพราะผู้ชายคนนี้ยืนอยู่จากระยะไกล มันทำให้เขารู้สึกว่าชายคนนั้นเป็นเสือที่ดุร้าย ในขณะที่เขาเป็นเพียงละมั่งที่บังเอิญทำให้เสือดุร้ายโกรธ โดยไม่ได้ตั้งใจ
“ขอโทษด้วยครับ เมื่อกี้ผมออกจะหยาบคายไปเสียหน่อย” จูเฉียนเหลียงลุกขึ้นและเดินกลับไปเพื่อกล่าวขอโทษ
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของชายผู้นี้ แต่จูเฉียนเหลียงมั่นใจว่าชายผู้นี้ไม่ธรรมดา เป็นไปได้ว่าเขาเป็นคนมีอำนาจพอตัวหรือพวกมาเฟีย และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขามีอารมณ์รุนแรง
ด้วยความที่เป็นพ่อค้า จูเฉียนเหลียงรู้ดีว่า ใครที่ควรสู้และใครที่ควรอ่อนข้อ
__
ตอนที่ 652 ไม่ใช่พระโพธิสัตว์
จูเฉียนเหลียงเดาได้แม้กระทั่งว่าการปกป้องภรรยาของผู้ชายคนนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างผู้หญิงที่ชื่อเจียงเหยาคนนี้กับหวงเฉิงจิ้งคงไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงอย่างที่จูเฉียนหลานกล่าวอย่างแน่นอน ไห่หรุ่นกรุ๊ปมีอำนาจอยู่พอตัว และหวงเฉิงจิ้งเองก็เป็นคนฉลาด เขาไม่กล้ายุ่งกับผู้หญิงของผู้ชายคนนี้อย่างแน่นอน
โดยไม่ได้รับคำตอบจากทั้งสอง จูเฉียนเหลียงก็ยิ่งแน่ใจในการคาดเดาของเขามากขึ้น คนที่เย่อหยิ่งแบบนี้จะเป็นคนอย่างที่จูเฉียนหลานพูดถึงได้อย่างไร?
ในขณะนั้นจูเฉียนเหลียงเกลียดชังจูเฉียนหลาน พี่สาวแท้ ๆ ของเขาจนแทบบ้า ทั้งหมดเป็นความผิดของเธอที่โง่เขลา เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นเสือหรือกระต่าย เขาทำได้เพียงโทษตัวเองที่ประมาทจนเกินไป เขารู้ดีว่าพี่สาวของเขาเป็นคนแบบไหน แล้วเขายังจะเชื่อใจเธอได้อย่างง่าย ๆ อีก
“ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดีนะครับ ผมแค่อยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณเจียง” จูเฉียนเหลียงพูดขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเคารพและวิงวอน ไม่เย่อหยิ่งเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป
“ฉันช่วยอะไรคุณไม่ได้ ไสหัวไปซะ” ลู่ชิงสีรู้สึกว่าชายผู้นี้จูเฉียนเหลียงโง่เง่า ชายหนุ่มมองยังไงว่าเขาเป็นคนดีอย่างนั้นหรือ?
คนที่เพิ่งได้รับบทเรียน จะแลกเปลี่ยนคำขอโทษง่าย ๆ กับคำพูดที่ใจดีของเขาได้อย่างไร
“ผมชื่อจูเฉียนเหลียงครับ เป็นน้องชายของจูเฉียนหลาน ก่อนหน้านี้ พี่สาวของผมได้ล่วงเกินคุณเจียง วันนี้ผมเลยว่าขอโทษแทนพี่สาว เรื่องนี้มันเกี่ยวกับอนาคตของพี่ผมด้วย พี่ผมเธอเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ไม่ง่ายเลยที่จะมาตั้งหลักในเมืองนี้ ผมเลยต้องมาขอร้องคุณเจียง ให้ช่วยพี่สาวผมสักครั้ง ตราบใดที่คุณเจียงยินดีช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นเงื่อนไขอะไร ผมก็พร้อมที่จะรับฟังครับ”
จูเฉียนเหลียงมีไหวพริบมากกว่าจูเฉียนหลาน เขาถามคำถามเพียงสองสามข้อกับลู่ชิงสีเพื่อยืนยันตัวตนของอีกฝ่าย ตอนนี้เขารู้ชื่อของอีกฝ่ายแล้ว มันง่ายมากสำหรับที่จะนำไปตรวจสอบ
“ไม่ใช่เรื่องของฉันนี่คะ” เจียงเหยายืนอยู่ข้างหลังลู่ชิงสี และตอบอย่างช้า ๆ ว่า “ฉันไม่ใช่พระโพธิสัตว์เสียหน่อย จะให้ช่วยทุกคนคงไม่ได้หรอกค่ะ”
ลู่ชิงสีหลับตาลงและมองไปที่ภรรยาตัวเล็ก ๆ ของเขาที่อยู่ข้างหลัง มุมปากของเขาขดขึ้นเล็กน้อย เขาชอบที่ภรรยาชักนำคนไปยังหลมศพด้วยใบหน้าตายเช่นนี้
จูเฉียนเหลียงไม่รู้จะพูดอย่างไร หลังจากได้ฟังคำพูดของเจียงเหยา เขาพูดคำเหล่านั้นออกไป เพราะคิดว่าเจียงเหยาก็เป็นผู้หญิงเช่นเดียวกัน ภายใต้สถานการณ์ปกติ ผู้หญิงมักจะใจอ่อน ดังนั้นเขาจึงพูดให้จูเฉียนหลานดูน่าสงสารมากขึ้น เพื่อให้เจียงเหยารู้สึกเห็นอกเห็นใจเธอ
จูเฉียนหลานนิ่งเงียบไม่พูดไม่จอ เธอเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา พี่สาวที่คอยปกป้องเขาเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก
“คุณเจียง คุณคงจะกำลังไม่พอใจที่พี่ของผมเข้าใจคุณผิดก่อนหน้านี้สินะครับ? ให้พี่เขาขอโทษคุณเป็นการส่วนตัวดีไหมครับ” จูเฉียนเหลียงกล่าวว่า “สำหรับคุณเจียงมันอาจเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่สำหรับพี่สาวผม มันเกี่ยวกับชีวิตในอนาคตของเธอ”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่มันก็ขึ้นอยู่กับคนของฉันวาเต็มใจที่จะช่วยหรือเปล่า?” ริมฝีปากของลู่ชิงสีกระตุกขณะที่เขาเยาะเย้ย “อย่าใช้เงินมาต่อรองกับภรรยาของฉัน ฉันดูเหมือนขอทานที่ไม่มีเงิน จนต้องขอเงินจากตระกูลจูของพวกคุณหรือยังไง”
น้ำเสียงของลู่ชิงสีไม่ดีนัก เขาเริ่มหมดความอดทนที่จะจัดการกับสองพี่น้องนี้แล้วจริง ๆ
“ถ้าเสร็จธุระแล้วก็ออกไปซะ! อย่ารอจนฉันโกรธขึ้นมาจริง ๆ แล้วจะต้องมาคุกเข่าขอโทษอยู่ตรงนี้” ภัยคุกคามในน้ำเสียงของลู่ชิงสีนั้นชัดเจน
จูเฉียนเหลียงรู้วิธีอ่านใบหน้าของผู้คน เขารู้ด้วยว่าหากเขายังอยู่ที่นี่ต่อ จะยิ่งทำให้อีกฝ่ายโกรธมาก เนื่องจากยังไม่สามารถระบุตัวตนของอีกฝ่ายได้ จูเฉียนเหลียงจึงเลือกที่จะพาจูเฉียนหลางออกไปอย่างปลอดภัยและออกจากร้านอาหารไป
หลังจากที่พวกเขาจากไปแล้ว ผู้จัดการร้านก็เดินเข้ามาด้วยตัวสั่น และแสร้งทำเป็น แสดงความเป็นห่วง