ตอนที่ 33 คำเตือนจากไวเคานต์(อ่านฟรี)
ตอนที่ 33 คำเตือนจากไวเคานต์
“ขอบคุณท่านไวเคานต์คาริสที่ช่วยเหลือพวกเรา” แอนเดรียก้มหัวขอบคุณจากใจจริง
“ไม่เป็นไร” ไวเคานต์คาริสตอบด้วยท่าทางปกติ ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นท่าทีจริงจัง “แต่ว่านะขอเตือนไว้แม้จะจัดการเรื่องของในครั้งนี้ได้ แต่ว่าบารอนเมสันเป็นพวกใจแคบและคงหาโอกาสลงมือลับหลังแน่นอน ดังนั้นเธอควรระวังตัวไว้ด้วย”
แอนเดรียเหมือนจะกล่าวอะไร แต่ก็เลือกจะไม่พูดออกมา
“อีกเรื่อง...ในตอนนี้รอบเมืองเอลดิลกำลังเจอกับอันเดดที่หลงมาจากอาณาจักรเวียเรเดียจากสงครามขององอาณาจักรทำให้มีคนตายจำนวนมาก พวกมันกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่ เพราะฉะนั้นถ้าคิดจะเดินทางจากเมืองนี้ละก็ให้ล้มเลิกซะจะดีกว่า ด้วยกำลังของพวกเจ้าไม่มีทางข้ามไปจนถึงเมืองอื่นได้แน่นอน” ไวเคานต์กล่าวเตือน แต่ก็เหมือนเป็นการข่มขู่ไปด้วย
แอนเดรียไม่ได้ไร้เดียงสาที่จะเชื่อว่าที่ไวเคานต์คาริสช่วยนั้นเป็นเพราะสถานะเก่าของเธอ แต่มันเป็นเพราะแผนที่นั่นต่างหาก ไวเคานต์คาริสไม่อยากจะให้ใครรู้จากพวกเขาอีก แต่จะให้ฆ่าปิดปากก็ไม่ใช่เรื่องดี เพราะอาจจะทำลายชื่อเสียงของตนได้ จึงพยายามทำให้แอนเดรียนั้นอยู่ในเมือง จะได้จับตามองได้ง่ายมากกว่า
‘แต่ฉันทำได้ ถึงอย่างนั้นตอนนี้ก็ยังไม่เหมาะที่จะทิ้งเมืองเอลดิล โดยเฉพาะสถานพยาบาลแห่งฟาร์มพลังงานศรัทธาไป’ ทารกน้อยลูอิสกล่าวเสริมในใจคนเดียว ด้วยพลังของเขาที่เทียบเท่ากับผู้ครองพลังระดับ 1 ดาว ลูอิสสามารถจัดการพวกซอมบี้และอันเดดที่เจอระหว่างทางได้อย่างไม่มีปัญหาแน่นอน
ที่จริงแล้วหลังจากรู้เรื่องพวกผู้ครองพลังมากขึ้น เขาก็พอจะทราบว่าผู้ครองพลังที่มีเยอะสุดคือพวกระดับ 1 ดาว และส่วนใหญ่คนพวกนี้ก็จะเดินทางไปมาระหว่างเมืองได้อย่างไม่มีปัญหา เพราะสิ่งมีชีวิตอันเดดส่วนใหญ่จะสามารถรับมือด้วยพลังของผู้ครองพลังระดับ 1 ดาวได้ ยกเว้นจะซวยจริง ๆ จนเจอพวกระดับสูง หรือพวกอันเดดที่มาเป็นฝูงใหญ่ ๆ เข้า
ไวเคานต์คาริสมองไปที่แอนเดรีย “เธอและลูกควรหลบภัยอยู่ในเมืองเอลดิล จะไม่มีใครมาล่าพวกเธอไปส่งพวกเอเลอาร์ตแน่นอน ที่อนุญาตเพราะเห็นแก่ที่เคยเป็นขุนนางมาก่อน แต่ถ้าต้องการอยู่รอดจริง ๆ ก็ควรไปหาใครสักคนพึ่งพิงจะดีกว่า”
แอนเดรียเข้าใจในทันที ความหมายของไวเคานต์คาริสคือการแต่งงานใหม่และดูเหมือนไวเคานต์จะสนใจเรื่องนี้ไม่น้อย แต่ก็ไม่คิดบีบบังคับเธอเช่นกัน
‘ใครสักคนคงหมายถึงตัวเองใช่ไหม’ ทารกน้อยลูอิสพูดเหน็บแนมในใจและมองไวเคานต์คาริสอย่างไม่ชอบใจ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังทำตัวเป็นเด็กปกติ ‘เรื่องนี้มีแค่แอนเดรียที่ตัดสินใจได้’ ลูอิสรู้ว่าตัวเองคงไม่สามารถยุ่งเรื่องนี้ได้ แต่เขาเชื่อว่าแอนเดรียไม่มีทางตกลงแน่นอน
แอนเดรียเดินออกมาจากคฤหาสน์พ่อบ้านเฟรดที่รอคำตอบอยู่ด้วยความกังวล เมื่อแอนเดรียพยักหน้าให้และบอกว่าไวเคานต์คาริสตกลงช่วย พ่อบ้านชราก็ยิ้มอย่างโล่งใจ ทั้งสามกลับไปที่ห้องพักในทันทีอย่างรีบร้อน เพราะแม้ไวเคาร์คาริสรับปากจะช่วย แต่ก็ใช่ว่าเธอจะปลอดภัยแล้ว อย่างมากก็ทำให้บารอนเมสันไม่กล้าเคลื่อนไหวอย่างเปิดเผยเท่านั้น
...
ไวเคานต์คาริสมองดูแอนเดรียและคนของเธอเดินออกไปจากคฤหาสน์จากชั้นสอง ในตอนนั้นเองพ่อบ้านคนสนิทก็ถามขึ้นมา “นายท่านคิดจะช่วยเธอจริง ๆ อย่างนั้นเหรอขอรับ”
“แน่นอน คิดว่าพวกอาณาจักรเอเลอาร์ตประกาศตามล่าค่าหัวคนจากอาณาจักรเวียเรเดีย เพราะต้องการฆ่าขุนนางและชนชั้นสูงจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ เรื่องนี้มันก็แค่ข้ออ้างเท่านั้น พวกมันเพียงต้องแผนที่ซ่อนของสมบัติสำรองของเมืองต่าง ๆ ในอาณาจักรเวียเรเดีย เพราะพวกนี้มันดันเข้าแผนที่และรหัสเปิดประตูหนีไปด้วยต่างหากเล่า”
“ส่งจดหมายไปเชิญบารอนเมสันมา ฉันจะคุยกับเขาเป็นการส่วนคือ” ไวเคานต์พูดด้วย พร้อมกับมองแอนเดรียที่เดินออกจากประตูคฤหาสน์อย่างไม่ละสายตา
“ขอรับ” พ่อบ้านตอบรับและไปจัดการในทันที
...
หลังจากไปเจรจากับทางไวเคานต์คาริส ก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะกลับมาอยู่ในสภาพปกติเหมือนก่อนหน้า ซึ่งเขาก็ไม่แน่ใจว่านี่ใช่ปกติแบบคนปกติหรือเปล่า แอนเดรียและพ่อบ้านเฟรดไม่ได้ออกไปไหนไกลนอกจากการซื้ออาหารและของกินตามปกติ โดยอาศัยเงินที่เหลืออยู่ประทังชีวิตไปก่อนและกลับมาที่ห้องพัก เพื่อรอดูสถานการณ์และทิศทางของทางไวเคานต์คาริสและบารอนเมสัน
หลายวันมานี้เจียน่าให้อีกาดำสังเกตรอบ ๆ ที่พักทำให้รู้ว่ามีคนคอยตามสะกดรอยแอนเดรียและพ่อบ้านชรา ซึ่งจากการตรวจสอบของเจียน่าแล้วก็พบว่ามีคนราว ๆ 2-3 กลุ่มที่จับตามอง ลูอิสไม่ต้องเดาก็รู้ว่าหนึ่งในสามกลุ่มพวกนั้นคงเป็นคนของบารอนเมสัน ส่วนอีกกลุ่มนั้นเป็นคนของไวเคานต์คาริสแน่นอน แต่อีกกลุ่มนั้นเขาไม่รู้ว่าเป็นคนฝ่ายไหน
และเมื่อลูอิสบอกเรื่องเรื่องนี้กับแอนเดรียและพ่อบ้านเฟรด ทั้งสองก็เหมือนจะเดาได้ ก่อนจะบอกเขาว่าน่าจะเป็นคนของบารอนคนอื่น ๆ
ในเมืองเอลดิลการเคลื่อนไหวของไวเคานต์คาริสและบารอนเมสันนั้นจะดึงดูดความสนใจของบารอนหรือคนมีอำนาจอื่น ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด แต่พอทราบว่าเป็นแค่เรื่องความขัดแย้งที่เกิดจากตัวของมาลก้าบุตรชายของบารอนเมสัน ไม่นานพวกเขาก็เลิกสนใจไปเอง
ลูอิสยังคงไปที่สถานพยาบาลในทุก ๆ วันเหมือนเช่นปกติกับเจียน่า ตอนแรกเขาระวังตัวมากและสังเกตตลอดเวลา แต่สุดท้ายก็ได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ กับความไม่ค่อยสำคัญของตัวเอง เพราะพวกคนที่มาคอยจับตามองไม่มีใครสนใจทารกน้อยแบบเขากับเด็กสาวอย่างเจียน่าเลยสักคน
ทำให้ลูอิสนั้นเคลื่อนไหวได้อย่างง่ายได้
หลังจากที่เขาให้อาร์มันโด้ไปสอบถามที่อยู่ของตระกูลเมสัน ลูอิสก็ให้เจียน่าส่งอีกาดำไปที่คฤหาสน์ของบารอนเมสันเพื่อจับตามองทางฝั่งนั้นด้วย เพราะเขาไม่ยอมมาโดนจับตามองอยู่ฝ่ายเดียวแน่นอน
จากที่เจียน่าเล่ามา ดูเหมือนบารอนเมสันจะไปพบกับไวเคานต์คาริส หลังจากออกจากคฤหาสน์ของไวเคานต์บารอนเมสันก็มีสีหน้าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปทั้งตัวอยู่ตลอดเวลา แน่นอนว่าเขาจะไม่ลงมือเปิดเผย แต่ก็สั่งให้หาคนไปจับตามองพวกเขา และนี่ก็คืเหตุผลที่ว่าทำไม เจียน่าถึงค้นหาพวกสายลับที่มาคอยจับตามองที่พักพวกเขาได้ง่าย ๆ เพราะเจียน่าเห็นคนพวกนั้นมาก่อนแล้วจากดวงตาของอีกาดำ
แต่ที่ทำให้ลูอิสต้องขมวดคิ้วชนกันและรู้สึกหงุดหงิดจริง ๆ นั้นก็คือ มาลก้า บุตรชายของบารอนเมสันนั้นยังไม่ตาย แม้สภาพจะนอนเจ็บและเต็มไปด้วยผ้าพันแผล แต่จากที่เจียน่าบรรยายมาสภาพของมาลก้านั้นก็ไม่ได้บาดเจ็บถึงตายอย่างที่เขาคิด
‘ผู้เยียวยา’ นี่คือสิ่งที่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมมาลก้ายังมีชีวิตอยู่ พลังในการรักษาของผู้เยียวยา เขาไม่แน่ใจว่ามันมากขนาดไหน สามารถรักษาคนบาดเจ็บหรือคนป่วยแบบไหนได้บ้าง แต่ดูแล้วอากการของมาลก้าคงไม่เกินขอบเขตของพลังผู้เยียวยา
ขณะที่ลูอิสตกอยู่ในภวังค์ความคิดเจียน่าก็เดินเข้ามาที่ห้องเก็บของภายในสถานพยาบาลพร้อมกับถือแก้มไม้ที่มีนมวัวร้อน ๆ มาด้วย แน่นอนว่าเงินที่ซื้อนั้นเอามาจากหมอเทรย์เวอร์ เพราะอีกฝ่ายไม่ต้องซื้อยามาแจกเหมือนเมื่อก่อนจึงมีเงินเหลือเก็บพอตัว ลูอิสเลยขอยืมแบบไม่รู้จะคืนตอนไหนมาซื้อของเล็ก ๆ น้อย ๆ กินไปก่อน
ส่วนที่ต้องมาอยู่ในห้องเก็บยาและของในสถานพยาบาลนั้นเพราะลูอิสออกมาเก็บพลังงานศรัทธาจากพวกคนที่ได้รับการรักษาด้วยยาน้ำตาเทพ
“ท่านลูอิสนมวัวร้อน ๆ ได้แล้วค่ะ” เจียน่านั่งลงข้าง ๆ ลูอิส “นมวัวพวกนี้ได้ยินมามาจากพื้นที่เพราะเลี้ยงสัตว์ของเมืองรสชาติอร่อยมาก หมอเทรย์เวอร์บอกว่าท่านลูอิสทานได้อย่างไม่มีปัญหา” เจียน่าทำท่าจะป้อนเขา แต่ลูอิสเลือกจะกินเองมากกว่า เพราะการโดนป้อนมันรู้สึกเป็นเด็กยังไงไม่รู้
“ฉันกินเองได้ ขอบใจนะ” ทารกน้อยลูอิสรับแก้วที่มีนมวัวร้อน ๆ มาด้วยมือทั้งสองข้าง ก่อนจะมองไปที่นมในแก้ว เขายกแก้วขึ้นมาใกล้จมูก ก็มีกลิ่นของนมวัวที่กำลังส่งกลิ่นหอมฟุ้งขึ้นมาแตะจมูก ลูอิสค่อย ๆ ดื่มจนหมดแก้วด้วยความหิว ก่อนจะเลื่อนแก้วลงและถอนหายใจออกมา เพราะความรู้สึกฟิน ๆ ที่ได้กินของร้อน ๆ และหอมแบบนี้
‘เฮ้อ...อร่อยจัง น่าเสียดายที่หมอเทรย์เวอร์บอกว่าต้องรอครบ 6 เดือนก่อนถึงจะกินอาหารอ่อนได้ แต่เพราะตัวฉันโตกว่าปกติ อย่างมาก 4 เดือนก็น่าจะกินได้แล้วอย่างไม่มีปัญหาอะไร’ ลูอิสกำลังคิดว่าตัวเองนั้นจะได้กินเนื้อเมื่อถึงตอนนั้นก็เล่นเอาเขากลืนน้ำลายแล้ว
“ท่านลูอิสมีหนวดแล้ว” เจียน่าพูดด้วยอย่างยิ้ม ๆ ชี้ไปที่ริมฝีปากของเขา
“เอ๊ะ!” ทารกน้อยลูอิสรีบยกแขนของตนเช็ดริมฝีปากที่มีคราบนมติดอยู่อย่างเขิน ๆ
ลูอิสหันมาสนใจหน้าจออินเตอร์เฟสระบบต่อ
‘นี่ก็ผ่านมา 5 วันแล้ว ทางนั้นไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรอีกนอกจากจับตามองแอนเดรีย ฉันควรจะใช้สิ่งนั้นได้แล้ว’
หลังจากผ่านมา 5 วัน เขาก็สะสมแต้มพลังงานศรัทธาได้อีกและรวม ๆ แล้วตอนนี้ลูอิสมีแต้มพลังงานศรัทธาอยู่ 12,000 แต้ม ลูอิสไม่ได้จะใช้มันอัพเลเวล เพราะอย่างมากก็อัพได้ 1-2 เลเวลเท่านั้น เนื่องจากยิ่งเลเวลสูงก็ยิ่งใช้พลังงานศรัทธามากเท่านั้น และตอนนี้เขารู้ว่าพลังงานบุคคลเพียงคนเดียวสู้พลังของหลาย ๆ คนไม่ได้
ลูอิสคิดจะมอบสายอาชีพให้กับแอนเดรีย อย่างน้อยก็ให้เธอสามารถป้องกันตัวเองได้ ซึ่งเขาก็คิดมาแล้วว่าสายที่สามารถหลบหนีได้ดีและมีพลังโจมตีที่รุนแรงก็คงจะหนีไม่พ้นสายอาชีพนี้แน่นอน...