STBI : ตอนที่ 44 ซูฉี
ไป๋ตงหลิน ที่ได้กลิ่น เขาได้สูดลมหายใจเข้าลึก
ทันใดนั้น เขาก็รู้ได้ถึงความปั่นป่วนในร่างกาย เช่นเดียวกับพลังเสริมแกร่งที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น จนทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย โชคดีที่พิษนี้ค่อนข้างแรง
เมื่อร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ พิษธรรมดาทั่วไปก็เริ่มไม่มีผลกับเขา ดังนั้นเขาจึงได้สูดลมหายใจเข้าลึกให้เต็มปวด
ภายนอกถ้ำ มีร่างเล็กได้ร่อนลงมาบนพื้นดินราวกับแมวป่า ร่างนี้ค่อย ๆ เดินเข้าไปในถ้ำอย่างเงียบ ๆ
ซูฉี ได้ไหลเวียนโลหิตในร่างกายของนาง ทันใดนั้นดวงตาของนางก็กลายเป็นสีแดง สามารถมองผ่านถ้ำที่มืดสนิท จนพบกับร่างของ ไป๋ตงหลิน ที่นอนอยู่ตรงกำแพงหิน
คิ้วของนางย่นลงเล็กน้อย คนผู้นี้เป็นใครกัน? หน้าอกของอีกฝ่ายกระเพือมอย่างธรรมดาและมันเป็นการหายใจที่คงที่ อีกฝ่ายไม่ได้ถูกพิษ?
นางรู้เรื่องพิษมากที่สุด พิษที่นางใช้ แม้จะไม่ต้องสูดดมเข้าไป เพียงแค่สัมผัสมัน ก็จะทำให้ร่างกายเน่าเปื่อย และ มันเป็นไปไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์เช่นนี้
ดังนั้นอีกฝ่ายจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ในความเห็นของนาง ไป๋ตงหลิน เป็นคนที่แข็งแกร่ง ดังนั้นเขาจึงสามารถต้านทานพิษของนางได้
ร่างของนางได้เคลื่อนไหวกลายเป็นเงาดำพุ่งตรงไปหา ไป๋ตงหลิน อย่างเงียบ ๆ มีดในมือของนางได้เปล่งแสงเย็นออกมาราวกับเขี้ยวของอสรพิษ
มุมปากของ ไป๋ตงหลิน ได้ขยับและแสร้งทำเป็นหลับต่อไป เขาได้ปล่อยให้นางเดินเข้ามา โดยเขาเองก็ซ่อนมีดไว้ที่ด้านหลังของเขา
เพร้ง!
ทันใดนั้น เสียงปะทะกันของมีดก็ดังขึ้น
อะไรกัน?
ซูฉี รู้สึกตกตะลึง มีดที่นางแทงออกไปที่ดวงตาของ ไป๋ตงหลิน กลับถูกหยุดเอาไว้ได้
ช่างเป็นผู้หญิงที่โหดเหี้ยมอะไรเช่นนี้!
ไป๋ตงหลิน ได้เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย และ เปิดปากขนาดใหญ่ของเขาเตรียมจะกัดลงไปนิ้วของอีกฝ่าย
ฟันเป็นส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดในร่างกายของมนุษย์ ควบคู่ไปกับแรงกดกัดที่น่าสะพรึงกลัวของเขา แม้แต่เหล็กเขาก็สามารถเขี้ยวได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนิ้วที่เรียวยาวเหล่านี้
เพียงแต่ ซูฉี ตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ นางได้หมุนตัวและใช้เท้าเตะไปที่คอของ ไป๋ตงหลิน อย่างรวดเร็ว
แรงเตะของนาง เพียงพอจะทำให้ ไป๋ตงหลิน กระเด็นไปติดกำแพงจนทำให้กำแพงด้านหลังปรากฏรอยร้าวจำนวนมาก
ซูฉี ได้ใช้ประโยชน์จากการม้วนตัวกลับถอยหลังไปอย่างมั่นคง และ ใช้ดวงตาที่เหมือนกับเหยี่ยวจ้องมองไปที่ ไป๋ตงหลิน อย่างระวัง
ระหว่างการปะทะกันเมื่อครู่ นางก็ได้เข้าใจศักยภาพของอีกฝ่าย
คนผู้นี้ ไม่ได้รับผลกระทบจากพิษแม้แต่น้อย อีกฝ่ายมีโอสถล้างพิษงั้นหรือไม่?
ซูฉี ได้ล่าถอยอย่างคลุมเครือ แม้ว่านางจะมั่นใจในความแข็งแกร่งของนาง แต่นางก็ตระหนักได้เป็นอย่างดีว่าไม่มีคนอ่อนแอในหมู่ผู้ประเมิน ดังนั้น นางจึงค่อนข้างระมัดระวังศัตรูเป็นอย่างมากและไม่ต้องการเผชิญหน้ากับศัตรูโดยตรง
อีกอย่างนี่เป็นเหตุผลที่นางใช้พิษ การล่าด้วยพิษจะช่วยให้ประหยัดแรงได้มากขึ้น โดยกฏนั้นบอกว่าสามารถใช้ได้ทุกวิถีทาง ดังนั้น นางจึงไม่คิดว่าการใช้พิษจะมีความคิด
คิดจะหนี?
ไป๋ตงหลิน สัมผัสได้ถึงความตั้งใจของ หญิงสาวคนนี้ เขาได้ขยับร่างกายของเขาและพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว คิดจะหลบหนี ต้องถามกำปั้นของเขาว่ามันเห็นด้วยหรือไม่!
ซูฉี ขมวดคิ้วอย่างหนาแน่น อีกฝ่ายต้องการจะปะทะกันซึ่ง ๆ หน้า คิดว่านางจะกลัวงั้นหรือไม่?
ดังนั้นทะเลโลหิตในร่างกายของนางจึงได้กลายเป็นปั่นป่วน พลังจำนวนมาก ได้ปกคลุมไปทั่วร่างกายของนางอย่างรวดเร็ว
ผิวที่บอบบางสีขาวราวหิมะ ได้ปกคลุมไปด้วยลวดลายสีแดงเลือด ซึ่งมันได้ช่วยเสริมพลังโจมตีและพลังป้องกัน ทำให้ ซูฉี ในปัจจุบัน กลายเป็นผู้ล่าที่โหดเหี้ยม
ไป๋ตงหลิน ได้หรี่ตาลง เขาไม่ได้ตาบอดเพราะว่าอีกฝ่ายงดงาม เพียงแต่ กลิ่นอายพลังของนางนั้นค่อนข้างน่าทึ่งมากจริง ๆ
สมแล้วที่เป็นอัจฉริยะไร้ทัดเทียม หนึ่งในล้าน!
ฟุ่บ!
ภายใต้ความโกลาหล ไป๋ตงหลิน ได้คำรามออกมา พร้อมกับใช้หมัดเจ็ดหนองน้ำโจมตีออกไปอย่างดุเดือด
ปั้ง—
ทั้งสองได้ปะทะกันอย่างรุนแรง ภายใต้พลังของพวกเขาทั้งคู่ แรงสั่นสะเทือนได้ระเบิดหินภายในถ้ำออกเป็นชิ้น ๆ
ภายในถ้ำแห่งนี้ ฟุ้งไปด้วยฝุ่นควันมากมาย พวกเขาได้เคลื่อนไหวกันอย่างรวดเร็วและโจมตีระหว่างกันไปมา
ดวงตาของ ไป๋ตงหลิน ได้กลายเป็นสีแดงเลือด ทั่วร่างที่สูงเกือบ 2 เมตรนั้น เต็มไปด้วยรอยปริแตกอย่างหนาแน่น กระทั่งโลหิตที่ใสสะอาด ก็ได้ไหลออกมา ดูเหมือนว่าทั่วร่างของเขาจะกลายเป็นละอองเลือดจากการปะทะกันอย่างรวดเร็วเมื่อครู่นี้
ซูฉี ก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นเดียวกัน โลหิตได้ไหลออกมาจากมุมปากของนาง ผมยาวสีดำที่มัดอย่างหนาแน่นได้คลายตัวในเวลานี้
ทั้งสองมีพละกำลังที่ไร้สิ้นสุด และ เผชิญหน้ากันอย่างรุนแรงราวกับว่า ‘คุณตบฉัน ฉันเตะคุณ’ จนทำให้ต่างฝ่ายต่างได้รับบาดเจ็บ
การปะทะกันทำให้ เสื้อผ้าของ ซูฉี ขาดรุ่งรุ่ง จนเผยให้เห็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่มีสีขาวราวหิมะ เส้นโลหิตลึกลับสีแดงที่ไหลเวียนไปทั่วร่างของนาง ได้ฉายแสงเล็กน้อย
ในที่สุด ภายใต้การปะทะกันระหว่างทั้งสอง ถ้ำแห่งนี้ก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป จนมันได้พังทลายลงมา
ครื่นน—
ท่ามกลางเสียงขนาดใหญ่ ควันและฝุ่นจำนวนมากได้ฟุ้งกระจายไปทั่วทุกที่ จากนั้น ร่างของทั้งสองคน ก็ตกลงไปในป่าทึบ
ทั้งสองคนได้หยุดมือและนั่งลงอยู่ที่ใต้ต้นไม้ พร้อมกับ หอบหายใจอย่างรุนแรง
“นี่ยัยผู้หญิงอำมหิต ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังไม่ได้ใช้ไพ่ตายทั้งหมดที่มีใช่มั้ย?”
“ไม่ใช่ว่า เจ้าเองก็เหมือนกันหรอกเหรอ?”
เสียงที่เย็นชาทำให้ ไป๋ตงหลิน ตกใจเล็กน้อย เขาคิดว่า ผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างน่าสนใจ
“ข้ามีนามว่า ไป๋ตงหลิน”
“ซูฉี!”
หลังจากนั้น ทั้งสองคนก็ไม่ได้กล่าวพูดอะไรอีก แต่ละคนล้วนถอนหายใจออกมาจากอาการบาดเจ็บ ซูฉี ได้หยิบโอสถรักษาออกมาและนั่งไขว่ห้างเพื่อปรับลมหายใจของนาง
สำหรับ ไป๋ตงหลิน เขารับรู้ได้ถึงพลังงานประหลาดที่กำลังฟื้นฟูร่างกายของเขา อาการบาดเจ็บที่น่าสะพรึงกลัวของเขาได้ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
ต้องยอมรับว่า ผู้หญิงคนนี้ แข็งแกร่งกว่าเขา หากไม่ใช่เพราะความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองอย่างต่อเนื่องในระหว่างการต่อสู้ เกรงว่าเขาคงพ่ายแพ้ไปแล้ว
หลังจากที่ หญิงสาว คนนี้ใช้เทคนิคลับ ความสามารถของนาง ก็เหนือกว่าเขาอย่างมาก
ดังนั้น อาการบาดเจ็บของนางจึงด้อยกว่าเขา
หลังจากนั้นไม่นาน ไป๋ตงหลิน ฟ็ฟื้นตัวสำเร็จ เขาได้ลุกขึ้นและเดินไปที่เบื้องหน้าของ ซูฉี ที่ยังไม่เคลื่อนไหว อีกฝ่ายยังคงหลับตาและปรับลมหายใจของตัวเอง
“นี่ ข้าค่อนข้างสนใจพิษของเจ้า หากเจ้ามีพิษชนิดใดหลงเหลืออยู่ ก็นำออกมาให้ข้าซะ และ ข้าจะปล่อยให้เจ้ารอดไปในครั้งนี้!”
ไป๋ตงหลิน กล่าวพูดด้วยน้ำเสียงไม่สำคัญ เขาไม่ได้สนใจอย่างอื่นในเวลานี้ หากเขาได้รับพิษเหล่านั้นมา มันจะช่วยให้เขาปรับแต่งความแข็งแกร่งได้เป็นอย่างมาก
“หืม? หรือว่าผลกระทบจากการปะทะกันเมื่อครู่รุนแรงไปจนทำให้เจ้ากลายเป็นใบ้?”
เมื่อเห็น ซูฉี ยังคงนิ่งอยู่ การแสดงออกของ ไป๋ตงหลิน ก็ได้เปลี่ยนไป เขาตระหนักว่ามันผิดปกติ ดังนั้น จึงได้ใช้เท้าเตะนาง
บูม—
เกิดแรงระเบิดขึ้นอย่างกระทันหัน จนซัดเข้าใส่ ร่างของ ไป๋ตงหลิน อย่างรุนแรง
แรงระเบิดเมื่อครู่นี้ ส่งผลให้ พื้นที่ป่าโดยรอบ ได้หายไป หลงเหลือเพียง ไป๋ตงหลิน ที่ถือหุ่นกระบอกในมือของเขา
เขาไม่ได้สนใจบาดแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ แต่สังเกตุดูหุ่นที่ขาดบนมือของเขาอย่างระวัง เขาไม่รู้ว่ามันทำมาจากไม้อะไร แต่มันสลักไปด้วยอักขระพลังลึกลับ
นี่คือหุ่นกระบอกตัวแทน?
เขาไม่รู้ว่า ซูฉี หลบหนีไปเมื่อใด นางได้ทิ้งหุ่นกระบอกตัวแทนนี้ไว้ โดยทำให้เขารู้สึกสับสน และ การสัมผัสตัวของหุ่นกระบอกจะไปกระตุ้นแรงระเบิดที่รุนแรงทันที
ช่างเป็นหญิงสาวที่ฉลาดแกมโกงเสียจริง!
เขาได้สั่นศีรษะ และ เชื่อว่าตนเองมีโอกาสจะได้พบกับ ซูฉี อีกครั้ง หญิงสาวคนนี้แข็งแกร่งมาก และ เขาก็มั่นใจว่านางควรจะผ่านการทดสอบ
แม้ว่าในบรรดาผู้คนจำนวนมากที่เข้าร่วมการประเมิน จะมีผู้หญิงไม่มากนัก โดยมีอัตราส่วนของผู้ชายกับผู้หญิงอย่างน้อย 7:3 แต่มันก็ถือว่าสร้างความประหลาดใจให้กับไป๋ตงหลิน
เพราะเดิมทีเขาคิดว่า การบ่มเพาะพลังกาย ที่มีแต่เรื่องกล้ามเนื้อเหล่านี้ จะมีแต่พวกผู้ชายที่สนใจ แต่ในสถานการณ์จริง กลับไม่เป็นเช่นนั้น แม้ว่าการบ่มเพาะพลังกายจะเน้นคุณภาพไปที่ความแข็งแกร่งของร่างกาย แต่ผิวเผินก็คือผิวเผิน ในการบ่มเพาะพลังกายนี้ แกนกลาง ที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรื่องของกล้ามเนื้อเพียงอย่างเดียว
เช่นเดียวกับ ซูฉี นางทั้งตัวเล็กและมีผิวพรรณที่ละเอียดอ่อน ทว่าพลังที่นางระเบิดออกมา กลับทำให้ ไป๋ตงหลิน รู้สึกละอายใจ
และ เขาก็ได้เห็น ผู้เชี่ยวชาญที่ฝึกทักษะบ่มเพาะพลังกายจำนวนมาก เช่น ผู้ประเมิน และ เจ้าเมืองโหยวเต้าอี้ คนเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่แข็งแกร่ง แต่ทว่า พวกเขากลับไม่ได้มีร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามมีด ตรงกันข้าม พวกเขามีรูปลักษณ์อยู่ในร่างของคุณชายที่หล่อเหลา
ดูเหมือนว่าเส้นทางการฝึกฝนจะเต็มไปด้วยความหลากหลายและลึกลับ มันไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เขาคิดเอาไว้
เพียงแต่ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้ เมื่อเขาเริ่มฝึกอย่างเป็นทางการ เขาก็จะเข้าใจทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง
ดังนั้น เขาจึงหยิบชุดสะอาดออกมาและเปลี่ยน พร้อมกับมุ่งหน้าไปที่ใจกลางของเกาะ
ณ ใจกลางของเกาะ จะเป็นสนามรบสุดท้าย และ เขาคาดว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จะมีการสู้รบครั้งใหญ่เกิดขึ้นที่นั่น
หลังจากกระโดดไม่กี่ครั้ง ไป๋ตงหลิน ก็หายตัวไปในทันที