STBI : ตอนที่ 43 แบทเทิลรอยัล
แปะแปะ—
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่บนอัฒจันทร์ได้ปรบมือเบา ๆ และมองดูผู้คนนับร้อยในลานจัตุรัสที่กระจัดกระจายพร้อมกับยิ้มและพูดว่า :
“ยินดีกับทุกคนด้วยที่ผ่านรอบนี้! ตอนนี้พวกเจ้าทุกคนได้เข้าสู่นิกายศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วครึ่งก้าว ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะพยายามอย่างหนักในการประเมินครั้งต่อไปที่เป็นครั้งสุดท้าย และ ประสบความสำเร็จในเส้นทางการฝึกฝนวรยุทธ์อย่างแท้จริง!”
หลังจากที่ชายหนุ่มกล่าวออกมา เขาก็ยกมือขึ้น พร้อมกับกล่าวออกมาอย่างสุภาพ คนเหล่านี้ อาจจะเป็นคนที่ทำงานร่วมกับเขาในอนาคต และ บางคนอาจจะไปได้ไกลกว่าเขาด้วยซ้ำ
ขณะที่เขายกมือขึ้น แสงสว่างก็ปรากฏออกมาพร้อมกับพาคนทั้ง 100 คนหายไปพร้อมกับชายหนุ่ม
ไป๋ตงหลิน สัมผัสได้ถึงแสงสว่างเบื้องหน้า ทันทีที่เขารู้สึกตัว เขาก็มาโผล่ที่ลานสี่เหลี่ยมที่มีขนาดใหญ่กว่าแล้ว
หลังจากแลซ้ายแลขวา เขาก็พบว่ามีผู้คนมากมายยืนรายรอบ จากนั้นเขาก็ถูกดึงดูดโดยบุรุษผมขาวบนอัฒจันทร์ ชายคนนี้ดูเหมือนจะเป็นศูนย์กลางของโลก ทำให้ผู้คนหันมามองเขาโดยไม่รู้ตัว
ชายหนุ่มผู้ประเมินก่อนหน้านี้ ได้ยืนอยู่ด้านหลังของบุรุษผมขาวด้วยความเคารพ ดังนั้นทั้ง 100 คนจึงปฏิบัติตาม
ในเวลานี้ บุรุษผมขาวกล่าวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยพลังดึงดูดสูง อีกทั้งยังแฝงไปด้วยความสง่าและน่าเกรงขาม :
“ขอแสดงความยินดีกับพวกเจ้าที่เป็น 1 ใน 100 คนที่ยอดเยี่ยมที่สุด ข้าคือ เจ้าเมืองไท่ซาง โหยวเต้าอี้ ข้าจะเป็นผู้คุมการประเมินในครั้งต่อไปนี้!”
“ก่อนจะเริ่มต้นให้ข้าได้กล่าวอะไรสักหน่อย ในหมู่พวกเจ้า ทั้ง 100 คนล้วนเป็นอัจฉริยะท่ามกลางคนนับหมื่น แต่น่าเสียดาย ที่ยังเหลือคนมากเกินไป เพราะ นิกายศักดิ์สิทธิ์ ต้องการอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะที่แท้จริงเท่านั้น!”
“ดินแดนรกร้างตลอดจนพื้นที่นับสิบ นับเป็นสถานที่เลื่องลือไปทั่วโลกอาณาจักรเฉียนหยวนแห่งนี้ ในเวลาเดียวกัน สถานที่เหล่านั้น ก็จัดการประเมินในปีนี้ขึ้นเหมือนกัน”
“จากพื้นที่ทดสอบทั้งหมด และ แต่ละพื้นที่ประเมินก็มีผู้คนติด 100 อันดับแรก ยกเว้นผู้ทีมีร่างกายพิเศษ บุคคลที่มีพรสวรรค์เช่นพวกเจ้าล้วนมีน้อยมาก ตอนนี้เหลือเพียงผู้ที่ผ่านรอบที่สองเพียง 1,800 คนเพียงเท่านั้น”
“ดังนั้น ในการประเมินครั้งต่อไป 100 อันดับแรก จะสามารถเข้าร่วมนิกายศักดิ์สิทธิ์ ได้ ส่วนที่เหลือก็ไม่ต้องรู้สึกท้อมากเกินไป พวกเจ้ายังสามารถเข้าร่วมสำนักไท่ซางของข้าได้ และ มีโอกาสที่จะเข้าสู่นิกายศักดิ์สิทธิ์ในอนาคต”
“เอาล่ะ! มาเริ่มกันเลยเถอะ พวกเจ้าจะโบยบินขึ้นสู่สวรรค์หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของพวกเจ้าแล้ว!”
ทันทีที่ โหยวเต้าอี้ พูดจบ เขาก็โบกมือขนาดใหญ่ แสงสว่างได้วาบผ่านร่างของผู้คนในลาน ทันใดนั้นความแข็งแกร่งที่ใช้ไปในระหว่างการประเมินก็ฟื้นคืนกลับมาในทันที ในเวลาเดียวกัน ป้ายหยก ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าของพวกเขาทุกคน
จากนั้นข่ายอาคมบนลานจัตุรัสก็หมุนเวียน ทันใดนั้น ทุกคนก็พลันหายวับไป
…
เมื่อ ไป๋ตงหลิน กลับมามองเห็น เขาก็ปรากฏตัวขึ้นในป่าทึบที่ไม่มีใครอยู่รอบตัวเขา
เขาได้นำป้ายหยกออกมา ข้อมูลชิ้นหนึ่งได้ถูกส่งผ่านเข้ามาในจิตใจของเขา มันเป็นเนื้อหาและกฏเกณฑ์ทั้งหมดของการประเมิน
ไป๋ตงหลิน ดูประหลาดใจ นี่ไม่ใช่การประลองยุทธ์หรอกเหรอ? จะบอกว่าเหมือนก็ไม่ได้ เพราะทุกสิ่งอย่างมันคล้ายกันทั้งหมด
นี่คือโลกใบเล็ก และ มีผืนดินผืนเดียวอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา จะเรียกว่าเป็นเกาะก็ได้ เพราะมันเล็กเกินไป
คนนับพัน จะต้องต่อสู้กันบนเกาะแห่งนี้ โดยจะมีหมอกสีดำหนาอยู่ที่ขอบเกาะ ซึ่งมันจะลดขนาดลงจนบีบเข้ามาอยู่ตรงใจกลางของเกาะตามเวลาที่ผ่านไป ทั้งนี้ ไม่สามารถออกไปจากหมอกสีดำได้
ตราบใดที่ติด ป้ายหยก ที่หน้าอก พวกเขาจะได้รับการช่วยชีวิต โดยเฉพาะหลังจากเผชิญหน้ากับการโจมตีที่ร้ายแรง พวกเขาจะถูกย้ายออกจากโลกใบเล็ก ซึ่งจะทำให้ เหล่าผู้ตรวจสอบเข้าไปช่วยเหลือได้ทัน
เพราะท้ายที่สุด พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นอัจฉริยะ มันน่าเสียดายที่ต้องมาตาย โดยที่ยังไม่ได้เริ่มต้นเส้นทางของพวกเขา
ไป๋ตงหลิน ได้เก็บป้ายหยกเข้าไปในแหวนมิติของเขาอย่างเงียบ ๆ นักรบที่แท้จริงจะเผชิญหน้ากับความตายอย่างไม่เกรงกลัวอะไร
ป้ายหยกช่วยชีวิตอะไร สิ่งนี้สำคัญกับ ไป๋ตงหลิน งั้นหรือไม่?
ไป๋ตงหลิน ได้ขยับหูและหายตัวไปในทันที
บึ้ม—
ในเวลานี้เอง พื้นดินที่เขายืนอยู่นั้นได้ระเบิดออกมาเป็นหลุมขนาดใหญ่ พร้อมกับการปรากฏตัวของชายหัวโล้นที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม
เขามองไปที่ ไป๋ตงหลิน พร้อมกับบิดคอและกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม :
“ปฏิกิริยาเร็วดีนี่! หากเป็นลูกผู้ชาย ก็ลงมาสู้กันแบบเปิดเผยเป็นไง!”
“ตกลง!”ไป๋ตงหลิน ได้ตอบตกลงอย่างง่ายดาย
ชายหัวล้านรู้สึกผงะ นี่เขาพบคนโง่งั้นหรือไม่?
ไป๋ตงหลิน ได้หมุนจุด ชีพจรทั้ง 7 ในร่างกาย ทันใดนั้น พลังในร่างกาย ก็เปล่งประกายออกมา เขาจะไม่ยั้งมือในสถานที่แห่งนี้ เพราะไม่มีตัวตนง่าย ๆ อยู่ในนั้น ดังนั้นเขาจึงต้องทุ่มสุดตัว
ชายหัวล้านได้ยิ้มและพุ่งเข้าหา ไป๋ตงหลิน ราวกับไทแรนโนซอรัส พลังของเขาช่างรุนแรงเป็นอย่างมาก
ปั้ง!
ทั้งสองได้ชกหมัดออกมาปะทะกัน คลื่นกระแทกได้ปะทุขึ้น จนทำให้ต้นไม้ใหญ่โดยรอบพังพินาศในทันที
ใบหน้าของ ชายหัวโล้นได้เปลี่ยนไป ร่างของเขาได้ถูกซัดลอยขึ้นไปในอากาศ สิ่งนี้เป็นไปได้ยังไง? อีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก
ไป๋ตงหลิน ยังคงโจมตีต่อไป ร่างของเขาได้ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของชายคนนั้น ฝ่ามือมีดได้เฉือนไปทางคอของอีกฝ่ายในทันที
ไม่ต้องสงสัยเลย ด้วยความแข็งแกร่งของเขา แม้แต่เหล็กกล้าที่แข็งแกร่ง ก็ยังสามารถถูกผ่าเป็นสองซีกได้
ชายหัวล้านรู้สึกว่าคอของเขากำลังจะถูกตัด เขาได้ม้วนตัวหลบ และ ใช้เท้าถีบไปที่ฝ่ามือมีดของ ไป๋ตงหลิน พร้อมกับ ดีดตัว แยกออกห่างไป
เวลานี้ ชายหัวล้านได้รับบาดเจ็บ เขามองไปที่ กระดูกเท้าของเขาที่ถูกฝ่ามือมีดตัดออก ดูเหมือนว่าการเคลื่อนไหวของเขา จะยังไม่เร็วเท่ากับ ความคิดของ ไป๋ตงหลิน เขาต้องการจะล่าถอย แต่ไม่มีโอกาส
อีกอย่าง การทดสอบนี้ยังรับแค่ 100 คนที่เหลือรอด เขาไม่เชื่อว่า ไป๋ตงหลิน จะปล่อยเขาไป
ฟุ่บ!
ไป๋ตงหลิน ได้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนภาพติดตาปรากฏขึ้นอยู่ด้านหลังของเขา ทั้งสองคนได้เข้าปะทะกันอย่างดุเดือด
ภายใน 10 กระบวนท่า ชายหัวโล้น ก็ถูกทุบตีจนมือขวาหัก และ มือซ้ายของเขาก็หักไปใน 20 กระบวนท่า จากนั้นเขาก็ถูกโจมตีเข้าที่หน้าอก ทำให้อวัยวะภายในของเขาได้รับบาดเจ็บ กระทั่งกระดูกหน้าอก ก็แตกหักในเวลานี้
ไป๋ตงหลิน ขมวดคิ้วและหยุดโจมตี :
“เจ้าไม่ได้ใช้ป้ายหยกช่วยชีวิต?”
หลังจากมองไปที่สภาพร่อแรของอีกฝ่าย การ์ดของเขาก็ลดลง
“แค่ก แค่ก ภายใต้แรงกระตุ้นที่แท้จริง มีความเพียงตายเท่านั้นที่จะสามารถกระตุ้นศักยภาพได้อย่างเต็มที่ สิ่งที่ข้าต้องการ คือมีผู้ชนะและผู้แพ้ ตอนนี้ข้าพ่ายแพ้แล้ว ดังนั้นฆ่าข้าซะ!”
ชายหัวล้าน ที่นอนอยู่บนพื้น ได้อาเจียนออกมาเป็นโลหิต และ เริ่มหายใจไม่ออก เขาจะต้องตายอย่างแน่นอนหากไม่ได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุด
“บ้อบอสิ้นดี!”
ไป๋ตงหลิน ได้บ่นพึมพัมออกมา เขาได้หันศีรษะและเดินจากไป
เขารู้ว่า นิกายศักดิ์สิทธิ์ นั้นดึงดูดเหล่านักพรตเต๋าเป็นอย่างมาก แต่เขาไม่ได้คาดหวังเลยว่าคนแรกที่เขาพบเจอจะเป็นคนที่ยอมทุ่มทุกอย่างเช่นนี้้ ถ้าเขาใส่แรงมากกว่านี้อีกหน่อย ชายหัวล้าน จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
ชายหัวล้าน มองไปที่ แผ่นหลังของ ไป๋ตงหลิน เขาถอนหายใจออกมาอย่างสิ้นหวัง พร้อมกับ หยิบ ป้ายหยกออกมาแล้วกลายเป็นแสงสีขาวหายตัวไป
ไป๋ตงหลิน ได้เดินต่อไป เขาได้ไปถึงใจกลางของเกาะ และ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะซ่อนตัว ถึงแม้ว่า เขาจะไม่คิดต่อสู้ หรือ เคลื่อนไหว แต่ ป้ายหยก ก็จะแสดงตำแหน่งของตนเอง ต่อ เหล่านักพรตเต๋าที่อยู่รายล้อม
ไม่มีช่องโหว่ให้เจาะ มีเพียงการต่อสู้อย่างสิ้นหวังจนเหลือ 100 คนแรกเท่านั้น
ไป๋ตงหลิน ยังไม่ได้เริ่มฝึกฝนอย่างเป็นทางการ เกือบจะทุกคนในนี้ล้วนมีความสามารถสูงกว่าเขา
เขาเพียงแค่พึ่งพาร่างกายที่เสริมพลังในการต่อสู้ข้ามขั้นเพียงเท่านั้น
และตอนนี้ หากเขาปลดปล่อยพลังของหมัด 7 หนองน้ำ เขาจะสามารถดึงพละกำลังออกมาได้มากกว่า 120,000 จิน ดังนั้น จึงมีน้อยคนที่เก่งกว่าเขา แต่ทว่า พวกเขาทั้งหมดเหล่านี้ ก็ล้วนเป็นอัจฉริยะที่คัดสรรค์มาจากคนนับล้าน พวกเขายังได้ฝึกฝนรากฐานที่ดีมาอีกด้วย
ดังนั้น ไป๋ตงหลิน จึงได้ออกไปเผชิญหน้ากับศัตรูทุกคน ด้วยความสามารถในการฟื้นฟูของเขา จะทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น เพียงแต่ เขาได้พยายามอย่างเต็มที่โดยการไม่เปิดเผยความสามารถของเขา โดยเฉพาะ การพลิกฟื้นที่แข็งแกร่ง
แม้ว่าเขาจะคิดแสดงแค่ความสามารถในการฟื้นฟูเล็กน้อย แต่เขาก็มีข้อได้เปรียบมากแล้ว เพราะคนอื่น ๆ ที่เผชิญหน้ากับศัตรูของพวกเขา ต่างก็ได้รับบาดเจ็บไม่มากก็น้อย และ การต่อสู้ทุกครั้งที่เขาเผชิญล้วนอยู่ในสภาพสมบูรณ์
ที่นี่มีทั้งกลางวันและกลางคืน ไป๋ตงหลิน ได้เอาชนะศัตรูอีก 2-3 คน และ มันก็เป็นเวลากลางคืนแล้ว
เขาได้พบถ้ำโดยบังเอิญและเตรียมจะหยุดพัก แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บและเหลือพละกำลังอยู่เต็มส่วน แต่การต่อสู้ในที่มืด ก็ไม่ดีสำหรับเขา
คนอื่น ๆ ล้วนได้รับการฝึกอย่างเป็นระบบและมีท่วงท่าที่แปลกมาก รวมถึง เทคนิคลับ แต่เขาทำได้เพียงอาศัยพละกำลังที่ดุร้ายเพียงเท่านั้น
ดังนั้น ในคืนที่มืดมิด และ ทำให้พลังการสังเกตุลดลง มันจะดีกว่า หากเขาเลือกที่จะระมัดระวังตัว เพราะถึงอย่างไร ก็มีเพียง 100 คนแรกที่เหลือรอดเท่านั้นที่จะผ่านการทดสอบ
หลังจากเวลาผ่านไปน้อยกว่าถ้วยน้ำชา จมูกของ ไป๋ตงหลิน ก็ขยับเล็กน้อย เขาได้กลิ่นที่หอมหวานในอากาศ
เขาได้ลืมตาตื่นขึ้น และ พบแสงเย็นวาบภายในถ้ำที่มืดมิด
มีคนใช้พิษ!