573 - หายนะครั้งใหญ่
573 - หายนะครั้งใหญ่
เหตุการณ์ครั้งนี้สั่นสะเทือนทั่วทั้งโลก ในอดีตไม่เคยมีบททดสอบแห่งสวรรค์ที่ปรากฏขึ้นสองครั้งในวันเดียวกัน!
แต่เมื่อคิดถึงเรื่องนี้มันก็สามารถเข้าใจได้ หนอนไหมสวรรค์คืออะไร มันคือทายาทของสิ่งมีชีวิตอมตะ การที่มันทำการเปลี่ยนแปลงตัวเองย่อมเป็นเหตุการณ์ครั้งใหญ่ระดับโลกอย่างไม่ต้องสงสัย
ทุกครั้งที่มันข้ามผ่านความเปลี่ยนแปลงก็จะเกิดด่านเคราะห์ขึ้น เพราะสายเลือดของมันท้าทายสวรรค์เกินไป เพียงแค่ต้นกำเนิดสวรรค์ที่มันกินลงไปในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาก็มีมากกว่าล้านจินแล้ว
หนอนไหมสวรรค์พยายามหลบหนีอย่างบ้าคลั่ง แต่สายฟ้าพวกนั้นก็ยังคงไล่ตามมันไม่หยุด ไม่ว่ามันจะวิ่งหนีไปที่ใด สายฟ้าสีม่วงก็จะไล่ตามไปทุกที่
ในระยะไกลแม่ชีชุดขาวตะโกนด้วยความกลัวว่า
“เสี่ยวไฉอย่าหนีรีบต่อต้าน มีเพียงวิธีการนี้เท่านั้นจึงจะรอดชีวิตได้”
หนอนไหมศักดิ์สิทธิ์ยังคงไม่รับฟังคำพูดของผู้ใด มันหลบหนีไปทุกที่ด้วยความกลัว และสุดท้ายมันก็กระโดดเข้าหาเย่ฟ่าน
“ไอ้ตัวเล็ก เจ้าต้องการจะฆ่าข้า!”
เย่ฟ่านโกรธแค้นถึงขีดสุด แต่เมื่อเขามองเห็นดวงตาที่เศร้าสร้อยของมัน มือของเขาก็อ่อนลงในทันที
“เจ้าหนูสลักเครื่องหมายค่ายกลเคลื่อนย้ายเพื่อหนี เดี๋ยวข้าจะช่วยเจ้าเอง” ในช่วงเวลาวิกฤตจักรพรรดิดำส่งสัญญาณเสียงมาด้วยความร้อนรน
“ข้ามีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว ข้าจะหนีไปได้อย่างไร” เย่ฟ่านก็รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมเช่นกัน
“ในอดีตจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่นิรันดร์กาลเคยต่อสู้กับสายฟ้าแห่งสวรรค์ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้คนมากมาย ต่อมาเขาได้สร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ทำให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสายฟ้าหลีกเลี่ยงหายนะใด้”
เย่ฟ่านไม่ได้พูดอะไรอีก เขาทำตามคำแนะนำของจักรพรรดิดำ และในที่สุดร่างกายของเขาก็เคลื่อนย้ายออกจากรัศมีของทะเลสายฟ้าได้จริงๆ
“เตรียมตัวไว้ ข้ารู้สึกว่าด่านเคราะห์ของเจ้ายังไม่จบ” จักรพรรดิดำเตือนอย่างลับๆ
"อะไร?!"เย่ฟ่านตกใจ
อีกด้านหนึ่ง หนอนไหมสวรรค์วิ่งไปรอบๆ ด้วยเสียงกรีดร้องที่เป็นภาษาโบราณ ไม่ว่ามันจะไปที่ใดผู้คนต่างก็รีบวิ่งหนีหายด้วยความกลัว
สิ่งมีชีวิตตัวน้อยสีทองได้รับความคับแค้นอย่างหนัก น้ำตาของมันไหลออกมาไม่หยุด และสุดท้ายมันก็เริ่มที่จะต่อต้านสายฟ้าด้วยความโกรธ
“ครืน!”
ทันใดนั้นความว่างเปล่าก็สั่นสะท้านสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนมากมาย
เย่ฟ่านมีสัญญาณเตือนในใจ เมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามราตรี เขารู้สึกถึงอันตรายที่ไร้ขอบเขต ราวกับว่าวันสิ้นโลกมาถึงแล้ว
ภายใต้แสงของดวงจันทร์ที่สาดส่องลงมายังเมืองศักดิ์สิทธิ์ ฝนของดวงดาวนับล้านได้ร่วมตกลงมาอย่างรวดเร็ว
"นี่คืออะไร?" ทุกคนตกใจ ไม่รู้ว่าทำไม
“นี่คือทัณฑ์สายฟ้าแห่งสวรรค์ด้วยหรือ ทำไมมันจึงกลายเป็นดวงดาวไปได้!”
ใบหน้าของผู้คนมากมายซีดขาวไร้สีเลือด ปรากฏการณ์การข้ามด่านเคราะห์ของเย่ฟ่านดูไม่สมจริงเกินไปแล้ว
“โครม!”
สะเก็ดดาวมากมายตกลงมากระแทกเย่ฟ่านที่อยู่ด้านล่าง สะเก็ดดาวพวกนี้สร้างความเสียหายต่อเมืองศักดิ์สิทธิ์ชนิดที่ไม่อาจกู้คืนได้ตลอดกาล
“ไม่น่าแปลกใจเลย… ร่างเซียนมีคำสาปที่ไม่มีวันทำลายได้จริงๆ!” ปรมาจารย์จากภาคกลางถอนหายใจ
"นักปราชญ์โบราณคาดเดาว่าเส้นทางของร่างเซียนถูกตัดขาด ทั้งหมดนี้เป็นความจริง ไม่น่าแปลกใจที่ร่างเซียนไม่สามารถสร้างความสำเร็จแม้เพียงเล็กน้อย!” สหายของเขาที่อยู่ด้านข้างก็ถอนหายใจเช่นกัน
ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ผู้เฒ่าตะโกนสั่งการด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดว่า
“อย่าฟุ้งซ่าน เจ้าต้องผ่านระดับนี้ไป ครั้งนี้ข้าจะช่วยเจ้า!”
“ข้าไม่ยอมแพ้ ข้าจะเอาชนะมันให้ได้! เย่ฟ่านคำรามด้วยความโกรธ
“หายนะครั้งนี้เจ้าไม่สามารถต้านรับด้วยตัวเอง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า!”
เสียงของราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ผู้เฒ่าดังก้องระหว่างสวรรค์และปัฐพี หลังจากนั้นเขาก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้าและใช้เตาเทพอัคคีเพื่อปิดกั้นสะเก็ดของดวงดาวที่ตกลงมา
หลังจากที่เย่ฟ่านบุกเข้าไปในอาณาจักรสี่สุดขั้ว สะเก็ดของดวงดาวนับล้านที่มีขนาดใหญ่บ้างเล็กบ้างก็ตกลงมาจากท้องฟ้า
สิ่งนี้อยู่นอกเหนือประเภทของทัณฑ์สายฟ้าแห่งสวรรค์ไปไกลมาก มันไม่ใช่ฟ้าร้อง ไม่ใช่สายฟ้า แต่การโจมตีของมันยังคงอยู่บนพื้นฐานของเต๋าผู้ยิ่งใหญ่
สวรรค์และปัฐพีไม่อนุญาตให้ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณประสบความสำเร็จได้!
นี่คือจุดจบที่สิ้นหวัง เมื่อสวรรค์และปฐพีต่อต้านเจ้า เจ้าจะประสบผลสำเร็จในชีวิตได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้ที่จะก้าวข้าม อาณาจักรยิ่งใหญ่ตราบใดที่เจ้าอาศัยอยู่ในโลกนี้
เย่ฟ่านไม่เต็มใจยอมรับความตาย เขาพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าสะเก็ดดาวพวกนั้นทำร้ายร่างกายของเขาจนได้รับบาดเจ็บสาหัสแม้แต่เส้นผมสีดำของเขาก็ยังลุกไหม้จนหมดแล้ว
ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ผู้เฒ่าก็ไม่ยอมแพ้ ในตอนนี้เขากวัดแกว่งเตาเทพอัคคีโดยต้องการสร้างเส้นทางเพื่อให้เย่ฟ่านมีโอกาสรอดชีวิต
ความปรารถนาของสวรรค์และปฐพีจะทำลายได้ง่ายๆได้อย่างไร ในอดีตไม่ทราบว่ามีผู้คนที่แข็งแกร่งมากกว่าเจียงไท่ซูมากมายเท่าไหร่ แต่เคยมีใครที่สามารถช่วยชีวิตร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณได้สักคนหรือไม่ ?
"ปราชญ์โบราณได้ข้อสรุปมานานแล้วว่าร่างเซียนโบราณนี้ขัดต่อการดำรงอยู่ของสวรรค์และปฐพี แน่นอนว่าชีวิตของเขาจะจบลงในวันนี้"
ผู้สูงสุดของราชวงศ์ภาคกลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา ในอดีตเขาเคยศึกษาตำราโบราณมาไม่น้อย และคำพูดนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขากล่าวขึ้นเอง
" แม้ว่าเขาจะทำสำเร็จไปแล้ว แต่ในเมื่อเขาไม่สามารถมีชีวิตอยู่เพื่อเสพสุขกับความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น มันจะมีความหมายอะไร?"
“เต๋าสวรรค์ไม่อาจละเลย แม้ว่าเขาจะทำได้สำเร็จสุดท้ายก็ยังต้องล้มลง”
“แต่นี่ก็เป็นความแข็งแกร่งที่น่าเหลือเชื่อมากพอแล้ว ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณในอดีตไม่เคยมีผู้ใดมาถึงระดับนี้ด้วยซ้ำ”
มหาอำนาจมากมายต่างพากันถอนหายใจยาว หากร่างเซียน ประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ในอนาคต แรงกดดันต่อพวกเขาจะมากมายมหาศาลแค่ไหนเป็นที่ทราบได้
ในตอนนี้เย่ฟ่านไม่มีทางถอย มีแต่ต้องต่อต้านจนถึงที่สุดเท่านั้น!
เขาถือเมล็ดโพธิ์ไว้ในมือด้วยความโกรธและหมัดของเขาก็กระแทกเข้าใส่สะเก็ดดาวที่มีขนาดใหญ่ขนาดเล็กมากมายนับล้านชิ้น
“ครืน!”
ผู้คนสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าความว่างเปล่ากำลังสั่นไหวราวกับเศษผ้า และภายใต้การโจมตีอันบ้าคลั่ง ร่างกายของเย่ฟ่านได้ถูกทำลายจนเกือบจะหมดสิ้นแล้ว
นี่คือพลังอันยิ่งใหญ่ที่มองไม่เห็น เมื่อสวรรค์ไม่อนุญาตให้เขามีชีวิตอยู่ต่อ เขาจะมีชีวิตได้อย่างไร?
โครม!
ร่างกายที่ขาดรุ่งริ่งของเย่ฟ่านตกกระแทกพื้น แต่ถึงกระนั้นสะเก็ดดาวมากมายก็ยังตกลงมาไม่หยุดและท่วมท้นร่างกายของเขาอย่างสมบูรณ์
“ครืน!”
ในทันใดนั้นเตาเทพสุริยันที่ถูกฝังอยู่ใต้พื้นดินของเมืองศักดิ์สิทธิ์ก็ปรากฏขึ้นสู่ท้องฟ้า
ก่อนหน้านี้เจียงไท่ซูไม่ต้องการใช้มันเพราะอาจจะทำให้เมืองศักดิ์สิทธิ์ล่มสลายได้ แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
"บูม"
สะเก็ดดาวมากมายที่อยู่บนท้องฟ้าถูกคลื่นเปลวไฟที่พุ่งออกมาจากเตาเทพสุริยันกลืนกินทั้งหมด!
“จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่นิรันดร์กาลน่าเชื่อจริงๆ เพียงแค่อาวุธเต๋าของเขาก็สามารถกวาดล้างภัยพิบัติแห่งสวรรค์ที่ได้ชื่อว่าไม่สามารถทำลายได้!”
อย่างไรก็ตามการโจมตีของสะเก็ดจากดวงดาวดูเหมือนจะไม่สิ้นสุด พวกมันบางส่วนยังคงเล็ดลอดจากการจากการป้องกันของเหล่าเทพสุริยันและพุ่งเข้าหาเย่ฟ่านเหมือนเดิม!
“นี่...แม้แต่อาวุธเต๋าสุดขั้วก็ไม่สามารถหยุดมันได้?”
ในตอนนี้แม้แต่ใบหน้าของผู้ฝึกตนรุ่นอาวุโสก็ยังเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง
เจตจำนงของสวรรค์ไม่สามารถต่อต้านได้ พวกเขาเชื่อว่าการเข้าสู่อาณาจักรแห่งความเป็นอมตะจะมีความยากลำบากกว่านี้หลายสิบเท่า
และความแข็งแกร่งของเจตจำนงแห่งสวรรค์นั้นทำให้พวกเขาแทบจะหมดความหวังในการเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะไปแล้ว!