ตอนที่ 643+644 วันหยุด
ตอนที่ 643 วันหยุด
ด้านหนึ่งพวกเขาต้องเผชิญกับสภาพความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก หากไม่มีอาหารหรือน้ำดื่ม พวกเขาต้องพึ่งพาตนเองในการคิดหาทางแก้ไข พวกเขายังต้องป้องกันกับดักทุกชนิดในภูเขา พวกเขายังต้องป้องกันการโจมตีจากผู้อื่นและปกป้องตราของพวกเขา
เมื่อตราตกไปอยู่ในมือของผู้อื่นหรือทิ้งไว้ข้างตน พวกเขาจะถูกคัดออก
ในตอนกลางคืน เมื่อลู่ชิงสีซ่อนตัวอยู่ในความมืดเพื่อพักผ่อน เขายังคงต้องตื่นตัวอยู่เสมอ ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย เขาก็จะรับรู้ได้ในทันที จากนั้นเขาก็จะเข้าสู่เพื่อชิงตราสัญลักษณ์ของผู้ที่เข้ามาโจมตี
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาได้ขโมยเหรียญตราสัญลักษณ์ได้มากที่สุด
“ก่อนการเข้าร่วมการทดสอบรอบที่สอง คนเหล่านี้มีเวลาพักสองวัน การสอบรอบที่สองมีด้วยกันสามวัน ดังนั้นคนที่ผ่านเข้าสู่รอบที่สามอย่างผมเลยได้หยุดห้าวัน” ลู่ชิงสีตบศีรษะเจียงเหยา “พรุ่งนี้ผมจะพาคุณกับเมืองหนานเจียง”
“เฉินเฟยไป่ล่ะคะอยู่ที่ไหน” เจียงเหยานึกถึงเฉินเฟยไป่ ซึ่งยังคงอยู่ที่โรงพยาบาลสนาม เธอไม่ได้ยินข่าวว่าชายชราย้ายเขาออกไป ดังนั้นเขาน่าจะยังอยู่ที่โรงพยาบาลสนาม
“เฉินเฟยไป่เข้าสู่การทดสอบรอบที่สอง และได้หยุดพักสองวัน สถานการณ์ของเขาพิเศษ และเขาต้องการเวลาพักผ่อน แต่เขาไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ ดังนั้นทุกคนจึงรอเขาเป็นเวลาสองวัน” ลู่ชิงสีพ่นลมหายใจแล้วพูดต่อ “เฉินเฟยถัง ทำผิด เธอต้องเขียนจดหมายสำนึกผิด แม้ว่าเธอจะเข้าสู่รอบสองด้วย แต่การทำผิดครั้งนี้ก็เพียงพอแล้วที่เธอจะมีความกังวลระหว่างการเลื่อนตำแหน่ง”
การแข่งขับระหว่างทหารหญิงไม่ได้ด้อยไปกว่าทหารชาย ทหารหญิงทุกคนที่เข้าร่วมการประเมินไม่ได้น้อยไปกว่าทหารชายเช่นกัน
แม้ว่าลู่ชิงสีจะต้องการให้เฉินเฟยถังออกจากการแข่งขัน แต่เฉินเฟยถังได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวเฉิน เขาเข้าใจว่าสิ่งนี้ไม่น่าเป็นไปได้ ท้ายที่สุด ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเหลียงและตระกูลเฉินก็ยังอยู่
แต่อย่างน้อย ๆ ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรให้เฉินเฟยถังได้จดจำบ้างเลยกับความผิดพลาดของเธอและเรียนรู้บทเรียนเสียบ้าง
แม้ว่าพวกเขาจะสามารถออกจากเมืองรงได้ในวันรุ่งเช้า แต่ลู่ชิงสีก็ยังคงยุ่งตลอดทั้งวัน เมื่อเขากลับมาตอนเที่ยงคืน ตัวเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อจากสภาพอากาศยามค่ำคืนของเมืองรง
เขากลับมา และได้ยินเสียงแมวร้องอยู่ที่มุมหนึ่งของเต็นท์ อาจเป็นเพราะมันเพิ่งมา มันจึงไม่คุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมและผู้คน มันเลยย่องเข้ามาในมุมห้อง เจียงเหยานั่งยอง ๆ ใต้โต๊ะเพื่อเล่นกับแมว พูดคุยกับลู่อี้ชิงที่นั่งอยู่บนเตียง
เช้าวันรุ่งขึ้น ลู่ชิงสีขับรถออกจากเมืองรง พร้อมกับเจียงเหยาและลูกแมว
เพราะผู้จัดการซุนไม่มีเวลากลับมาจัดการกับงานที่เมืองรง ลู่อี้ชิงจึงอาสาที่จะอยู่จัดการความเรียบร้อยที่เมืองรงและยังไม่กลับเมืองหนานเจียงพร้อมกับเจียงเหยาและลู่ชิงสี
สามคืนแล้วที่เธอจากเมืองหนานเจียงไป เมื่อกลับมาถึง เจียงเหยารู้สึกเหมือนเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว
ผ่านมาสองสามวันนับจากที่เธอจากไป ใบไม้บนถนนดูจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง แม้ว่าเธอจะอยู่ในรถและเปิดหน้าต่างเพื่อรับรู้ถึงความเย็นจากภายนอก
“ในที่สุด ทางใต้ก็ถึงฤดูใบไม้ร่วงแล้ว” เจียงเหยาถอนหายใจ “หลังจากฤดูใบไร่วงของสัปดาห์นี้ ก็จะเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว”
“บางทีมันอาจจะแค่สัปดาห์เดียว และก็เข้าฤดูร้อนเลยก็ได้” ลู่ชิงสีรู้ว่าเจียงเหยาไม่ชอบอากาศหนาว ดังนั้นเขาจึงปลอบโยนเธอ
เมื่อเขากลับไปที่เมืองหนานเจียง สัญญาณโทรศัพท์ก็ใช้การได้อีกครั้ง จากช่วงที่เข้าเขตที่มีสัญญาณ โทรศัพท์ของเจียงเหยาเริ่มส่งการแจ้งเตือนทุกประเภท
ส่วนใหญ่พวกมันเป็นข้อความที่ส่งถึงเธอ เมื่อเธอไม่สามารถติดต่อได้ ข้อความเหล่านั้นมาจากเหวินเสวี่ยฮุ่ยทั้งหมด ทำเอากล่องจดหมายของเธอเกือบจะเต็ม
__
ตอนที่ 644 พรจากสวรรค์
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เจียงเหยารีบออกไปและขอให้เหวินเสวี่ยฮุ่ยยื่นเรื่องลาให้ เธอไม่ได้บอกว่าจะใช้เวลานานเท่าไหร่และยังไม่กลับมาที่หอเลย เธอไม่สามารถแม้แต่จะโทรศัพท์หาอีกฝ่ายได้ เหวินเสวี่ยฮุ่ยเป็นกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา
ในที่สุดเมื่อเธอได้รับโทรศัพท์จากเจียงเหยา เหวินเสวี่ยฮุ่ยกำลังคุยอยู่กับอธิการบดีเหวินว่าจะโทรแจ้งตำรวจดีหรือไม่?
“นี่เธอยังรู้นะว่าต้องโทรหาฉัน? ผ่านมากี่วันแล้ว หะ? ฉันติดต่อเธอไม่ได้เลย ถ้าเธอถูกลักพาตัวไปจะทำยังไง ตอนนี้เธออาจจะตายไปแล้วก็ได้นะ!”
ขณะที่เธอรับสายเจียงเหยา เหวินเสวี่ยฮุ่ยโกรธมากจนต่อว่าอีกฝ่าย
“สัตว์เลี้ยงของเธอยังจะดีกว่าเธอเสียอีก บอกฉันทีว่าทำเธอถึงได้วิ่งเก่งทั้งที่มีแขนกับขาที่บอบบางแบบนี้” เหวินเสวี่ยฮุ่ยกล่าวอย่างดุเดือด “ฉันน่าจะหักขาเธอ ก่อนที่จะปล่อยเธอไป!”
“ฉันไปที่เป็นอาสาสมัครที่เมืองรง ที่นั่นไม่มีไฟฟ้า ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ฉันขอโทษที่ทำให้เธอเป็นห่วง ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก ฉันจะบอกเธอล่วงหน้า เธอจะได้ไม่ต้องกังวล” เจียงเหยาอธิบายอย่างรวดเร็วว่าเธออยู่ที่ไหนเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
“อาสาสมัคร?” เหวินเสวี่ยฮุ่ยตกตะลึงตกตะลึง เธอไม่ได้คาดหวังให้เจียงเหยาไปที่เมืองรง เธอกล่าวต่อ “แล้วเธอรู้ไหมว่าทหารนายนั้นถูกเจอตัวแล้ว? วิทยุบอกว่าทหารนายนั้นปลอดภัย เขาได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เรื่องจริงเหรอ?”
“เป็นเรื่องจริง เรื่องจริงล่ะ! ทหารนายนั้นปลอดภัยดี” เจียงเหยารู้ว่าหญิงสาวในห้องพักให้ความสนใจต่อเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นเหวินเสวี่ยฮุ่ยจะไม่ถามหรอก
เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้นของเจียงเหยา เหวินเสวี่ยฮุ่ยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “พระคุ้มครองจริง ๆ”
เจียงเหยาเม้มริมฝีปากของเธอ เธอไม่ใช่พระโพธิสัตว์หรอกนะ
“แล้วเธอจะกลับมาเรียนเมื่อไหร่”
“ยังไม่รู้เลย ไว้ดูอีกที ตอนนี้สามีฉันก็อยู่ในเมืองหนานเจียง” เจียงเหยาเหลือบมองไปที่ลู่ชิงสี ที่กำลังขับรถอยู่
อาจเป็นเพราะเขาได้ยินเธอพูดถึงคำว่า ‘สามี’ ลู่ชิงสีหันไปมองเธอด้วยรอยยิ้มแฝงในดวงตาของเขา เขาดูมีความสุขมากที่ได้ยินเธอพูดถึงเขากับเพื่อนร่วมห้องของเธอ
“บอกเพื่อนร่วมห้องของคุณสิ ว่ามาทานข้าวด้วยกัน ถ้าคืนนี้เขาว่างน่ะนะ” ลู่ชิงสีกล่าว
เจียงเหยาถ่ายทอดคำพูดของลู่ชิงสีให้กับเหวินเสวี่ยฮุ่ย จากนั้นเสียงตื่นเต้นของเหวินเสวี่ยฮุ่ยก็ดังลอดมาจากปลายสาย “ฉันว่าง! ฉันว่าง! แม้ว่าต้องโดดวิชาเลือกเย็นนี้ก็ยอม! เธอจะมาพร้อมกับสามีสินะ ฉันจะคุยกับซีหยางและคนอื่น ๆ”
เหวินเสวี่ยฮุ่ยวางสายทันที
เจียงเหยาวางโทรศัพท์ของเธอและมองไปที่ลู่ชิงสี ก่อนที่จะถามว่า “คืนนี้คุณจะพักที่โรงแรมไหนคะ? มีมี่ฝากไว้กับคุณก่อนได้ไหม ไม่รู้จะเลี้ยงมีมี่ที่หอพักได้ไหม ถ้าฉันไม่สามารถเลี้ยงได้ ฉันคงต้องยกให้คนอื่นเท่านั้น”
ในขั้นต้นเจียงเหยาคิดว่ามันคงจะดี หากยกมันให้หวงเฉินเฉิน ถ้าเธอไม่สามารถเลี้ยงมันได้
อย่างไรก็ตาม หลังจากใช้เวลาอยู่กับมีมี่หนึ่งวัน เจียงเหยารู้สึกไม่เต็มใจที่จะยกให้อยู่เล็กน้อย
นี่อาจเป็นชะตากรรมระหว่างมนุษย์กับสัตว์ พอเข้ากันได้ก็มีความผูกพันที่ไม่สามารถอธิบายออกมาไม่ได้
เสียงของเจียงเหยานุ่มนวลมากเมื่อเธอถาม เมื่อเธอพูด มือของเธอยังคงสัมผัสมีมี่ที่กำลังนอนคุกเข่าอยู่ แม้แต่ลู่ชิงสีก็ยังรู้สึกว่าเธอไม่สามารถต้านทานความน่ารักของลูกแมวตัวนี้ได้
“ถ้าอยากเลี้ยงเองก็เก็บไว้เถอะ ก็แค่สัตว์เลี้ยงเอง” สิ่งที่เธอชอบไม่ใช่เพียงแค่ลูกแมว แม้จะเป็นเสือหรือสัตว์เดรัจฉาน ตราบใดที่มันไม่ทำร้ายเธอ เธอก็สามารถเลี้ยงมันไว้ได้ทั้งนั้น
“แต่ไม่สะดวกที่จะเลี้ยงในหอพักน่ะสิคะ” เจียงเหยาถอนหายใจ มีมี่ไม่ได้ฉลาดเหมือนมัว