ตอนที่แล้วตอนที่ 30 ผู้สืบทอดของตระกูลแกริค(อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 32 ตอบรับข้อเสนอ(อ่านฟรี)

ตอนที่ 31 ค่ำคืน(อ่านฟรี)


ตอนที่ 31 ค่ำคืน

“นายท่านแกริค” พ่อบ้านเฟรดก้มหัวทำความเคารพลูอิสด้วยใจจริง ในตอนนั้นเองระบบก็เตือนลูอิสว่า คะแนนความศรัทธาของพ่อบ้านเฟรดนั้นมาถึง 90 แต้มแล้ว

‘เอ๊ะ! เพิ่มขึ้นสิบแต้มง่าย ๆ แบบนี้เลยอย่างนั้นเหรอ’ ลูอิสมองไปที่พ่อบ้านอย่างแปลกใจ ‘อย่าบอกนะว่าที่พลังงานศรัทธาเพิ่มขึ้นเพราะว่า ฉันกลายเป็นผู้นำตระกูลต่อจาก บารอนไรแลนด์ และพ่อบ้านเฟรดสาบานจะรับใช้ตระกูลแกริค พอไรแลนด์ตาย ฉันกลายเป็นผู้นำตระกูลแกริค พ่อบ้านเฟรดก็ภักดีกับฉันเพิ่มขึ้นทันที แต่ก็ยังไม่หนึ่งร้อยแต้ม เห้อ...คนแก่เอาใจยากชะมัด’

ลูอิสพยักหน้าให้พ่อบ้านเฟรด

หลังจากเรื่องของบารอนไรแลนด์และแหวนจบลง แอนเดรียก็เอาแหวนให้กับลูอิสเก็บไว้ ก่อนจะกลับมาพูดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมากันต่อ

การลงมือของลูอิสในครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะคนที่เขาพึ่งจัดการไปคือ มาลก้า บุตรชายสุดรักของบารอนเมสัน ซึ่งไม่นานก็คงจะมีคนพยายามตามหาตัวพวกเขาทุกคน โดยเฉพาะแอนเดรียและพ่อบ้านเฟรดที่มีคนของมาลก้าเห็นหน้าเยอะสุด

อีกทั้งเขตผู้อพยพยังอยู่ในพื้นที่ของบารอนเมสัน ก็ยิ่งยากจะหลบซ่อนไปอีก

“นายหญิง ทำแบนั้นจะดีอย่างนั้นเหรอ” พ่อบ้านเฟรดถามด้วยสีหน้ากังวล

“พวกเราคงหลบซ่อนได้ไม่นานแน่นอน ถึงอย่างไรลูอิสก็เป็นบารอนแกริคคนต่อไป แม้จะมาจากอาณาจักรล่มสลายไปแล้ว แต่ก็ยังถือเป็นสายเลือดขุนนาง ไวเคาน์คาริสจะต้องช่วยเหลือพวกเราแน่นอนถ้าใช้สิ่งนั้น” แอนเดรียกล่าวมาอย่างมั่นใจ

“นายหญิงแบบนั้นจะดีเหรอ บางทีสักวันเราอาจจะกลับไปเอาของพวกนั้นก็ได้” บ้านเฟรดพูดอย่างไม่เห็นด้วย

“มีมันแล้วจะไปสำคัญอะไร สู้เอาไปใช้ต่อรองยังดีซะกว่า ฉันตัดสินใจแล้ว พรุ่งนี้เราจะไปพบไวเคานต์คาริส พวกเราจะเลิกหนี ถ้าลูอิสจะเป็นผู้นำตระกูลก็ควรจะสร้างตระกูลขึ้นมาใหม่ที่นี่” แอนเดรียตัดสินใจอย่างเด็ดขาด

“ถ้านายหญิงต้องการสร้างตระกูลแกริคขึ้นมาใหม่ ชายชราคนนี้ก็จะติดตามพวกท่านทั้งสองและช่วยอย่างสุดกำลัง” พ่อบ้านเฟรดกล่าวและยอมรับการตัดสินใจของแอนเดรีย

“ท่านแม่ ของที่พูดถึงคืออะไร” ทารกน้อยลูอิสเอียงคอถามอย่างสงสัย

“แผนที่ซ่อนสมบัติของเมืองอิกเน็ต ที่สำรองไว้ใช้ในกรณีที่เมืองล่มสลาย” แอนเดรียหันมาตอบลูอิส

‘เมืองอิกเน็ต เมืองที่แอนเดรียและพ่อบ้านเฟรดพูดถึงบ่อย ๆ ว่าหนีออกมาตอนสงครามสินะ ฉันยังไม่เกิดเลยตอนนั้น’

‘สมบัติสำรองของเมืองอย่างนั้นเหรอ สุดยอด! มันเยอะแค่ไหนกันแล้วจะมีอะไรบ้างอยากเห็นแล้วสิ แต่ว่าตอนนี้จะยังกลับไปเอาได้หรือเปล่า’

‘ไม่สิตอนนี้คงยังไม่มีทางไปเอาได้แน่นอน เพราะทั้งเมืองคงโดนยึดครองโดยพวกทหารเอเรอาร์ตแน่นอน และดูเหมือนแอนเดรียจะมั่นใจว่าพวกนั้นจะหาที่อยู่ของสมบัติไม่เจอ เพราะอาจจะมีคนที่รู้เรื่องนี้ไม่มากสินะ’

‘แต่ถึงอย่างนั้นแค่แผนที่ซึ่งระบุตำแหน่งของสมบัติที่ซ่อนก็มีค่าแล้ว ถ้ารู้จักใช้มัน’

ลูอิสพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของแอนเดรีย เพราะสำหรับบางคนแล้ว ขอแค่มีความหวังว่าจะได้มาครอบครองก็ถือว่าแผนที่นั้นมีค่าแล้ว ไม่ต่างจากคนที่ชอบซื้อลอตเตอรี่ ขอแค่มีโอกาสได้ลุ้น ในใจก็คิดถูกรางวัลได้เงินมาครอบครองไปแล้ว แต่จะถูกจริง ๆ หรือไม่นั้นก็ยังไม่รู้

...

คฤหาสน์หลังหนึ่งในเมืองเอลดิลของตระกูลเมสัน

บารอนเมสันผลักประตูเดินเข้าไปในด้วยท่าทางรีบร้อน เมื่อเข้าไปในห้องตอนนี้ในห้องนั้นเต็มไปด้วยหมอและพยาบาลชุดขาวสามสี่คนที่ช่วยกันยื้อชีวิตของมาลก้าที่ในตอนนี้นอนไม่ได้สติ โดยรอบตัวนั้นเต็มไปด้วยเศษผ้าที่เช็ดเลือดที่ไหลออกมาจากแผลอยู่เป็นจำนวนมาก

เมื่อสังเกตดี ๆ หน้าอกมีรอยแผลจากดาบลึกมากถึงกระดูกเป็นรูปกากบาท ตามตัวยังมีรอยฟกช้ำหลายจุด ที่หัวมีคราบเลือดจากบาดแผลที่ศีรษะ

“ท่านบารอน ผมสามารถยื้อชีวิตนายน้อยด้วยยารักษาที่ได้มาจากผู้เยียวยาได้แค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ถ้าไม่ได้ผู้เยียวยามาช่วยคงยากที่จะรอด” หมอที่รักษามาลก้ากล่าวออกมาอย่างร้อนใจ

บารอนเมสันได้ยินก็ขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจนัก ถึงอย่างนั้นก็รู้ว่าความสามารถของหมอนั้นมีขีดจำกัด เขาหันไปมองลูกน้องที่พามาลก้ามาส่งที่คฤหาสน์เมื่อชั่วโมงก่อน

“เกิดอะไรขึ้น?” บารอนเมสันหันไปถามคนของมาลก้าที่พาเขามาส่ง

“นายน้อยโดนผู้ครองพลังโจมตีที่คฤหาสน์หลังใหม่ที่พึ่งสร้างในเขตบุกเบิก ตอนนี้คฤหาสน์ชั้นสองเสียหายหนักจากไฟไหม้ พวกเรารีบไปช่วยนายน้อยออกมาได้ทัน แต่ผู้ครองพลังที่บุกมาหายตัวไปแล้วขอรับ” ชายคนนั้นตอบ

บารอนเมสันได้ยินก็มีสีหน้าเงียบขรึม เขาจำได้ว่าเมื่อปีก่อนให้คนไปสร้างคฤหาสน์ไว้ที่นั้นเพราะพอพัฒนาเขตบุกเบิกจะได้มีที่พักที่สมฐานะ “มาลก้าไปทำอะไรที่นั้น แล้วทำไมผู้ครองพลังต้องโจมตีเขาด้วย”

“เรื่องนี้คือว่า...นายน้อยสั่งห้ามไว้ขอรับ” ชายคนนั้นลังเลเล็กน้อยที่จะตอบ

“บอกมา!” บารอนเมสันขึ้นเสียงเล็กน้อยด้วยความไม่พอใจ

“ได้..ขอรับ...” ชายคนนั้นพยักรัว ๆ ก่อนจะพูดไปตามจริง “นายน้อยลักพาตัวหญิงชั้นสูงที่ชื่อ แอนเดรีย นางเป็นผู้หญิงของบารอนแกริคที่หนีมาจากเมืองอิกเน็ต หลังจากนั้นก็มีผู้ครองพลังบุกเข้ามาช่วยนาง คาดว่าน่าจะเป็นผู้ครองพลังที่ติดตามรับใช้นางขอรับ”

“แอนเดรีย...ภรรยาของบารอนแกริค? นางมาที่นี่อย่างนั้นเหรอเล่ามาให้ละเอียด” บารอนเมสันหันไปถาม

หลังจากนั้นคนติดตามของมาลก้าก็เล่าเรื่องทุกอย่างตั้งแต่ตอนพบกับซอมบี้ จนได้แหวนและเรื่องของแอนเดรีย ซึ่งหลังจากฟังก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

“เรื่องนี้พวกแกต้องรับผิดชอบด้วยถ้ามาลก้าเป็นอะไรขึ้นมา ออกไปซะ” บารอนเมสันไล่คนติดตามของมาลก้าออกไป พร้อมกับกล่าวคาดโทษไว้ จากนั้นก็หันไปพูดกับคนสนิท “อาร์ไปเชิญผู้เยียวยาไลกิ้นที่คฤหาสน์ของท่านไวเคาตน์คาริสมา บอกเขาว่าฉันติดหนีเข้าครั้งหนึ่ง”

“ขอรับ” อาร์พยักหน้า แต่ขณะที่จะเดินออกไป ตอนนั้นบารอนเมสันก็พูดขึ้นมาต่อว่า “ส่งคนไปสืบมาด้วยว่าเธอพักอยู่ที่ไหน”

“นายท่านคิดจะ...” อาร์เหมือนจะรู้ว่านายตัวเองต้องการจะทำอะไร

“พวกมันทำร้ายมาลก้า แม้เขาจะผิด แต่เขาคือบุตรชายของฉัน อีกอย่างเธอเป็นแค่ชนชั้นสูงที่เหลือแต่ชื่อ ดังนั้นจะต้องชดใช้โดยการส่งผู้ครองพลังที่กล้าฟันมาลก้ามารับโทษตาย” บารอนเมสันพูดออกมาด้วยความโกรธ

“ขอรับนายท่าน” อาร์กล่าวอย่างนอบน้อม เพราะรู้ว่าถ้านายท่านโกรธขึ้นมาจะมีคนซวยอย่างแน่นอน เขารีบไปตามผู้เยียวยามาช่วยมาลก้าทันที

...

สถานที่ภายในเขตผู้อพยพ บริเวณพื้นที่โกดังร้างที่ไม่มีใครเข้ามา ปรากฏชายสองคนอายุไล่เรี่ยกัน คนหนึ่งมีรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีน้ำตาล ในหน้าขรึมขัง แต่งกายด้วยชุดเกราะยุทธวิธีที่มีแผ่นเหล็กติดอยู่บนไหล่องข้าง ด้านหลังสะพายดาบยาวไว้

ส่วนอีกคนนั้นเป็นหนุ่มผมบอนสูง 180 กว่า ๆ มีรูปร่างสูงโป่ง ดวงตาสีฟ้า ผิวขาว ใช้ดาบคู่สีเงินเป็นอาวุธเดินตามมาด้านข้าง ทั้งสองถือไฟฉายคนละกระบอก ก่อนจะหยุดอยู่หน้าประตูรั้ว ซึ่งบนพื้นนั้นเต็มไปด้วยคราบเลือดที่ยังใหม่อยู่

ทั้งสองเดินเหยียบคราบเลือดเข้าไปด้านในโดยไม่ได้รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย คราบเลือดลากยาวไปจนถึงหน้าโกดังผุจนขึ้นสนิมหลังที่สาม

“ที่นี่อย่างนั้นเหรอ” ผู้พิทักษ์รีดินเดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าโกดังที่สาม ตอนนี้รอบด้านนั้นมืดมากแล้ว ด้านในจึงแทบไม่มีแสงเลยแม้แต่น้อย ทำให้มองไม่เห็นอะไร

“ทำไมต้องให้ฉันมาด้วย นายเป็นผู้พิทักษ์ระดับ 2 แค่คนเดียวก็น่าจะจัดการได้แล้ว” ชายหนุ่มผมบอนผู้ได้ชื่อว่าผู้เคลื่อนไหวกล่าวออกมาด้วยท่าทางเบื่อหน่าย เพราะคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องส่งตนมาด้วยในครั้งนี้

“การมีอันเดดปรากฏในเมืองถือเป็นเรื่องใหญ่ ไวเคานต์คาริสให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ดังนั้นนายจึงต้องมาช่วยงานฉัน แล้วก็นะ ออสก้า...ถ้ายังบ่นอีกฉันจะบีบนายให้เละเลย” รีดินอธิบายด้วยใบหน้าตายด้านและหันมากล่าวเตือนด้วยสายตาดุดันกับออสก้า

“รู้แล้วน่า เอาตามที่นายว่าก็แล้วกัน ถ้าอย่างนั้นเข้าไปเลยไหม” ออสก้าไม่ได้รู้สึกกลัวรีดินแม้แต่น้อย ยังพูดออกมาอย่างสบาย ๆ

รีดินไม่สนใจกับท่าทางออสก้า เขาส่งไปฉายเข้าไปด้านในและเดินเข้าไปเป็นคนแรก ออสก้าเดินตามหลังมาก่อนจะสองไฟฉายไปทั่วทั้งหน้าและหลัง

ออสก้าสูดจมูกสองสามที ก่อนขมวดคิ้วชนกัน “กลิ่นเลือดรุนแรงมาก โอ้...ตรงนั้นมีเศษเนื้อด้วย ดูท่าจะเป็นตัวชอบกินนะเนี่ย”

ออสก้าเดินแซงรีดินไปข้างหน้าหยุดอยู่หน้ากองเศษเนื้อที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นและใช้เท้าเขี่ยดูอย่างสนใจ

“น่าจะหลายศพแต่คงมีไม่เกินสองตัวแหละมั้ง”

“ไม่...มีแค่ตัวเดียว” รีดินพูดอย่างมั่นใจ ขณะที่เงยหน้ามองขึ้นไปบนหลังคาโกดังที่คานเหล็กของหลังคาโดยมีไฟฉายส่องอยู่

ออสก้าเหมือนจะนึกขึ้นได้ จึงเงยหน้าตามมองขึ้นไป ไฟฉายในมือของเขาส่องไปที่ด้านบนซึ่งมีสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายมนุษย์ ผิวสีเทาคล้ำ เล็บที่แหลมยาวและปากที่เต็มไปด้วยเขียวแหลมกับน้ำลายที่ไหลยืดหยดลงมากำลังจ้องมองมาที่เขา

“กูลอย่างนั้นเหรอ” ออสก้าพูดออกมาอย่างสนใจ

กูลที่อยู่บนคานกัดฟันและขยับกามไปมา จากนั้นก็อ้าปากกว้างจนมุมปากสองข้างแทบจะฉีกจากนั้นก็กระโดดลงมาใส่ออสก้าในทันที

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด