บทที่ 634 ปลวกโรงงานยา(ตอนฟรี)
บทที่ 634 ปลวกโรงงานยา
หญิงสาวมองจี้เฟิงด้วยความระมัดระวังและหันไปมองที่เหลียงชุนฮุ่ยก่อนจะถามด้วยรอยยิ้ม “ชุนฮุ่ย พวกเขาเป็นเพื่อนนายเหรอ?”
เหลียงชุนฮุ่ยพยักหน้าและพูดว่า “นี่คือลูกพี่ลูกน้องของฉัน...”
“นี่พาญาติมาคุยเล่นเวลางานงั้นเหรอ...” หญิงสาวเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะคิกคักและพูดว่า “อย่าทำหน้าเครียดๆ ฉันชื่อซูหยวน ที่จริงแล้วฉันเป็นเพื่อนร่วมงานของชุนฮุ่ย ฉันแค่ล้อเล่นกับพวกคุณเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาอื่นใด ฉันหวังว่าพวกคุณสองคนจะไม่โกรธเคืองกันนะ!”
“พอจะรู้อยู่ครับ!” จี้เฟิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม คนอื่นๆอาจไม่สังเกตเห็น แต่จี้เฟิงมีสายตาที่เฉียบคม การสังเกตและการวิเคราะห์ที่เขาได้รับมาจากการฝึกอบรมในระบบฝึกสุดยอดสายลับตลอดทั้งปี ทำให้จี้เฟิงมองคนออกได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าภายนอกของผู้หญิงคนนี้จะดูแรงๆและอวดดีบ้างเล็กน้อย แต่เธอไม่ได้ทำให้คนอื่นรู้สึกรังเกียจอะไรขนาดนั้น อาจจะเพราะความมั่นใจและเปิดเผยของเธอ
แต่ในความเป็นจริง จี้เฟิงจะเห็นว่า การแสดงออกอย่างมั่นใจและเปิดเผยของผู้หญิงคนนี้ เป็นแค่การแสดงมากกว่า เหมือนกับการสร้างเปลือกนอกเพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง อาจจะอยากปกปิดความอ่อนแอภายในหรืออุดมการณ์บางอย่างไม่ให้ใครล่วงรู้
ส่วนบุคลิกและนิสัยที่แท้จริงของเธอเป็นอย่างไร... จี้เฟิงไม่รู้
ยังไงก็ตาม นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองได้พบหน้ากัน แม้ว่าจี้เฟิงจะสามารถสังเกตสภาพแวดล้อมและพฤติกรรมของผู้คนได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็เห็นแค่ฉากด้านนอกเท่านั้น ไม่ว่าสายตาของเขาจะเฉียบคมมากแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถมองทะลุไปถึงจิตใจหรือสันดานที่แท้จริงของคนๆนั้นได้
“ในเมื่อเราได้มาพบกันทั้งที ก็มาดื่มฉลองกันหน่อยดีกว่า!” เหลียงชุนฮุ่ยพูดด้วยรอยยิ้ม เห็นได้ชัดว่าเขาคุ้นเคยกับซูหยวนเพื่อนร่วมงานหญิงคนนี้ดี
ซูหยวนค่อนข้างลังเล “มันจะไม่เป็นการรบกวนนายใช่มั้ย?”
ในตอนที่เธอยังยืนอยู่ไกลๆ เธอไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก แต่เมื่อเธอเดินเข้ามาใกล้ เธอก็อดสูดลมหายใจไม่ได้
ดูผ่านๆทุกอย่างก็ปกติดี แต่สองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเหลียงชุนฮุ่ยโดยเฉพาะชายหนุ่มคนนั้นมีอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไป
ชายหนุ่มผู้นี้ไม่ได้สวมเสื้อผ้าราคาแพงอะไร ดูเหมือนจะเป็นเสื้อผ้าราคาไม่กี่ร้อยหยวนที่มีขายตามร้านค้าทั่วไป แต่อาจจะดูดีกว่าร้านข้างทางนิดหน่อย แต่ที่นี่คือเจียงโจว พนักงานโรงงานก็สามารถซื้อเสื้อผ้าแบบนี้ใส่ได้ ไม่ได้มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับมัน
แต่นาฬิกาที่อยู่บนข้อมือของชายหนุ่มคนนี้ก็แอบทำให้ซูหยวนอึ้งๆอยู่เหมือนกัน แม้ว่าวาเชอรอง กงสตองแตง (Vacheron Constantin) จะเป็นผลิตภัณฑ์ระดับกลางถึงระดับล่าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องใช้เงิน 20,000 ถึง 30,000 หยวนในการซื้อ
แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด นาฬิกามูลค่าหลายหมื่นหยวนสามารถซื้อได้โดยใครก็ตามที่เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และผู้ชายยังชอบใส่เพื่อส่งเสริมรูปลักษณ์
แต่ชายหนุ่มตรงหน้าไม่ใช่แบบนั้นแน่!
เพราะที่สำคัญที่สุดคือชายหนุ่มคนนี้มีออร่าแบบที่คนอื่นไม่มี! ซูหยวนเป็นพนักงานขาย เธอได้พบปะผู้คนมากมาย แต่เธอไม่เคยเห็นคนแบบชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอในเวลานี้มาก่อน
อีกฝ่ายนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีสบายๆ ถ้าไม่ใช่คนที่โง่เง่าจนเกินไปก็จะสัมผัสได้ถึงความกดดันจางๆ มันเหมือนกับว่า ไม่ใช่ใครก็สามารถเข้าหาคนๆนี้ได้ง่ายๆ ซูหยวนเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะอะไร แม้ว่าเธอจะได้พบกับบอสใหญ่หรือประธานบริษัทเหล่านั้น แต่เธอก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน!
เป็นไปได้มั้ยที่ชายหนุ่มคนนี้จะเป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง?!
แต่แล้วซูหยวนก็ปฏิเสธการคาดเดาของเธอทันที เพราะถ้าญาติของเหลียงชุนฮุ่ยเป็นคนใหญ่คนโตจริงๆ ทำไมเขายังคงมาทำงานอยู่ในโรงงานผลิตยาในฐานะพนักงานรายย่อยอยู่แบบนี้? แถมยังถูกรังแกแทบทุกวัน? ถูกป้ายความผิดโดยไม่มีเหตุผล?!
ซูหยวนอดไม่ได้ที่จะมองจี้เฟิงและจี้เสี่ยวหยูอีกสองสามครั้ง เธอแอบงุนงงและไม่เข้าใจว่าสองคนนี้เป็นใคร สถานะของพวกเขาอยู่ในระดับไหนกันแน่?!
จี้เฟิงรอจนเธอนั่งลงและถามด้วยรอยยิ้มว่า “คุณซูหยวนสินะครับ ฉันสนใจสิ่งที่คุณเพิ่งพูดเมื่อกี้มากเลย ที่คุณบอกว่าชุนฮุ่ยถูกรังแกจากคนในโรงงาน นอกจากนี้สภาพแวดล้อมในการทำงานในโรงงานนี้ก็แย่มาก มีหัวหน้าบางคนที่ทำงานอยู่ที่นั่นเป็นคนไม่ดีเหรอ?”
“จะพูดยังไงดี....” ซูหยวนชี้ไปที่รอยฟกช้ำบนใบหน้าของเหลียงชุนฮุ่ย เธอเบ้ปากเล็กน้อยและกล่าวว่า “อ่ะ คุณก็ดูหน้าเขาเอาแล้วกัน!”
จี้เฟิงถามเสียงเรียบ “เห็นแล้ว... แต่ฉันอยากรู้ว่ามันเป็นมายังไง!”
“ชุนฮุ่ย ฉันพูดได้มั้ย?!” ซูหยวนหันไปถามความคิดเห็นของเหลียงชุนฮุ่ย
“ทำไมเธอถึงจะพูดไม่ได้ล่ะ?” จี้เฟิงถามด้วยรอยยิ้ม “ที่เรามา ก็เพื่อมาดูว่าชุนฮุ่ยทำงานที่นี่เป็นยังไงบ้าง ถ้าเธอมีอะไรก็พูดมาได้เลย!”
ซูหยวนพยักหน้าและกล่าวว่า “คุณรู้ใช่มั้ยว่าโรงงานยาเถิงเฟยของเราให้ความร่วมมือกับกลุ่มบริษัทเทียนเหยา? ชุนฮุ่ยและฉันรวมถึงเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆในแผนกการขายมีหน้าที่รับผิดชอบติดต่อประสานงานกับคนของทางฝั่งเทียนเหยา รวมถึงกำหนดกลยุทธ์ทางการขายและวางแผนการขายไว้ล่วงหน้า แต่นอกจากนั้นยังมีหัวหน้าฝ่ายขายและผู้จัดการที่อยู่เหนือพวกเรา ผู้จัดการจะมีหน้าที่แบ่งงานและบอกพวกเราว่าต้องทำอะไรบ้าง ส่วนหัวหน้าฝ่ายจะรับผิดชอบเรื่องการหารือต่างๆกับผู้บริหารระดับสูงของโรงงาน!”
จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อย เขารู้เรื่องนี้อยู่แล้ว และที่เป็นแบบนี้ก็เป็นผลมาจากการหารือของเขากับฮั่นจง
“อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการของเราไม่ได้เป็นคนซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ขนาดนั้น เขาให้งานกับกิ๊กตัวเองเพื่อเอาใจเธอ และดูเหมือนเขาจะมีเล่ห์เหลี่ยมเล็กน้อยในที่ทำงานด้วย ชุนฮุ่ยเป็นคนสังเกตเห็น และนั่นจึงทำให้เขากลายเป็นแบบนี้นี่แหละ!” ซูหยวนชี้ไปที่ใบหน้าของเหลียงชุนฮุ่ย
“ลูกพี่ลูกน้อง คนที่ทำร้ายคุณไม่ใช่พวกอันธพาลเหรอ แต่เป็นผู้จัดการคนนั้นใช่มั้ย?” จี้เสี่ยวหยูอุทานด้วยความประหลาดใจและพูดอย่างโกรธแค้นว่า “ช่างเป็นคนที่น่าขยะแขยงจริงๆ!”
“คนที่ลงมือเป็นพวกอันธพาลนั่นแหละ แต่ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าอันธพาลพวกนั้นเป็นคนของใคร!” ซูหยวนกล่าว
“ผู้จัดการของคุณทำแบบนี้ได้ยังไง?!” จี้เสี่ยวหยูกล่าวอย่างไม่พอใจ เธอหันหน้าไปมองจี้เฟิงและพูดเสียงดัง “พี่สาม! พี่ไม่คิดจะจัดการเรื่องนี้เลยเหรอ?”
จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อยและพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “คงต้องจัดการอะไรซักหน่อยแล้ว!”
“อย่าเข้ามายุ่ง!” ซูหยวนเตือนทันทีว่า “ถ้ายังอยากให้ชุนฮุ่ยได้ทำงานที่นี่ต่อไป พวกคุณก็ไม่ควรสร้างความเดือดร้อน ผู้จัดการหวังทำงานด้านการขายอยู่ในเจียงโจวมานานหลายปี เขารู้จักผู้คนมากหน้าหลายตา ทั้งบนดินหรือพวกใต้ดิน! เส้นสายเขาไม่ใช่เล่นๆเลย ถ้าเขาอยากจัดการกับชุนฮุ่ยขั้นเด็ดขาด ก็มีหลายวิธีให้เขาเลือก และพวกคุณก็คงทำได้แค่โกรธ!”
“สุดยอด! ช่างทรงพลังมากจริงๆ...” จี้เฟิงกล่าวชมด้วยน้ำเสียงที่เยาะเย้ย “ฉันไม่เคยได้ยินเลยว่าจะมีผู้จัดการฝ่ายขายคนไหนที่ทำอะไรขนาดนี้ได้ น่าทึ่งมาก!”
“อันที่จริง แผนการของผู้จัดการหวังนั้นดีมาก ถ้าจะติดก็มีแค่ตรงแผนการขายที่เขากำหนดไว้!” เหลียงชุนฮุ่ยพูดขึ้น “เขากำหนดอัตราการสูญเสียไว้สูงเกินไป ฉันได้ลองตรวจสอบอัตราการรายงานการสูญเสียของโรงงานผลิตยาทั่วๆไปดูแล้ว มันต่ำกว่าอัตราส่วนที่ถูกกำหนดโดยผู้จัดการหวังมาก!”
“ต่างกันเท่าไหร่?” จี้เฟิงถามเสียงเข้ม
“อัตราการรายงานการสูญเสียที่กำหนดโดยผู้จัดการหวังนั้นสูงเป็นสองเท่าของผู้ผลิตรายอื่น!” เหลียงชุนฮุ่ยกล่าว
“ฮ่าฮ่า...” จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะเย้ยหยัน “ช่างเป็นคนที่หน้าด้านดีจริงๆ ใช้ของๆคนอื่นโดยที่ไม่รู้สึกอะไรเลยสินะ!”
การรายงานการสูญเสียที่กล่าวมา หมายถึง ความเสียหายของผลิตภัณฑ์ในกระบวนการขนส่ง การจัดเก็บและการบรรจุซ้ำของผลิตภัณฑ์จากโรงงานไปเครื่องปลายทาง หรือถ้าหากมีข้อบกพร่องจะถือว่าเป็นสินค้าชำรุดและจะถูกส่งไปทำลายหรือนำไปรีไซเคิล
อัตราการสูญเสียก็ตามชื่อ คือรายงานอัตราการส่วนที่เสียหายของผลิตภัณฑ์ทั้งหมด
ดังนั้น สิ่งที่เหลียงชุนฮุ่ยบอกนั้นหมายความว่า ผู้จัดการฝ่ายที่ชื่อว่าหวัง ได้กำจงใจกำหนดอัตราการสูญเสียที่สูงเกินไป ยกตัวอย่างเช่นถ้าเป็นบริษัทยาอื่นๆ จะยอมให้เกิดความเสียหายแค่ห้าในหนึ่งร้อยเม็ด นั่นก็คือหนึ่งในยี่สิบ และตามอัตราการสูญเสียที่รายงานซึ่งกำหนดโดยผู้จัดการหวัง อัตราความเสียหายอาจถึงหนึ่งในสิบหรือสูงกว่านั้น!
ซึ่งหมายความว่าโรงงานผลิตยาจะสูญเสียผลิตภัณฑ์มากเป็นสองเท่า !
“นอกจากนี้ ผู้อำนวยการแผนกรีไซเคิลผลิตภัณฑ์ที่ชำรุดของโรงงาน ดูเหมือนเป็นพี่เขยของผู้จัดการหวังด้วย!” เหลียงชุนฮุ่ยกล่าวเสริม
“เพราะแบบนี้เขาเลยทำร้ายคุณสินะ?!” จี้เฟิงถามด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
“ผมคิดว่าเป็นเพราะผมส่งข้อเสนอไปให้เขา เขาก็เลยไม่พอใจ!” เหลียงชุนฮุ่ยพูดและหัวเราะกับตัวเอง
“แล้วแผนการขายของเขาล่ะ ที่เขาทำแบบนี้ก็น่าจะมั่นใจใช่มั้ยว่ามันจะได้รับการอนุมัติจากผู้บริหารระดับสูงของโรงงานฝ่ายผลิต?!” จี้เฟิงถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ก็มีความเป็นไปได้สูงนะครับ เพราะเขาก็เป็นพนักงานขายเก่าด้วย เขาต้องรู้วิธีกำจัดปัญหาในด้านอื่นๆ เช่นค่าคอมมิชชั่นของพนักงานขายหรือลดอัตราเงินคืนเล็กๆน้อยๆ เขาสามารถกำหนดหลายๆอย่างได้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการขายทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่เขารายงานเป็นเพียงขีดจำกัดสูงสุดของอัตราความเสียหาย และยังมีอีกหลายบริษัทที่รายงานอัตราความเสียหายที่สูงกว่าที่เขากำหนดไว้ ดังนั้นเรื่องการผ่านการอนุมัติไม่น่าใช่ปัญหา!” เหลียงชุนฮุ่ยอธิบายถึงการวิเคราะห์ของเขาแก่จี้เฟิงอย่างชัดเจน
จี้เฟิงพยักหน้า ในที่สุดเขาก็เข้าใจถึงจุดประสงค์ของจี้เสี่ยวหยูที่พยายามจะให้เขามากับเธอ
แน่นอนว่ารายละเอียดเฉพาะของเรื่องนี้จี้เสี่ยวหยูคงไม่รู้ แต่เหลียงชุนฮุ่ยลูกพี่ลูกน้องของเธอรู้ดีว่ามีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้น และจี้เฟิงก็คาดเดาว่ามีโอกาสสูงมากที่เหลียงชุนฮุ่ยจงใจใช้เรื่องที่เขาโดนทำร้ายบอกกับจี้เสี่ยวหยูและขอให้จี้เสี่ยวหยูพาเขามาที่นี่ให้ได้ แน่นอนว่าจี้เสี่ยวหยูไม่อยากให้ลูกพี่ลูกน้องของตัวเองต้องถูกทำร้ายในโรงงานของลูกพี่ลูกน้องอีกคนของตัวเอง!
สำหรับสิ่งที่เหลียงชุนฮุ่ยทำจี้เฟิงก็เข้าใจเช่นกัน
ในฐานะญาติ แม้ว่าจะเป็นญาติห่างๆ แต่เขาก็ยังเป็นญาติ มันจึงไม่ใช่เรื่องดีที่เหลียงชุนฮุ่ยจะพูดถึงพนักงานของโรงงานยาของเขาซึ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดและรู้สึกไม่ดีได้ ดังนั้นเหลียงชุนฮุ่ยจึงบอกจี้เสี่ยวหยู และให้จี้เสี่ยวหยูเป็นคนขอร้องให้เขามาเป็นเพื่อน ให้มาเห็นด้วยตาของตัวเองและนั่นก็ทำให้เขาเข้าใจทุกอย่างตามธรรมชาติ
“ดูเหมือนว่าผู้จัดการหวังของพวกคุณ ไม่เพียงแต่ใจกล้า แต่ยังหัวหมอและมีความสามารถมากอีกด้วย!” จี้เฟิงหัวเราะ
“พี่สาม! ทำไมพี่ยังหัวเราะได้อยู่อีกล่ะคะ! พี่ไม่ได้ยินที่ลูกพี่ลูกน้องของเสี่ยวหยูพูดเหรอ? ผู้จัดการหวังคนนั้นเป็นเหมือนมดปลวกคอยกัดกินโรงงานอยู่นะ ดังนั้นพี่ไม่ควรจะหัวเราะแบบนี้สิ!” จี้เสี่ยวหยูพูดพร้อมกับมุ่ยปาก ลูกพี่ลูกน้องของเธอถูกทำร้ายโดยคนไม่ดี เธอรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย
จี้เฟิงส่ายหัวเล็กน้อย และในขณะที่เขากำลังจะอ้าปากพูด จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงของซูหยวนดังขึ้น
“ชู่~~~!! นังจิ้งจอกอยู่ที่นี่!”
จิ้งจอก?
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะสะดุ้งเล็กน้อย เขาหันศีรษะและมองไปรอบๆราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเห็นหญิงสาวคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดวับๆแวบๆ เดินส่ายตูดเข้าประตูโรงแรมมา
หญิงสาวคนนี้อายุประมาณยี่สิบกลางๆ เธอแต่งหน้าจัดเต็มมาก ทำให้ไม่สามารถรู้อายุที่เฉพาะเจาะจงได้เลย
“ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยผิงผิง เป็นกิ๊กของผู้จัดการหวังและตอนนี้เธอก็เป็นหัวหน้าทีมขายของเราไปแล้วด้วย!” ซูหยวนแกล้งจิบชาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและพูดด้วยเสียงเบาๆว่า “แต่รู้อะไรมะ? เธอเพิ่งจะมาอยู่ในโรงงานแค่สามเดือน ยังไม่ทันได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับการขายเลย เธอก็ได้เป็นหัวหน้าแล้ว...”
…จบบทที่ 634~❤️