STBI : ตอนที่ 37 สถานที่ทดสอบโชคชะตา
ป่าทึบใต้ดิน
กลุ่มคนได้เดินทางติดกันเป็นระยะเวลากว่าหนึ่งชั่วโมง ทว่าพวกเขาเพิ่งจะผ่านมาได้เพียงครึ่งทางเท่านั้น เพราะอันตรายซุกซ่อนอยู่ไปทั่วทั้งป่าทำให้พวกเขาหวาดกลัวที่จะเพิ่มความเร็ว
ดังนั้นกลุ่มฝูงชนจึงได้ก่อตัวเป็นรูปขบวนแถวยาว โดยมี เหม่ยหงหยิง,ไป๋ตงหลิน และ ชายชรา คอยเดินระวังอยู่ตรงกลาง ปลายทางของพวกเขาก็คือพระราชวังขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่เบื้องหน้า
ในระหว่างทางนี้ครึ่งทางมานี้มีคน 7-8 คน เสียชีวิตไป บางคนถูกแมลงมีพิษกัดจนทำให้ทั่วร่างเน่าเปื่อยกลายเป็นแอ่งน้ำสีเขียวในทันที บางคนถูกไฟคลอกจนไหม้เป็นเถ้าถ่านลอยขึ้นไปในอากาศ และ บางคนก็ถูกปลาปิรันย่ากลืนกินเข้าไป แต่ละคนล้วนมีวิธีการตายแตกต่างกันมากมาย แต่ปลายทางของพวกเขาก็คือความตายเหมือนกัน
ในเวลานี้ พวกเขาไม่เหมือนกับเหล่านักพรตเต๋าที่มีพลังพิเศษเหนือธรรมชาติ พวกเขาเป็นเพียงคนธรรมดาที่อ่อนแอเพียงเท่านั้น ชีวิตและความตายของพวกเขาขึ้นอยู่กับโชคลาภในเวลานี้
และในตอนนี้ เหล่านักพรตเต๋าบางคนก็ถูกทะเลสายฟ้าเล่นงาน
ป่าทึบเริ่มกลายเป็นมีชีวิตชีวาอีกครั้ง และ ในบางครั้ง จะเห็นได้ว่ามีกับดักถูกกระตุ้น และ มีเสียงกรีดร้องบางอย่างที่น่าสะพรึงกลัวก่อนที่จะตาย
เหม่ยหงหยิง ที่เห็น นางได้สั่งให้ขบวนเดินทางรีบเร่ง กับดักภายในป่า เริ่มปรากฏถี่ขึ้นเรื่อย ๆ หากขืนรั้งอยู่นานกว่านี้คงจะทำให้เกิดความเสียหายมากกว่าเดิมเป็นแน่
เมื่อเหล่า นักพรตเต๋าเข้าไปยังส่วนลึกของป่ามากขึ้นเรื่อย ๆ โอกาสที่พวกเขาเผชิญกับ กับดัก ก็ลดลง ทุกคนได้วิ่งอย่างสุดกำลัง หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ออกมาจากพื้นที่ป่าทึบได้สำเร็จ
ยกเว้นผู้เคราะห์ร้าย 2-3 คน ที่ไปแตะกับดักที่ปลายทางสุดท้าย คนกว่า 20 คนที่เหลือทั้งหมด ได้เดินออกมาจากป่าทึบทั้งที่รอดชีวิตมาได้
ทันทีที่พวกเขาเดินออกจากป่าทึบ ทุกคนก็ตกตะลึงกับพระราชวังขนาดใหญ่เบื้องหน้าพวกเขา สิ่งนี้ทำให้พวกเขาไม่เป็นปลายด้านบนสุดยามเงยศีรษะขึ้นมองดู กระทั่งไม่เห็นด้านข้าง ราวกับว่าพระราชวังทั้งหมดถูกรวมหลอมเข้าด้วยกัน และ ไม่มีช่องว่าง สิ่งนี้ สร้างมาจากเหล็กสีดำมันวาวที่ไม่เป็นที่รู้จัก
ที่นี่ มี อนุสรณ์ศิลาขนาดใหญ่ตั้งอยู่ที่ลานจัตุรัสด้านหน้าของพระราชวัง โดยมี อักขระสีแดงเข้มสลักอยู่สองบรรทัด!
“‘ความเป็นตายล้วนขึ้นอยู่กับโชคชะตา’ ‘ผู้ที่มีวาสนาเท่านั้นที่จะได้ครอบครองทุกสิ่ง’”
หลังจากเห็นสิ่งนี้ การแสดงออกของ ไป๋ตงหลิน ได้เปลี่ยนไป แม้แต่ เหม่ยหงหยิง ก็เช่นเดียวกัน
ความเป็นตายล้วนขึ้นอยู่กับโชคชะตา?
ในเวลานี้ ไป๋ตงหลิน ก็เริ่มเข้าใจเล็กน้อยว่าเหตุใดสถานที่แปลกประหลาดเช่นนี้จึงมีกับดักมากมายซ่อนเอาไว้
ที่แท้ ดินแดนแห่งนี้ ไม่ใช่สถานที่ทดสอบพลัง แต่เป็นการทดสอบความสามารถหรือความอุตสาหะ!
สถานที่แห่งนี้น่าสะพรึงกลัวมาก มันเป็นบททดสอบโชคของผู้คน เพราะมันขึ้นอยู่กับ โชควาสนาของแต่ละคน
ดูเหมือนว่า เจ้าของพระราชวังแห่งนี้ จะเคยโชคร้าย เนื่องจากโชคของเขา ไม่งั้นเขาคงไม่มีความหมกมุ่นเกี่ยวกับโชคชะตามากขนาดนี้
ไป๋ตงหลิน ได้หยุดคิด และ ตาม ทุกคนไปที่พระราชวังเหล็ก ด้านหน้าพระราชวัง ยังมีกล่องที่ทำจากทองเหลืองตั้งเอาไว้ โดยมีรูอยู่ด้านบนกล่องและล้อมรอบไปด้วยหมอกสีดำ สิ่งนี้ไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีอะไรซุกซ่อนอยู่ภายใน
นี่คือการจับสลากงั้นหรือไม่?
เหม่ยหงหยิง ได้เหลือบมองไปที่ทุกคนและกล่าวออกมา :
“พวกเจ้าแต่ละคนเดินไปหยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากกล่องและมอบให้กับข้า จากนั้นข้าจะคลายพันธะโลหิตให้กับพวกเจ้า!”
ตามที่ ไป๋ตงหลิน คิด นี่คือกล่องสุ่มดวง ส่วนรางวัลนั้นไม่เป็นที่แน่ชัด
การแสดงออกของเหล่านักพรตเต๋าเริ่มกลายเป็นเคร่งขรึม แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่ากล่องใบนี้อาจไม่ธรรมดา และ มีโอกาสที่จะทำให้พวกเขาตายได้ แต่การได้รับการคลายพันธะโลหิต ก็เป็นสิ่งล่อตาล่อใจมากเกินไป พวกเขายังคงมีทางเลือกงั้นหรือไม่?
ก่อนที่พันธะโลหิตจะคลายออก ชีวิตของพวกเขา ก็ยังคงเป็นของ เหม่ยหงหยิง!
ในเวลานี้ น้องชายฝาแฝด ซานอู๋ ได้ก้าวเดินออกมา ส่วนพี่ชายของเขา ซานเหวิ่น ได้เสียชีวิตลงที่ทางแยกที่สามของเส้นทาง
เขาค่อย ๆ วางมือลงไปในกล่อง ทางเข้าของหลุมนั้นเต็มไปด้วยหมอกดำ ทำให้เขามองไม่เห็นอะไรข้างในเลย
ทุกคนต่างเฝ้ามองด้วยลมหายใจที่แผ่วเบา หลังจาก ซานอู๋ ควานเข้าไปข้างใน เขาก็หยิบจับได้บางสิ่ง และ ค่อย ๆ ดึงมือออก สิ่งที่เขาหยิบออกมา มันเป็น แผ่นหยกแดง!
เขารอด!
ซานอู๋ ทรุดตัวลงกับพื้นในทันที เหงื่อเย็นได้ปรากฏอยู่บนหน้าผากของเขา เห็นได้ชัดว่าเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความตายในตอนนี้
“ดีมาก!”
เหม่ยหงหยิง พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ นี่ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี สิ่งนี้ยังคงเป็นแผ่นหยกแดงที่สำคัญมาก!
หลังจากได้รับแผ่นหยกที่ ซานอู๋ มอบให้ นางก็ไม่ได้ผิดสัญญา นางได้บีบมือ ทันใดนั้น อักขระพลังสีแดง บนผิวหนังของซานอู๋ ก็บิดตัวไปมา จากนั้นก็ค่อย ๆ หลอมรวมกันเป็นแก่นของหยดโลหิต และ ออกจากร่างของ ซานอู๋ กลับมาที่มือของ เหม่ยหงหยิง
ซานอู๋ หน้าซีดและทรุดตัวลงกับพื้น นี่ถือเป็นผลเสียสืบเนื่องมาจากการคลายพันธะโลหิตอย่างกระทันหัน
เหม่ยหงหยิง ไม่ได้กลัวว่า คนเหล่านี้ ที่นางปลดพันธะโลหิตจะมาสร้างความวุ่นวายให้ภายหลัง เพราะหากพวกเขาคิดเช่นนั้นจริง นางก็มีวิธีจัดการในแบบของนาง
อีกอย่าง หลังจากเรื่องนี้ผ่านไปแล้ว คนเหล่านี้บางทีก็อาจจะไม่มีประโยชน์ด้วยซ้ำ กระทั่งนางยังคิดที่จะกำจัดพวกเขาทั้งหมด
คนอื่น ๆ ที่เห็นว่าคำพูดของ เหม่ยหงหยิง เชื่อถือได้ ทุกคนต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก
นักพรตเต๋าอีกคน ได้เดินเข้าไปอย่างประหม่า และ เอื้อมมือเข้าไปในกล่องอย่างช้า ๆ เขาได้คลำหาสิ่งของอยู่ครู่นึง จากนั้นก็พยายามดึงและคว้ามันออกมา
มันเป็นปลายดาบที่หัก อีกทั้งยังมีร่องรอยของโลหิตที่ยังคงเปรอะเปรื้อนอยู่บนปลายดาบ ใบหน้าของชายคนนี้ได้เปลี่ยนไปอย่างมาก ปลายดาบได้สั่นไหวเล็กน้อย แสงขนาดใหญ่จากปลายของมันได้รวบกลืนชายคนนี้จนหายไปในทันที
“น่าเสียดาย คนต่อไป!”
ตามคำแนะนำของ เหม่ยหงหยิง กลุ่มคนจำนวนมาก ได้ทยอยก้าวออกไปทีละคน
บางคนก็โชคดีได้ แผ่นหยก แร่ล้ำค่า ขวดโอสถ เหรียญหยก ฯลฯ และ ทุกคนต่างปลอดภัยดี อีกทั้งพวกเขายังโล่งใจจากการคลายตัวของพันธะโลหิตของ เหม่ยหงหยิง
ส่วนคนที่โชคร้ายและน่าสังเวช พวกเขาได้พบกับแมลงมีพิษและถูกพิษเล่นงานจนตาย กระทั่งบางคน ก็บพลูกบอลไฟ และ ถูกไฟไหม้จนตาย
อัตราการเสียชีวิตในครั้งนี้ ไม่สูงนัก มันแทบจะเป็นอัตรา 1:1 ส่วน เหม่ยหงหยิง ก็ได้เก็บเกี่ยวสมบัติจำนวนมาก จนทำให้ใบหน้าของนางเผยร่องรอยของความสุขออกมา
มีเพียง 3 คน เท่านั้น ที่ยังไม่ได้เข้าไปเสี่ยงดวง เหม่ยหงหยิง ได้มองไปที่ ไป๋ตงหลิน ดูเหมือนว่านางต้องการให้เขาออกไป
ไป๋ตงหลิน ตกตะลึงอยู่ครู่นึง เขาพลันไม่ตอบสนองพักนึง เพราะตลอดการเดินทาง นางแทบไม่คิดจะให้เขาออกแรงเลยแม้แต่น้อย
“ข้าคิดว่าพวกเราจะอยู่กลุ่มเดียวกันซะอีก ดูเหมือนข้าจะเข้าใจผิดไป ต้องขอโทษด้วย ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เหม่ยหงหยิง เลิกคิ้ว เจ้าบ้านี่สมองมีแต่กล้ามหรืออย่างไร? เขาไม่กลัวตายหรอกเหรอ? อีกฝ่ายยังกล้าหัวเราะในสถานการณ์เช่นนี้ออกมาได้?
ไป๋ตงหลิน ไม่เคยปล่อยให้ ไป๋ตงหลิน ไปเสี่ยงอันตราย แน่นอนว่านางไม่ได้หลงใหลในผิวพรรณที่หล่อเหลาของเขา แต่มันเป็นการยากที่จะพบผู้ฝึกฝนพลังกายในปัจจุบัน อีกทั้ง คนผู้นี้ ยังไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกับเหล่านักพรตเต๋าเหล่านี้
ดังนั้นนางจึงค่อนข้างมั่นใจเล็กน้อยว่า ไป๋ตงหลิน ต้องการไปที่ อาณาเขตเล่ยเจ๋อ จริง ๆ และ เผลอโชคร้ายหลุดเข้ามาในวงโคจรนี้
เพียงแต่น่าเสียดาย ที่นางไม่มีความคิดที่จะปล่อยเขาไป นางเพียงแค่เก็บเขาไว้ใช้ตอนท้าย เหมือนกับของกินที่อร่อยที่สุดและต้องการที่จะชิมมันในตอนท้าย
ไป๋ตงหลิน ไม่ได้พูดอะไรมาก เขาได้เดินไปที่กล่องลึกลับอย่างใจเย็น โดยไม่ได้สนใจโชคชะตาของตัวเอง
ขณะที่เขาครุ่นคิด และ เอื้อมมือไปแตะอะไรบางอย่าง เขาก็ลองดึงสุ่มมันออกมา เพราะเขาไม่รู้ว่าสิ่งของเหล่านี้ อันไหนดี อันไหนร้าย
หืม? ทว่า ในขณะที่ เขาหยิบสิ่งของนี้ขึ้นมา สัมผัสของเขาได้ร้องเตือนว่านี่เป็นสิ่งของที่ดี
ทันทีที่เขาหยิบขึ้นมา ใบหน้าของเขาก็ทรุดตัวลงอย่างกระทันหัน มันเป็นกะโหลกสีดำที่มีรอยแตกเล็กน้อย
หัวกะโหลกสีดำนี้ได้ปล่อยควันสีดำออกมาและแทรกซึมเข้าไปในจิตใจของ ไป๋ตงหลิน จนทำให้เขาล้มลงกับพื้นในทันที
เหม่ยหงหยิง ได้สั่นศีรษะอย่างเสียใจ น่าเสียดายที่ โชคของ ไป๋ตงหลิน ช่างน้อยนิด จนทำให้อีกฝ่ายต้องจบชีวิตลง
หลังจากหยิบแผ่นหยกแดงยื่นให้กับชายชรา เหม่ยหงหยิง ทั้งสองคนก็เดินเคียงข้างกันไปที่หน้าประตูของพระราชวัง แผ่นหยกในมือของพวกเขาได้เปลี่ยนเป็นสีแดง ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินผ่านเข้าประตูไป
ผู้รอดชีวิตกว่า 10 คนที่เห็นฉากนี้ พวกเขาได้ลุกขึ้นและเดินเข้าไปภายในพระราชวังทีละคน
พวกเขารู้กฏเกณฑ์ในการข้ามผ่าน มีเพียงผู้ที่จับฉลากเท่านั้นที่จะมีคุณสมบัติเข้าสู่พระราชวังได้ หรือ ไม่ก็ถือแผ่นหยกแดงในการข้ามผ่าน
สมบัติสวรรค์ที่แท้จริง ซ่อนอยู่ภายในพระราชวัง แน่นอนว่าพวกเขาไม่อยากจะพลาด หากพวกเขาต้องการจะออกจากสถานที่ผีสิงเช่นนี้ พวกเขาก็ต้องเข้าไปในพระราชวัง
หลังจากที่ทุกคนไปแล้ว ไป๋ตงหลิน ก็ลืมตาขึ้นและลุกขึ้นยืน จิตวิญญาณของเขาได้ถูกทำลายโดยกะโหลกสีดำและเขาก็ฟื้นคืนชีพขึ้นมาในทันที
การพลิกฟื้นที่แข็งแกร่ง!
หลังจากเห็น เหล่านักพรตเต๋า จากกันไปหมดแล้ว ไป๋ตงหลิน ก็ไม่รีรอที่จะกระทำอย่างก่อนหน้านี้โดยตรง
เขาไม่ต้องการปล่อยสมบัติที่ซ่อนอยู่ในกล่องนี้ให้หลุดลอยไป ถ้าจะตำหนิ ก็ต้องโทษความโชคร้ายของคนเหล่านั้นเอง
เขาได้ถูมืออยู่ที่ด้านหน้ากล่องและกล่าวพูดด้วยรอยยิ้ม :
“ไหนมาดูสิ่ว่าเจ้าสิ่งนี้จะซุกซ่อนอะไรไว้บ้าง!”
เขาได้ม้วนแขนเสื้อขึ้นและเอื้อมมือเข้าไปข้างในอย่างคร่าว ๆ