SGS บทที่ 114 – บาฮาลล่ะ! กลุ่มทหารรับจ้างเจ้าเก่ามาแล้ว! (ฟรี)
บาฮาลค่อนข้างเป็นพื้นที่ชั้นสูงของจักรวรรดิไอย์ลู ถึงแม้มันจะเทียบไม่ได้กับ มาร์ฟาส เมืองที่ที่ตระกูลอันดับหนึ่งตระกูลโลลิอาศัยอยู่ แต่มันก็มีชื่อเสียงไม่ใช่น้อยเลยล่ะ
แต่อันนี้ไม่พูดไม่ได้จริงๆ การเดินทางด้วยเรือเหาะของโลกนี้มันโครตมีประสิทธิภาพเลยล่ะ
ด้วยระยะทางที่ต้องใช้เวลาเดินทางสองถึงสามวันของโลกเดิมเขา แต่เรือเหาะกลับใช้ไม่ถึงครึ่งวัน!
ณ โฟลทติ้งพลาซ่าเมืองบาฮาล (@ตอนก่อนหน้านี้ใช้ย่านการค้า) เมื่อเรือเหาะลงจอดด้านล่าง ลิลินน้อยก็ชูมือร้องวี้ดว้ายด้วยความดีใจทันที ในที่สุดเธอก็กลับถึงบ้านแล้ว!
พวกลุงๆบางคนที่อยู่รอบๆเมื่อได้ยินเสียงร้อง พวกเขาต่างก็ขมวดคิ้วแล้วหันมาดูเตรียมพูดต่อว่า ทว่าเมื่อเห็นเจ้าของเสียงคิ้วที่ผูกเป็นปมก็คลายออกทันที จากใบหน้าบึ้งตึงเป็นรอยยิ้ม นี่ทำให้วู่หยานรู้แจ้งทันที
‘โห....ไม่ว่าโลกไหนก็มีสินะ พวกโลลิค่อนเนี่ย.....’
“ลิลินน้อย พวกเราต้องไปทางไหนต่อเหรอจ๊ะ”
ฮินางิคุที่กำลังกุมมือลิลิน ได้ย่อตัวลงแล้วยิ้มให้เธอ เมื่อเห็นสีหน้ามีความสุขของลิลิน ฮินางิคุเองก็ยิ้มไม่หุบเหมือนกัน
ใครจะไปคิดล่ะว่าเจ้าของรอยยิ้มที่งดงามขนาดนี้ ตอนที่ยังอยู่เมืองท่าจะงอแงปฏิเสธที่จะขึ้นเรือเหาะสุดชีวิตเพราะตัวเองกลัวความสูงกันล่ะ?........
ไม่อยากนึกเลยจริงๆว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเขาไม่ซื้อยาแก้อาการกลัวความสูงของเธอจากระบบไง บางที.....ท่านประธานคงเสนอให้ทุกคนเดินเท้ามาบาฮาล?........
เมื่อได้ยินคำถามของพี่สาวฮินางิคุ ลิลนก็กังวลขึ้นมาทันที ถึงเธอจะเกิดที่นี่แต่ก็ไม่ได้ออกจากบ้านบ่อยนัก ดังนั้นกับบาฮาลที่ใหญ่โตนี่จึงยังมีอีกหลายที่ที่เธอยังไม่เคยไป
และบาฮาลโฟลทติ้งพลาซ่าก็เป็นที่ที่เธอไม่เคยมาด้วย!
ลิลินน้อยหันมองซ้ายมองขวาพยายามนึกว่าทางไปบ้านมันทางไหน ดวงตาเธอกวามองไปทั่ว แต่สุดท้ายเธอก็คอตกกลับมา
“นะ..หนู..มะ.ไม่รู้ทางไปค่ะ!”
ฮินางิคุยิ้มเจื่อนๆแล้วเอามือวางบนหัวลิลิน “งั้นก็คงมีแต่ต้องค่อยๆหาดูไปล่ะนะ....”
โดยเมินสายตาอิจฉาและสายตาเกลียดชังรอบๆ วู่หยานหันไปมองรอบๆก่อนจะคิดครู่หนึ่งแล้วเดินมาตรงหน้าพวกเธอพูดว่า
“งั้นอย่างแรกเราลองมาเดินช็อปปิ้งแถวๆนี้ก่อนล่ะกัน เผื่อลิลินจะเจอที่ที่คุ้นตาบ้าง.....”
“ก็จริง.....”
ไม่รู้เป็นเพราะคำว่า ช็อปปิ้ง รึเปล่า ยกเว้นแต่อิคารอส สามสาวที่เหลือต่างก็ยิ้มแก้มปริทันที นี่ทำให้วู่หยานกรอกตามองบน
เดินไปตามท้องถนน กลุ่มวู่หยานต่างก็ดึงดูดผู้คนได้เป็นอย่างดี แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร มองเยอะๆสิดีเผื่อจะมีใครที่จำลิลินได้บ้าง
แต่ทางด้านพวกฮินางิคุเนี่ยสิ กลับทำตัวราวกับลืมเรื่องที่ต้องหาทางกลับบ้านให้ลิลินไปแล้วยังไงยังงั้น พวกเธอต่างก็ยุ่งอยู่กับการมองดูร้านค้าข้างทาง เดินเข้าไปแล้วดูอันที่ชอบแล้วชิ้นิ้วอันนู่นทีอันนี้ทีด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
เห็นแบบนี้ วู่หยานจึงคิดในใจว่า
‘สายเลือดการช็อปปิ้งนี่มันอยู่ในตัวผู้หญิงทุกคนจริงๆแฮะ.......’
มีเพียงแค่อิคารอสที่เดินตามวู่หยานอยู่ข้างๆ พวกผู้ชายรอบๆก็มองเขาด้วยสายตาข่มขู่ นี่ทำให้เขาอดที่จะตบมุขในใจไปอีกดอกไม่ได้
ไม่รู้ว่าเดินดูกันมานานแค่ไหนแล้ว ตอนนี้วู่หยานเหมือนเทียนที่ใกล้ดับเต็มทน ฮินางิคุที่เดินอยู่ด้านหน้านในที่สุดก็พูดว่า
“เดินจนชักจะเริ่มเมื่อยแล้วนะ มาหาที่นั่งพักกันเถอะ”
วู่หยานที่เดินจนหลังแข็งเมื่อได้ยินคำพูดเธอก็ฟื้นคืนชีพทันที เขารีบชี้นิ้วไปที่ร้านอาหารด้วยรอยยิ้ม
“ร้านนั้นมีห้องสำหรับครอบครัวอยู่ด้วยนะ พงกเราไปนั่งที่นั่นกันเถอะ!”
โดยไม่รอให้พวกเธอตอบ วู่หยานก็รีบหันหลังก้าวฉับๆไปทันทีราวกับกลัวพวกฮินางิคุจะเปลี่ยนใจเดินช็อปต่อ ทำให้มิโคโตะกับฮินางิคุหัวเราะคิกคักก่อนจะเดินตามเขาไป
“หือ ร้านอาหารต่างโลกกับร้านอาหารที่เมืองการศึกษา ดูจะแตกต่างกันอยู่นะเนี่ย”
ยังไม่ทันที่เก้าอี้ที่นั่งจะทันร้อน หลังจากมองดูรอบๆ มิโคโตะก็เปิดปากพูดวิจารณ์ร้านคนอื่นเสียงดัง ดังราวกับไม่กลัวว่าคนอื่นจะได้ยิน
วู่หยานหัวเราะแล้วโบกมือให้ขณะที่ถือเมนูอาหาร “มันต่างกันไม่มากเท่าไหร่หรอกน่า”
ฮินางูมองดูผู้คนเดินถนนข้องนอกกระจกร้าน แล้วหันหน้ามาพูดกับลิลิน “เน่ ลิลินจ๊ะ เจอที่ไหนคุ้นๆบ้างไหม”
เมื่อลิลินได้ยินก็ทำหน้าเศร้าๆทันที “มะ..ไม่เลยค่ะ....”
“เอาน่า ไม่เป็นไรนะ ค่อยๆหาดูต่อไปก็ได้ ยังไงก็มาถึงที่นี่แล้ว ยังต้องกลัวว่าจะหาบ้านไม่เจออีกเหรอ?” ยกมือหยอกแก้มน้อยๆของลิลิน มิโคโตะพูดด้วยรอยยิ้ม
ถูกแล้ว มาถึงที่นี่ทั้งทียังจะต้องกลัวว่าจะหาไม่เจออีกเหรอ?
ถึงแม้จากสีหน้าเอ๋อๆของลิลน มันอาจจะต้องใช้เวลาพักใหญ่ๆถึงจะเจอก็เถอะนะ.......
ภายใต้สายตาของลูกค้าทั้งร้าน พวกเขาก็คุยเล่นกันไปแบบนี้ โดยไม่รู้ตัวเลยว่ากลุ่มตัวเองเป็นจุดรวมสายตาลูกค้าในร้าน ไม่สิบางทีอาจจะรู้ตัวอยู่แล้ว แต่เป็นเพราะความเคยชินเลยไม่สนใจ?
วู่หยานเอนหลังพิงไปกับเก้าอี้ขณะที่จิบน้ำผลไม้อะไรสักอย่าง แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง ก่อนจะสังเกตเห็นอะไรบ้างอย่างที่ทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว
“เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า?” ฉากหน้าคุยกัน แต่จริงๆแล้วไม่ว่าจะเป็น ฮินางิคุ มิโคโตะ หรือ อิคารอส ต่างก็ให้ความสนใจที่ตัววู่หยาน พวกเธอใส่ใจทุกๆการเคลื่อนไหวของเขา
ดังนั้น การที่วู่หยานขมวดคิ้ว พวกเธอจึงเห็นมันทันที
สายตายังคงมองออกไปข้างนอกหน้าต่างโดยที่ยังขมวดคิ้วอยู่ วู่หยานก็พูดกับสาวๆว่า “พวกเธอไม่คิดเหรอว่าผู้คนข้างนอกนั่นมันมีอะไรแปลกๆน่ะ?”
ฮินางิคุกับมิโคโตะหันมองตามไป เห็นฝูงคนต่างก็เร่งรีบวิ่งไปในทิศทางเดียวกัน
วู่หยานคิดชั่วครู่ แล้วพูดว่า “ลองไปดูกัน!”
พยักหน้ายอมรับ พวกเขาเดินออกมาเดินออกมาจากร้านอาหารอย่างรวดเร็ว วู่หยานเอื้อมมือคว้าหนึ่งในคนเดินถนนที่กำลังพากันวิ่งตามกันไปทิศทางหนึ่ง
“เฮ้พี่ชาย เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า ทำไมถึงพากันเดินไปทางนั้นกันหมดเลยล่ะ?”
“ตายแล้ว! นี่นายไม่รู้เหรอเนี่ย!” คนเดินถนนมองวู่หยานราวกับกำลังมองคนป่ายังไงยังงั้น
“ก็ข้างหน้านี้มีสองผู้ที่มีอิทธิพลมากที่สุดของเมืองบาฮาล ตระกูลมิเดอร์เรียกับกลุ่มทหารรับจ้างสุนัขเหล็กอยู่ไงล่ะ!”
ตระกูลมิเดอร์เรีย! กลุ่มทหารรับจ้างสุนัขเหล็ก!
เมื่อได้ยินสองชื่อนี้วู่หยานก็สตันทันที ไม่เพียงแค่วู่หยาน แม้แต่ฮินางิคุกับมิโคโตะก็เป็นไปด้วย
กลุ่มทหารรับจ้างสุนัขเหล็ก นี่ไม่ใช่ชื่อของพวกที่เลี้ยงหมาหน้าตาน่าขยะแขยงแล้วยังเป็นพวกที่ลักพาตัวลิลิน?
กลุ่มทหารรับจ้างสุนัขเหล็ก ไม่คิดเลยว่าพวกมันก็อยู่ที่นี่ด้วย
“เอ่อ แล้วมันมีอะไรเกี่ยวกับพวกนายเหรอ ถึงได้รีบวิ่งกันหน้าตั้งแบบนี้น่ะ?”
“ตายแล้ว! นี่นายไม่รู้เหรอเนี่ย!” คำพูดเดิมๆเพิ่มเติมคือสีหน้าที่เพิ่มการดูถูกเข้าไปด้วย ตรงหน้าผากวู่หยานเกิดเส้นเลือกปูดขึ้นมา เขาพยายามหักห้ามใจตัวเองไม่ให้ชกมันเพื่อที่จะได้ฟังต่อ
“ข้างหน้านี้กำลังมีคนของทั้งสองฝ่ายสู้กันอยู่ไงล่ะ!”
“สู้?” วู่หยานหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วขมวดคิ้วอีกครั้ง
ดูเหมือนทั้งสองฝ่ายจะมีความสัมพันธ์กันไม่ดีเท่าไหร่แฮะ......
เขารู้สึกว่า บ้านเกิดของลิลิน กับ ไอ้สองขุมกำลังนี้จะมีความเกี่ยวข้องกัน เมื่อคิดได้ดังนี้เขาจึงต้องจำใจพูดขอบคุณไอ้คนเดินถนนที่สักวันจะตายเพราะปากไป แล้วปล่อยให้มันวิ่งตามเหล่าบาฮาลมุงไป (ไทยมุง)
“หยาน พวกทหารรับจ้างนั่นก็อยู่ที่นี่ด้วย เราควรลองไปดูไหม?” ฮินางิคุมาพูดกระซิบที่หูเขา เป็นเพราะพวกมันเป็นกลุ่ที่ลักพาตัวลิลิน ดังนั้นถ้าพวกเธอพาลิลินไป ฮินางิคุจึงกังวลว่ามันอาจจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้น
“ลองไปดูกันเถอะ...” วู่หยานพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ที่พวกมันลักพาตัวลิลินย่อมต้องมีเป้าหมายแน่ แถมที่นี่ยังเป็นบ้านเกิดของลิลิน บาทีถ้าตามไปดูอาจจะได้เบาะแสอะไรบ้างก็ได้”
มองดูสีหน้ากังวลของฮินางิคุ วู่หยานก็เอื้อมมือไปจับมือเธอด้วยความขบขัน “ต่อให้มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ แล้วเราจำเป็นต้องกลัวด้วย? อย่าลืมสิ ตอนนี้เธอเองก็เป็นแรงค์7แล้วนะ!”
ถูกวู่หยานกุมมือ ฮินางิคุก็หน้าแดงก่อนจะพูดว่า “ใคร ใครกลัวกัน ไปสิ! ของแค่นี้เอง!”