MDB ตอนที่ 70 ไม่พบในรายการ
เนื่องจากการรายงานใช้เวลานานพอสมควร กว่าหลินจินจะกลับมาที่สมาคมประเมินสัตว์วิเศษก็เป็นบ่ายโมงแล้ว
“ข้าต้องไปที่ห้องโถงฉุกเฉินกันก่อน”
เมื่อพวกเขามาถึงประตู มีเพียงจ้าวหยิงเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ ขณะที่หลินจินกลับถูกหยุดอยู่ข้างนอก
หลินจินสับสนแต่ผู้คุมไม่ยอมให้เขาผ่านไปโดยบอกว่าเป็นคำสั่งของหัวหน้าหวังจี
“นี่มันมากเกินไปแล้ว!” การแสดงออกของหลินจินมืดลง เขาไม่สนใจว่าหวังจีจะรังแกมากเท่าไหร่แต่การจำกัดเขาไม่ให้เข้าไปในสมาคมนั้น มันเป็นเรื่องที่อุกอาจมากเกินไป
ทันใดนั้น หวังจี้ก็เดินไปพร้อมกับเจียเฉียนและจางเฮอ
“หลินจิน ทางสำนักงานใหญ่ได้เพิกถอนคุณสมบัติของเจ้าอย่างเป็นทางการในฐานะผู้ประเมินสัตว์วิเศษ ตอนนี้เจ้าต้องมอบวงแหวนของผู้ประเมินของเจ้ากลับคืนมาที่สมาคม จากนี้ไปเจ้าจะไม่ได้รับอนุญาตให้ก้าวเข้าสู่สมาคมอีกครั้งเพราะเจ้าไม่คู่ควรกับสถานที่แห่งนี้!”
หวังจีรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งกับตัวเอง
ในที่สุด เขาก็สามารถไล่หลินจินออกไปได้สำเร็จ
และมันเกิดขึ้นเร็วกว่าที่เขาคาดไว้ตั้งสองวัน
ตามจริงแล้ว เขาตกใจพอ ๆ กับที่ได้รับข่าวเมื่อเช้านี้ คำสั่งเพิกถอนคุณสมบัติของหลินจินมาจากสำนักงานใหญ่ของผู้ตรวจการ
ผู้ตรวจการมีอำนาจดังกล่าวอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ หวังจีไม่ได้คาดหวังว่าผู้ตรวจการจะมาที่นี่เร็วกว่ากำหนดสองวัน เขาไม่รู้ว่าอะไรทำให้ผู้ตรวจการโกรธมากจนพวกเขาแจ้งสำนักงานใหญ่เพื่อออกคำสั่ง
แต่มันไม่สำคัญหรอกว่าเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่สำคัญคือความสำเร็จของแผนของเขา
เช่นเดียวกับการตัดสินประหารชีวิต มันเป็นไปไม่ได้ที่หลินจินจะกู้ชื่อเสียงกลับมาในตอนนี้
หลินจินตกใจอย่างเป็นธรรมชาติ เขานึกถึงผู้หญิงแปลกหน้าคนนั้นเมื่อคืนนี้ที่ประกาศก่อนที่เธอจากไปว่าคุณสมบัติของเขาในฐานะผู้ประเมินถูกเพิกถอนไปแล้ว
ย้อนกลับไปตอนนั้น เขาคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องตลกแต่ใครจะรู้ว่าเธอพูดความจริง
หลินจินสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์
เมื่อเรื่องมาถึงจุดนี้ มันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะโต้เถียงกัน แผนการที่จะเกิดขึ้นของเขาถูกทำลายอย่างไม่ต้องสงสัย เขาต้องการสอบเลื่อนขั้นแต่ตอนนี้เขาถูกปลดออกจากการเป็นผู้ประเมินแล้ว เขาคงไม่สามารถสอบได้อย่างแน่นอน
แต่แล้วไง?
ถ้าเขาถูกปลดจากคุณสมบัติของเขาในฐานะผู้ประเมินทางการ เขาก็สามารถสอบอีกครั้งได้และไม่ใช่แค่การสอบเพื่อรับรองเท่านั้น เขาจะสอบเลื่อนเป็นระดับสองด้วย
ในขณะที่ความคิดนี้ฟังดูเป็นเรื่องไกลตัว สำหรับหลินจินผู้ครอบครองพิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษ เรื่องนี้มันไม่ใช่ปัญหาเลย
“เจ้ามีสิทธิ์อะไรที่จะเพิกถอนคุณสมบัติของอาจารย์หลิน?”
ทันใดนั้นเสียงโกรธก็ดังขึ้น
มันคือเสียงของจ้างหยิง
เฉกเช่นสิงโตที่โกรธเกรี้ยว ใบหน้าของเธอก็แดงก่ำด้วยความโกรธ
“มันคือสิทธิ์ของผู้ตรวจการของสำนักงานใหญ่” จางเฮออดไม่ได้ที่จะพูดออกมา ใบหน้าของเขายังคงบวมหลังจากถูกตงเหอทุบตีเมื่อวานนี้
หลินจินไม่สนใจจางเฮอแม้แต่น้อยแต่เขาไม่สามารถปล่อยให้จ้าวหยิงระเบิดความโกรธตรงนี้ได้
เขาต้องการรั้งเธอไว้แต่จ้าวหยิงยังคงฟาดฟันกับพวกเขาอย่างไม่เกรงกลัว
“นี่เป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบโดยไม่มีหลักฐาน ข้าจะใช้ตัวตนของข้าที่เป็นลูกศิษย์เพื่อรับรองอาจารย์หลิน ในฐานะผู้ประเมินที่ผ่านการรับรอง ไม่ว่าจะเป็นทักษะหรืออุปนิสัย เขาก็ไร้ที่ติ ข้าจะยื่นขอให้มีการตรวจสอบใหม่ หากอาจารย์หลินไม่เหมาะกับตำแหน่งของเขาจริง ๆ ข้ายินดีที่จะรับผิดชอบต่อผลที่ตามมา”
"ข้าด้วย!" หลู่เสี่ยวและฮานดงรีบเข้ามา
“ข้า หลู่เสี่ยวหยุน เต็มใจรับรองอาจารย์หลิน!”
“ข้า ฮานดง เต็มใจรับรองอาจารย์หลิน!”
ลูกศิษย์สามคนก้าวไปข้างหน้าเพื่อยืนกรานอยู่ข้างหลินจิน
หลินจินได้แต่กลืนน้ำลาย
เขารู้สึกซาบซึ้งมาก!
“พวกเจ้าคิดว่าพวกเจ้ามีค่ามากพอหรือ?” หวังจีเย้ยหยัน “พวกเจ้าทั้งสามคนเป็นเพียงผู้ประเมินฝึกหัด ไม่ใช่ผู้ประเมินทางการ จะมีสิทธิ์อะไรที่พวกเจ้าสามารถรับรองเขาได้? พวกเจ้าจะเดิมพันอะไร ข้าขอเตือนพวกเจ้าให้หยุดสร้างปัญหาซะ นี่คือการตัดสินใจจากสำนักงานใหญ่ ถ้าพวกเจ้าไม่อยากอยู่ในสมาคมอีกต่อไป พวกเจ้าก็ออกไปด้วยกันได้ ข้าจะไม่หยุดพวกเจ้า”
“ก็ได้ ข้าไปแน่…” หลู่เสี่ยวหยุนโพล่งออกมาด้วยความโกรธทันที แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ หลินจินก็ปิดปากของเธออย่างคล่องแคล่ว
“ฮึ่ม!”
หลู่เสี่ยวหยุนทำท่าทางไม่พอใจแต่เสียงเดียวที่เปล่งออกมาคือเสียงอู้อี้
“พอได้แล้ว พวกเจ้าสามคน!” หลินจินตะโกนอย่างรุนแรง
“อาจารย์หลิน ฮานดงผู้นี้ได้รับพระคุณจากท่านแล้ว ตอนนี้ผู้มีพระคุณของข้ากำลังถูกทำให้ขายหน้า ข้าจะยืนดูเฉย ๆ ได้อย่างไร ข้าสาบานว่าจะทำตาม…”
"หุบปาก!" หลินจินจ้องมองที่พวกเขาโกรธ
ฮานดงหุบปากทันที
ถึงกระนั้นเขาก็ไม่สามารถหยุดน้ำตาไม่ให้ไหลได้ เด็กตัวใหญ่อย่างฮานดงที่เคยยิ้มอย่างสดใสตลอดเวลากำลังร้องไห้ออกมา
ไม่ใช่แค่เขา แม้แต่จ้าวหยิงและหลู่เสี่ยวหยุนต่างก็น้ำตาไหลออกมา
การที่หลินจินถูกปิดกั้นที่ประตูสมาคมที่ทุกคนกำลังเฝ้าดูอยู่ จากนั้น หวังจีก็จงใจมาปรากฏตัวที่นี่เพื่อประกาศให้ทุกคนฟังว่าหลินจินถูกปลดจากการเป็นผู้ประเมินแล้ว มันช่างเป็นความอัปยศที่แท้จริง
ทำไมเขาถึงไม่บอกหลินจินไปที่มุมหนึ่งและบอกข่าวกับเขาเป็นการส่วนตัวไม่ได้หรือ?
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า หวังจีได้เริ่มวางแผนสำหรับสิ่งนี้ ในขณะที่เขาได้รับข่าวจากสำนักงานใหญ่
ลูกศิษย์ทั้งสามคนไม่สามารถยืนดูหลินจินถูกทำให้อับอายได้ หลังจากใช้เวลาร่วมกันสองสามวัน พวกเขาได้เรียนรู้ที่จะแบ่งปันสารทุกข์สุกดิบของพวกเขาและในฐานะที่ยังเป็นวัยรุ่น มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะถูกใจร้อนเมื่อเผชิญกับความอยุติธรรม
มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์
ถ้าหลินจินเป็นคนธรรมดา เขาอาจจะเสียสติไปในทันที เขาจะโกรธเคือง อายตัวเองหรือหมดสติเพราะความโกรธและถูกหัวเราะเยาะ
แต่หลินจินไม่ใช่คนธรรมดา
เขาตบไหล่ฮานดง ลูบหัวหลู่เสี่ยวหยุนและเช็ดน้ำตาของจ้าวหยิง ก่อนที่จะพูดว่า “ข้าเข้าใจความรู้สึกของพวกเจ้า หากพวกเจ้ายังคงเคารพข้าในฐานะอาจารย์ของพวกเจ้าก็จงฟังคำสั่งของข้า อย่าพูดอีกและอยู่ในสมาคม ฝึกฝนทักษะของเจ้าและเพิ่มพูนความรู้ของเจ้า ส่วนเรื่องพวกนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง”
ทั้งสามคนพยักหน้าและหลินจินหันไปหาหวังจี
“เป็นเรื่องปกติที่จะปฏิบัติตามคำสั่งจากสำนักงานใหญ่ หัวหน้าหวัง ข้าขอถามอะไรบางอย่างจากจากท่านสักหน่อย ทางสำนักงานใหญ่เพิกถอนคุณสมบัติของข้าในฐานะผู้ประเมินทางการแค่นั้นใช่หรือไม่?” หลินจินถาม
หวังจีคำรามด้วยเสียงหัวเราะ
“หลินจิน แค่นี้ยังไม่พออีกเหรอ? พวกรายละเอียด ถ้าเจ้าอยากจะฟัง ข้าจะย้ำให้เจ้าฟังอีกที ทางสำนักงานใหญ่มีคำสั่งให้เพิกถอนคุณสมบัติของคุณในฐานะผู้ประเมินทางการเท่านั้น เจ้าได้ยินชัดหรือไม่?”
หลินจินพยักหน้า “แค่นั้นก็ดีแล้ว ดังนั้นข้าจะลงทะเบียนสอบเพื่อเป็นผู้ประเมินทางการในวันพรุ่งนี้ หัวหน้าหวัง ข้าหวังท่านจะรอข้าเมื่อถึงเวลานั้น!”
เมื่อพูดอย่างนั้น หลินจินก็เดินจากไปพร้อมกับสะบัดแขนเสื้อ
ฝูงชนตกตะลึงก่อนจะเกิดเสียงหัวเราะดังสนั่น
“หลินจินบ้าไปแล้วเหรอ? เขาคิดว่าเขาจะสอบผ่านหรือไง?”
“ช่างตลกอะไรอย่างนี้! เขาคิดว่าเขาคู่ควรกับการเป็นผู้ประเมินทางการอย่างงั้นหรือ ผู้ตรวจการจากสำนักงานใหญ่ไม่ได้ตาบอด หากพวกเขาไม่มีหลักฐานยืนยันความสามารถของหลินจิน ทำไมพวกเขาถึงเพิกถอนคุณสมบัติของเขา? เขาจะทำให้ตัวเองต้องอับอายอีกครั้ง”
หวังจีก็หัวเราะเช่นกันในขณะที่เขาส่ายหัว “ได้ ข้าจะดูว่าเจ้าจะสามารถทำข้อสอบได้หรือไม่ แต่การกระทำเช่นนี้ของเจ้า เป็นเหมือนการตั้งคำถามกับการตัดสินใจของผู้ตรวจการ คน ๆ นั้นยังอยู่เมืองเมเปิ้ล หากผู้ตรวจการรู้เรื่องนี้ เจ้าจะต้องแย่แน่นอน ฮึ! นอกจากเจ้าจะสอบไม่ผ่านแล้ว พวกเขาจะยังห้ามไม่ให้เจ้าเป็นผู้ประเมินอีกด้วย!”
และหวังจีจะ 'ทำให้แน่ใจ' ว่าผู้ตรวจการได้ยินเรื่องนี้
นอกจากนี้ เขารู้ดีว่าผู้ตรวจการที่ส่งมาจากสำนักงานใหญ่จะไม่ใช่คนที่มีสถานะธรรมดา หากบุคคลที่โดดเด่นนี้ถูกทำให้ขุ่นเคือง หลินจินจะไม่สามารถโงหัวขึ้นมาด้ ไม่ว่าเขาจะน่าทึ่งมากแค่ไหนก็ตาม...
ภายในสมาคมประเมินสัตว์วิเศษ เมื่อตันหลินฟังรายงานของหวังจี เธอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้และความโกรธก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งในหัวใจของเธอ ซึ่งทำให้การแสดงออกของเธอมืดลง
'เขาไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้? คนอย่างเขาไม่เพียงแค่ไร้ยางอายเท่านั้น แต่เขายังไม่รู้จักเจียมตัวอีกด้วย’ เธอรำพึงพร้อมกับกัดฟัน
อย่างไรก็ตาม หลินจินยังคงนิ่งอยู่และพูดเบา ๆ ว่า “ถ้าเขาต้องการทำการสอบก็ปล่อยให้เขาไป สำนักงานใหญ่ไม่ได้กีดกันเขาจากสิทธิ์ในการสอบ”
แม้จะพูดอย่างนั้นแต่ก็เห็นได้ชัดว่าตันหลินยังคงโกรธเคือง
หวังจีหวังว่าจะได้รับคำตอบเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงกล่าวว่า “เป็นความผิดของข้าเองที่ผ่อนปรนเกินไปจนเกิดแกะดำอย่างเขาปรากฏในสมาคม จริงสิ ผู้เฒ่าตันออกมาแล้วหรือยัง?”
ตันซุนหรือที่รู้จักอย่างเป็นทางการในชื่อผู้เฒ่าตัน เขาเป็นผู้ประเมินระดับสามจากสำนักงานใหญ่ที่ท่านเจ้าเมืองเชิญมา ชายผู้นี้มีตำแหน่งที่น่าทึ่งในสำนักงานใหญ่และเป็นพ่อของผู้ตรวจการ ตันหลิน
ตันหลินส่ายหัว “ท่านพ่อยังคงอยู่ที่สายธารวิญญาณแห่งอัคคีและปฐพี ท่านกำลังพูดคุยถึงวิธีเสริมความแข็งแกร่งของผนึกร่วมกับผู้เฒ่าโมและผู้เฒ่าตู่ พวกท่านอาจใช้เวลาสักครู่ ข้าจะอยู่ที่นี่และรอจนกว่าท่านจะกลับมา”